วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

จำเลยรัก ตอนที่ 11-15

จำเลยรัก ตอนที่ 11

“ไม่ คนเรามีชะตากรรมของตัวเอง”

“งั้นหริณ”

หฤษฎ์สวนทันที “จะบอกว่าหริณมีกรรมของเขาละสิ? ไม่ใช่แน่ๆ นั่น เป็นเรื่องเดียวที่ผมยอมรับไม่ได้ เขาถูกคุณทำร้าย! ถูกคุณกำหนดชะตากรรม ผมถึงต้องแก้แค้น กำหนดชะตากรรมของคุณบ้างไงล่ะ”

โศรยาอารมณ์เสีย ที่หฤษฎ์ยังคงกล่าวโทษไม่รู้เลิก “ฉันนึกแล้ว ว่าคนอย่างนาย ไม่มีทางจะทำอะไรดีๆ กับฉันหรอก คนเจ้าคิดเจ้าแค้น คนไม่มีเหตุผล เอาของเคลือบเงาวาววับของนายคืนไปเลย ฉันไม่อยากได้”

โศรยาจะดึงสร้อยข้อมือออก หฤษฎ์ตะครุบคว้าแขนจับไว้ “อย่าแกะนะ! ใส่ไว้!”

หฤษฎ์ตะคอกดุ โศรยาหยุดชะงัก หฤษฎ์จ้องหน้าโศรยาเน้นๆ

“เพราะผู้หญิงแบบคุณ ก็สมควรกับไข่มุกเม็ดเบี้ยวๆ มีตำหนิแบบนี้แหละ” หฤษฎ์ยิ้มเยาะ

โศรยาโกรธ ดิ้นหลุด “นายต่างหาก ปิดหูปิดตาอยู่ในกะลา รับรู้อะไรผิดๆ บิดๆ เบี้ยวๆ แล้วก็ไม่คู่ควรกับความรู้สึกดีๆ ของใครเลย ฉันเกลียดนาย!”

โศรยากระชากหมุดปลดล็อค ถอดสร้อยมุกออกเขวี้ยงทิ้งไปไกล แล้ววิ่งเข้าบ้าน หฤษฎ์มองตามโศรยาอย่างไม่ยอมแพ้

นุกูลชวนสอางค์แม่ของโศรยามาหาลูกสาวที่บ้านของสายสมร แต่สอางค์เพียงแค่ฝากของไปให้ เมื่อนุกูลไปถึงทำให้สายสมรตกใจเมื่อรู้ว่าโศรยาไม่ได้กลับไปที่บ้านสวน ศันสนีย์เดินเข้ามา สายสมรรีบดึงลูกสาวไปคุยอีกห้องหนึ่ง ศันสนีย์อ้างว่าเธอคิดว่าโศรยาไปจริงๆ แล้วก็เกรงว่าพ่อกับแม่จะดุที่ไม่รู้ว่าหลานสาวคนโปรดหายไปไหน สองแม่ลูกปรึกษากันด้วยความเป็นห่วงโศรยา ก่อนจะออกไปบอกนุกูลว่าโศรยาไปเที่ยวต่างจังหวัด

ที่ฟาร์มุก โศรยาเดินไปริมทะเล หฤษฎ์เดินตามหลัง หญิงสาวพูดโดยไม่หันมามองว่า

“ฉันจะบอกลูกน้องนายทั้งหมด ว่านายเป็นคนเลวแค่ไหน ที่จับฉันมาโดยไม่สนใจว่าครอบครัวฉันจะเป็นยังไง คอยดูเถอะ ถ้าฉันบอกว่านายทำอะไรกับฉันบ้าง นายจะไม่ใช่เทวดาในสายตาพวกนั้นอีกต่อไป”

“คุณคิดเหรอ ว่าพวกเขาจะเชื่อคุณ มากกว่าผม คนทั้งเกาะอยู่กับผมมาตลอดชีวิต บางคนอยู่มาตั้งแต่สมัยที่พ่อแม่ผมทำเหมือง จะเหลือใครเป็นพวกคุณ?”

“คุณกวินไง! เขาต้องมีสติปัญญาพอที่จะเลือก ว่าอยากจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ติดร่างแหไปกับนายรึเปล่า”

“กวินน่ะโตมาไล่ๆ กับหริณ พ่อแม่เขาก็ทำงานกับเรา แล้วก็เจออุบัติเหตุตายพร้อมกับพ่อแม่ผม คุณคิดดูสิ ว่าเขาจะอยู่ข้างใคร”

โศรยาอึ้ง หันมาจ้องหน้าหฤษฎ์ เจอสายตายิ้มเยาะ “แน่จริงก็ว่ายน้ำข้ามไปสิ ถ้าไปพ้นเกาะนี่ได้ ผมจะปล่อย”

โศรยาหันมองน้ำ แค้นใจ ตัดสินใจโดดตูมต่อหน้าต่อตา หฤษฎ์ยืนมอง “ไหนว่าว่ายน้ำไม่เป็นไง เอาเลย ว่ายเป็นก็ว่ายไปเล้ย!”

แต่โศรยาไม่โผล่ขึ้นมา หฤษฎ์หันหลังกลับ แต่ผิดสังเกต หันมามอง ตกใจที่ไม่เห็นอะไรในน้ำ ครู่หนึ่งโศรยาโผล่ขึ้นมา ตะกายน้ำเหมือนจะว่าย แต่ว่ายไม่เป็น แล้วผลุบหาย หฤษฎ์ส่ายหน้าเซ็งโดดตูมลงไปช่วย

หฤษฎ์อุ้มโศรยาเดินเปียกซ่กกันทั้งคู่ ตรงไปที่เรือนพัก โศรยาพยายามดิ้น แต่ไม่มีแรง

“รู้อยู่ว่าว่ายน้ำไม่เป็น คิดว่าที่นี่จะมีปาฏิหารย์ทะเลแหวกรึไง โง่!”

หฤษฎ์ก้มตะคอกใส่โศรยาในอ้อมแขน โศรยาอยากจะเถียงแต่ทำได้แค่ไอค่อกแค่ก สำลักไม่เสร็จ

“ไม่ต้องพูดเลย ทั้งโง่ ทั้งบ้า มาใหม่ๆ ทำท่าเหมือนคนเป็นโรคกลัวน้ำ ที่แท้ก็เป็นบ้า บ้าไม่มีหัวคิด”

หฤษฎ์อุ้มโยนโศรยาลงโครมที่เตียงทั้งเปียกๆ โศรยาร้องลั่น

“โอ๊ย ถ้าหลังฉันหักไป จะว่ายังไง”

“ก็เป็นอัมพาตไปเลย จะได้หนีไปไหนไม่ได้!”

“ต่อให้ต้องคลาน ฉันก็จะหนี”

“เหมือนที่อยู่ๆ ก็โดดลงน้ำตะกี๊ใช่มั้ย! ถ้าผมไม่คว้าขึ้นมาได้ คุณตายเป็นผีเฝ้าทะเลไปแล้ว”

“การมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีอิสรภาพ ก็ไม่ต่างจากการตายไปแล้วนั่นแหละ”

“อ๋อ เลยอยากตาย! ประท้วง?”

“ฉันไม่ได้อยากตาย! แล้วก็ไม่ได้ประท้วงใคร! มันแค่เป็นการเตือนนาย ว่าฉันไม่เคยคิดเลิกล้มความตั้งใจที่จะหนี และวันหนึ่งฉันก็จะไปให้พ้นจากนายได้แน่ๆ ฉันสาบาน”

“จะคอยดู คนอะไร เข้าป่าก็หลง ลงน้ำก็ว่ายไม่เป็น ยังอวดดี เฮอะ อย่างนี้ก็เหลือทางเดียวสินะ ที่จะหนีได้ เหาะไปไง ศันสนีย์ เหาะไปเลย”

หฤษฎ์หัวเราะเยาะ โศรยาผละออกห่าง รังเกียจท่าทางเย้ยๆ นั้น หฤษฎ์เดินออกไป ปิดประตูปัง โศรยาแค้นแทบกระอัก จะลุกแล้วเซลงนั่ง สำลักน้ำแล้วจามพรืด

ตกค่ำโศรยาก็รู้สึเหมือนจะเป็นไข้ หฤษฎ์ไม่สนยังคงแสดงอาการคุกคามเธอเหมือนเคย เธอยืนข้ามโคมไฟมือจับก้านโคมเตรียมใช้เป็นอาวุธ เขารู้ทันพูดข่มขวัญอีก พอเธอเงื้อมือเขาก็จับมือเธอแล้วดึงโคมไฟออกวางที่เดิม พร้อมบอกว่าแรงเธอสู้เขาไม่ได้ แต่โศรยาบอกว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โศรยาหาลู่ทางหนี เดินเข้าหาประตู หฤษฎ์ดักคออย่างรู้ทันอีกว่า

“ห้องแคบแค่นี้ ไม่มีทางหนีได้หรอกน่า”

โศรยาถึงประตู ปลดล็อกได้ หฤษฎ์กระชากกลับพอดี

“หรือถึงออกไป ก็จะเจอคนงานต้อนกลับมา ลองมั้ยล่ะ?”

หฤษฎ์จับโศรยาเหวี่ยงไปปะทะผนัง ยืนจ้อง ขณะที่มือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเอง แววตาคุกคาม

“อย่านะนายหฤษฎ์! ไหนว่าไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา การศึกษาไม่ช่วยยกระดับความคิดนายบ้างเลยรึไง”

“อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ศันสนีย์ ผมไม่ใจอ่อนหรอก”

“ฉันรู้ว่านายใจแข็งใจดำ ดื้อด้าน วันๆ ดำน้ำอยู่กับฟาร์มหอย โผล่พ้นน้ำขึ้นมาก็ปรักปรำว่าฉันเป็นจำเลยฆ่าคนตาย ทั้งๆ ที่ฉันไมได้ทำ ถ้าคิดย้ำทำเป็นอยู่แค่นี้ ชีวิตนายคงเจริญหรอก”

“เจริญหรือไม่เจริญ คุณก็ต้องอยู่กับผมที่นี่”

“ไม่! ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันจะหนีให้ได้”

หฤษฎ์ย่างสามขุมเข้ามาใกล้โศรยา เธอกระเถิบหนี “อย่าเข้ามานะ จะทำอะไร?”

“โธ่ ผู้ชายพุ่งเข้าหาผู้หญิงขนาดนี้ เตียงหมอนที่นอนพร้อม เถอะน่า พวกคนงานมันเรียกคุณว่าคุณผู้หญิงอยู่แล้วนี่ ใครๆ เขาก็อยากได้นะ ตำแหน่งนี้”

“อุบาทว์ ไม่ใช่บุญทายนะ อยากมีเมีย ไปหาบุญทายที่บ้านเขาโน่น เขาออกจะรักภักดี เฝ้ารอนายอยู่ทุกคืนทุกวัน ไป!”

บุญทายผ่านมาได้ยินชื่อตัวเองก็แอบฟังต่อ สักพักบุญทายก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง

“บุญทายไม่ยอม!”

จังหวะนั้นโศรยาหลับหูหลับตาแทง แต่หฤษฎ์เอี้ยวตัวหันมองบุญทาย มีดตวัดเฉียดสีข้างหฤษฎ์เสื้อขาดแควก บุญทายร้องกรี๊ด หฤษฎ์เสียววาบ ก้มมอง เห็นเสื้อขาด กระชากคว้ามือโศรยาบิดจนมีดร่วง ก้มคว้ามีดขึ้นมา

บุญทายพุ่งเข้าใส่โศรยาที่กระเถิบพรวดพราดหนีขึ้นไปยืนตกใจตัวสั่นอยู่บนเตียง หฤษฎ์ถือมีดมือนึง อีกมือคว้ากระชากบุญทายออกจากโศรยา แล้วคว้าลากบุญทายออกไปพ้นประตู โศรยายืนหน้าเสียใจสั่น แล้วทรุดลงนั่งกองที่เตียง

หฤษฎ์กระชากแล้วผลักบุญทายออกไปนอกห้อง แล้วสั่งไม่ให้บุญทายมาวุ่นวายในเรือนเขาอีก ทิมวิ่งมาเห็นบุญทายก็ตกใจ หฤษฎ์สั่งให้ทิมพาบุญทายออกไป พอพ้นชายคา บุญทายก็สลัดออกจากทิม เดินปึงๆหนีไปทางท่าเรือ ทิมมองตาม

หฤษฎ์กลับเข้าไปในเรือน เขาเหวี่ยงมีดปักข้างฝาไม้ ใกล้ตัวโศรยา จนเธอสะดุ้งเฮือกหลบตา

“ริอ่านซ่อนมีดไว้ วางแผนจะฆ่าผมเหรอ? ศันสนีย์ ใจเด็ดมากนะ”

“ใช่สิ ฉันอยู่ในดงโจรลักพาตัวนี่ แน่จริง นายกล้าจับฉันส่งตำรวจมั้ยล่ะ”

“อยู่ที่นี่ คุณเท่ากับอยู่ในคุกอยู่แล้ว ไม่ต้องเรียกหาคุกที่ไหนอีกหรอก”

“โดนขังคุกจริงๆ ยังจะดีกว่านี้ อย่างน้อยผ่านการพิพากษาอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ตุลาการหน้ามืดตาบอดอย่างนาย”

“ผมไม่ได้ตาบอด แล้วยิ่งตอนนี้ ผมยิ่งมั่นใจว่า ผมรู้จักคุณมากขึ้น ว่าจริงๆ แล้ว คุณเหี้ยมพอที่จะแทงคนได้เชียวนะ ไม่ใช่แค่ไล่ให้ไปตายซะ อย่างที่เคยไล่นายหริณ”

“ฉันไม่เคยไล่ !! แล้วที่ฉันแทงนายก็เป็นการป้องกันตัว”

“ป้องกันตัวเหรอ เกินกว่าเหตุไปหน่อยรึเปล่า หยุดเถียงกันดีกว่า เสียเวลา ไปหาอุปกรณ์มาทำแผลให้ผมซะดีๆ”

“ไม่!” หฤษฎ์เดินไปกระชากมีดออกจากข้างฝา โศรยาหวาดๆ

“ศันสนีย์ ผมไม่เชือดคุณทิ้งก็บุญเท่าไหร่แล้ว ไปเดี๋ยวนี้ รับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไปด้วย! ไปสิ!”

หฤษฎ์ลากโศรยาด้วยมืออีกข้าง เหวี่ยงไป โศรยาจ้องหน้า หฤษฎ์ยืนเปลือยท่อนบน มองผ้าก๊อซพันรอบเอว รอยแผลเล็กๆ มีรอยยาแดงเท่าแมวข่วน โศรยารวบสำลี ผ้าก๊อซ เลอะเลือดเลอะยาโยนลงถังขยะ

“เอาเลือดชั่วออกน้อยไปหน่อย”

“อย่าพูดมาก แผลเท่าเล็บแมว พันผ้าซะแทบเป็นมัมมี่”

โศรยาปิดกล่องยา “ฉันทำได้อย่างนี้แหละ ไม่พอใจก็ทำเองสิ แล้วคราวหน้านะ รับรองว่าจะไม่พลาด”

หฤษฎ์เอื้อมจะคว้าตัว แต่สะดุดถังขยะ คว้าไม่ทัน โศรยาเดินเข้าห้อง ปิดประตูปัง หฤษฎ์มองตาม

“คราวหน้า ผมก็จะไม่พลาดเหมือนกัน ศันสนีย์!”

และคืนนั้นหฤษฎ์ผูกเชือกล่ามติดเอวโศรยาอย่างแน่นหนา โดยเอาปมเงื่อนตายไว้ด้านหลัง ไม่อาจแก้ออกได้ง่ายๆ ส่วนปลายเชือกอยู่ในมือเขา ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน หฤษฎ์หลับสนิท ขณะที่โศรยากระสับกระส่ายคิดหาทางหนี แต่ก็ไม่มีโอกาส

เช้ามืดวันใหม่ โศรยาลืมตาตื่นรู้สึกตัวก็รีบขยับตัวออกสุดเตียง มองรอบๆ ไม่มีหฤษฎ์ เห็นเชือกกองพาดๆ อยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง ลนลานคลำตัวเองพบว่าไม่มีเครื่องพันธนาการใดๆ เธอลุกขึ้นก็เห็นโทรศัพท์มือถือของหฤษฎ์ก็ถลาไปคว้ามากดแต่หน้าจอว่างเปล่า ทันใดนั้นหฤษฎ์ตะครุบคว้ากระชากโทรศัพท์ไป

“คิดว่าผมโง่วางไว้ให้ใช้งั้นเหรอ” หฤษฎ์ยิ้มเยาะ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง

“อย่าเผลอก็แล้วกัน” หฤษฎ์เดินไปคว้าเชือกมาทำท่ายั่วเหมือนจะมัดโศรยา เธอผละหนี หฤษฎ์ยักไหล่เดินถือเชือกออกไป โศรยาแค้น

โศรยาอาบน้ำเสร็จแต่งตัวชุดใหม่ออกมา เดินมาที่เตียง หันไปเห็นกุญแจดอกหนึ่ง มีพวงกุญแจรูปเรือ เธอหยิบมาถือไว้ในมือ

“ฉันเหาะไม่ได้ ว่ายน้ำไม่เป็น คิดว่าฉันจะหนีไม่ได้งั้นเหรอ นายหฤษฎ์” โศรยายิ้มลำพองใจ เก็บกุญแจไว้มิดชิด ลุกออกจากห้อง

โศรยาเดินอย่างระแวดระวัง ตั้งใจจะตรงไปที่ท่าเรือ แก้วเดินกุมท้องยืนคุยกับเพื่อนคนงาน โศรยาหันไปมอง แก้วตะโกนเรียก พลางวิ่งมาประชิดตัว บอกให้เธอช่วยสอนแกะสลัก โศรยาขอตัวไปเดินเล่น แก้วจะตามไป แต่เธอบอกว่า

“แก้ว ฉันเบื่อที่มีคนคอยจ้องมองตลอดเวลา เป็นเธอ เธอชอบมั้ย” แก้วจ๋อย โศรยาไม่สนใจเดินหนีดุ่มๆ ตรงไปทางท่าเรือ

โศรยาเดินตรงมาที่ท่าเรือ เห็นทางโล่ง ขยับกุญแจเรือในมืออย่างมั่นใจว่าจะหนีได้ โศรยามองซ้ายมองขวา กำลังจะหาทางโดดลงเรือ ทิมกับหวายเดินลับมุมมาจากอีกด้าน เธอหลบจนทั้งสองเดินผ่านไปจึงออกที่ซ่อน โศรยากำลังจะโดดลงเรือ เสียงคนงานโหวกเหวกเรียกลั่นมาจากในฝั่งว่าเกิดเรื่องใหญ่ โศรยาชะงัก มองหวายกับทิมวิ่งอย่างเร็วไปตามเสียงเรียก

โศรยาอยากรู้ แต่ยิ่งเห็นคนงานกับทิมและหวายวิ่งห่างออกไป ก็รู้ว่าจะหนีง่ายขึ้น เธอโหนตัวก้าวลงไปในเรือ ล้วงกุญแจออกมาเสียบ สีหน้ามั่นใจ

หวายกับทิมตรงไปหาคนงานคนที่ตะโกนโหวกเหวก หฤษฎ์วิ่งมาจากอีกทาง คนงานบอกว่าแก้วล้มก้นกระแทก หฤษฎ์วิ่งนำ หวาย ทิม กับคนงาน ไปดูแก้ว ไปถึงหฤษฎ์ก็ถามว่าทำไมล้ม แก้วบอกว่าเธอจะเอาแฟงไปให้โศรยาสอนแกะสลัก หฤษฎ์จึงถามถึงโศรยาว่าอยู่ไหน แก้วบอกว่าไปเดินเล่น และขอไม่ให้แก้วตามไป หฤษฎ์รีบถามว่าไปทางไหน พอรู้ว่าเป็นท่าเรือ เขาก็สะดุ้งคิดสังหรณ์ และมั่นใจมาก สั่งให้หวายอุ้มแก้วตามไปพร้อมกับทิม ส่วนตัวเองวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว

.........................

จำเลยรัก ตอนที่ 12

โศรยาสตาร์ทเครื่องเรืออยู่หลายครั้งกว่าจะติด ทันใดนั้นหฤษฎ์ก็วิ่งมาร้องตะโกนบอกให้เธอหยุด เพราะต้องใช้เรือไปส่งคนเจ็บ แต่โศรยาโต้กลับว่าอย่ามาหลอก แล้วเธอก็บังคับเรือให้เคลื่อนออกจากท่า หฤษฎ์ตัดสินใจกระโดดลงน้ำว่ายไปที่เรือ

โศรยาไม่สามารถพาเรือออกไปได้เพราะยังไม่ได้แก้เชือกที่ผูก ทำให้หฤษฎ์ว่ายน้ำไปถึงเรือและปีนขึ้นเรือจนได้ โศรยาหันมองตกใจ หฤษฎ์กระโจนเข้ากระชากออก บังคับเรือไว้

“จะเอาตัวรอด ทิ้งให้คนงานผมตายทั้งกลมรึไง!”

โศรยาอึ้งสะดุ้งตกใจ “ตายทั้งกลม แก้ว!”

เรือค่อยๆ ชิดท่า หวายกับทิมประคองแก้วมาลงเรือ หฤษฎ์สั่งให้ทิมไปด้วยกัน พร้อมสั่งให้โศรยาไปโรงพยาบาลกับเขาและคอยดูแลแก้วด้วย

เมื่อถึงโรงพยาบาล แก้วถูกนำตัวเข้าห้องคลอด กวินรู้ข่าวก็รีบไปที่โรงพยาบาลพร้อมนายไข่สามีของแก้ว ขณะที่ทุกคนรอผลการตรวจจากหมอ โศรยาก็ได้โอกาสแวบไปที่โทรศัพท์สาธารณะ โดยเธอไปไหว้ขอเหรียญจากพยาบาลมาได้ 5 บาท แล้วก็รีบโทรหาแม่ทันที สอางค์ดีใจมากที่ได้ยินเสียงลูก สองแม่ลูกทักทายกันด้วยความตื่นเต้น แต่โศรยายังไม่ทันบอกว่าเธออยู่ที่ไหน โทรศัพท์ก็ตัดสายไปก่อน

โศรยาตัดสินใจหนีไปที่ท่ารถโดยสารเข้ากรุงเทพฯ แต่เธอไม่มีเงินและไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงยืนหลบอยู่ริมตึก ฝนเริ่มตก แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือหนึ่งมาคว้ามือเธอไว้ เป็นหฤษฎ์นั่นเองลากเธอไปยังท่าเรือ พอถึงก็ผลักเธอลงเรือจับมัดขณะที่ฝนเริ่มลงหนาเม็ด

“ความเห็นแก่ตัวของคุณ เกือบจะทำให้คนของผมตกเลือดตาย คอยดูนะถ้าแก้วมันเป็นอะไรไป ผมจะฆ่าคุณ เมื่อกี๊นี้โทรไปไหน?”

“ฉันก็โทรหาแม่ฉันสิ! ฉันบอกให้แม่ฉันเอาตำรวจมาถล่มเกาะนาย”

“แม่คุณเป็นผู้บัญชาการตำรวจรึไง มารยาของคุณ ใช้หลอกขอเงินห้าบาท สิบบาทไปหยอดโทรศัพท์พอได้นะ แต่ค่ารถโดยสารเป็นร้อยเป็นพัน คุณจะเอาอะไรแลก ฮึ?”

“ใครจะรู้ โลกนี้อาจจะมีคนมีน้ำใจเมตตามากกว่าที่นายคิดก็ได้”

“ฝันไปอีกสิบชาติเลย”

“นายจะเอาฉันไปกักขังอีกเพื่ออะไร ฆ่าฉันซะเลยดีกว่า นายหฤษฎ์เพราะยังไง ฉันก็จะหนีอีก หนีอีก ทุกครั้งที่นายเผลอนั่นแหละ คราวหน้าฉันอาจจะเสียบมีดเข้าลิ้นปี่นายก่อนหนีก็ได้”

“เอาสิ ถ้าคิดว่าทำได้ ยิ่งกักคุณไว้ ผมก็ยิ่งสนุก เหมือนเล่นเกมส์หมาไล่เนื้อน่ะคุณ คุณหนี ผมก็ลากกลับ เบื่อเมื่อไหร่ค่อยโยนทิ้งทะเล”

โศรยาจะตะโกนต่อปากต่อคำ แต่ต้องหยุด เพราะโดนแรงเหวี่ยงของเรือจนล้มกลิ้งไปกลางสายฝน หฤษฎ์เร่งเครื่องขับแล่นออกจากท่า

เมื่อถึงเกาะฝนยังคงตกแรง หฤษฎ์พาโศรยาไปนั่งตรงหน้าป้ายหลุมศพหริณ โศรยาอุทานตกใจ

“น้องชายผมตายโดยยังไม่เคยได้รับคำขอโทษจากคุณสักคำ! วันนี้ผมจะให้โอกาสคุณสารภาพบาปบอกหริณสิ ว่าคุณผิดไปแล้ว คุณเสียใจ พูดเลย ให้ฟ้าฝนเป็นพยาน”

ฟ้าผ่าเปรี้ยง! โศรยาสะดุ้ง แต่ไม่สะเทือน เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ เชิดหน้าโต้กลับ

“ฟ้าเป็นพยาน ว่าฉันเสียใจ แต่ไม่ได้ทำผิดต่อหริณ ฉันบอกเป็นร้อยครั้งแล้วว่าไม่ใช่เพราะฉัน”

“เมื่อไหร่คุณจะยอมรับความผิดของตัวเองซะที หริณ! นายรู้มั้ย ผู้หญิงคนนี้ปากแข็งมาก ฉันจะทำยังไงกับเขาดี?”

“ฉันพูดความจริง นายก็ไม่เชื่อฉัน ฉันยืนยันว่าฉันไม่เคยทำร้ายหริณ ไม่เคยแม้แต่จะคิด หริณเป็นเพื่อนฉัน”

“เพื่อนเหรอ? ยังยืนยันว่าเป็นเพื่อนเหรอ ผมเหลืออดแล้วนะ ศันสนีย์!”

หฤษฎ์กระชากโศรยาขึ้น ฉุดโศรยาเข้ามาปะทะระยะใกล้ “นายจะทำอะไรฉัน”

โศรยามองบริเวณที่หฤษฎ์มีแผล จะคว้าตะกุย หฤษฎ์ไวกว่า ตะปบคว้าข้อมือไว้ได้ หฤษฎ์ผลักโศรยาเข้า แล้วตัวเองพุ่งไปเปิดตู้ รื้อหยิบบันทึกที่เหลือของหริณออกมา โยนใส่โศรยา

“ดูซะ นี่คือหลักฐานที่หริณทิ้งไว้ อ่านดู แล้วจะรู้ว่าทำไมผมถึงได้อยากให้คุณสารภาพบาปกับหริณ คุณทำอะไรไว้กับเขา อ่านซะ!”

โศรยาหยิบบันทึกมาเปิดดู ข้อความข้างใน บอกความรู้สึกหริณในช่วงวันสุดท้าย

“ทำไมคุณเห็นความรักของผมเป็นเรื่องตลก ทั้งๆ ที่คุณก็น่าจะรู้ ว่าแม้ชีวิตผมก็ให้คุณได้ ผมจะทำให้คุณรู้ว่า ผู้ชายกระจอกๆ คนนี้ จริงจังกับความรักของเรา มากกว่าที่คุณหรือใครๆ คิด เมื่อคุณไล่ผมไปตาย ผมก็จะทำตามบัญชาของคุณ ศันสนีย์”

“ทำไมหริณถึงอ่อนไหวอย่างนี้?”

“ทำไมเหรอ?! ผมสิต้องถามคุณ ว่าคุณทำท่าไหนน้องผมถึงได้หลงเป็นบ้าเป็นหลัง ในบันทึกมีแต่ชื่อคุณ หริณเก็บรูปถ่ายคุณไว้จนวันตาย นี่ขนาดเขาเผาทิ้งไปบ้างแล้วนะ”

หฤษฎ์โยนรูปโศรยาที่เหลืออยู่ใบเดียว ใส่หน้าโศรยา “แบบนี้น่ะเหรอ ที่คุณบอกว่าเป็นแค่เพื่อน?”

โศรยาหยิบขึ้นมาดู “แค่รูปถ่ายใบเดียวเนี่ยนะ? นายเลยคิดว่าฉันชื่อศันสนีย์?”

โศรยามองรูปถ่ายตัวเองอย่างข้องใจก่อนจะถามขึ้น “ถ้าฉันจะสารภาพ ว่าที่ฉันทนให้นายกักขังทรมานฉันมาตลอด เป็นเพราะฉันต้องการจะปกป้องคนที่ฉันรักอีกคนนึง นายจะเชื่อฉันมั้ย”

“จะมาไม้ไหนอีก ศันสนีย์”

“ฉันชื่อโศรยา เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ศันสนีย์ คนที่หริณรัก”

“แล้วไง จะบอกว่าผมจับตัวมาผิดคนอีกงั้นสิ”

“ใช่”

“พอที มันสายเกินไปแล้ว ที่คุณจะมาแต่งนิยายเรื่องใหม่ ศันสนีย์ อย่าเฉไฉไปทางไหนอีกเลย ทำไม? กะอีแค่ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงของนายหริณ เป็นเมียมันน่ะ! มันยากนักเหรอ”

“ยากสิ เพราะฉันไม่ใช่!”

หฤษฎ์เหลืออด กระชากโศรยามาเขย่า จ้องหน้า “ก็ได้ เมื่อไม่ใช่ผู้หญิงของนายหริณ ก็มาเป็นของผมแล้วกัน”

หฤษฎ์ฉุดกระชากโศรยาไปที่เตียง รวบตัวมาแล้วผลักลงไปนอนที่เตียง “ไอ้บ้า! อย่านะ! จะทำอะไร”

“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ” หฤษฎ์โถมทาบโศรยาทั้งตัว จ้องโศรยาอย่างใจเย็น

“คุณนี่ที่จริงแล้วก็เป็นคนสวยมากนะ ปากสวย คอสวย คางแหลม แก้มเนียน” โศรยาหลับตาหันหน้าหนี “อย่าหลับตาหนีผมสิ ทำแบบนี้ผมถือว่ากำลังหลับตาพริ้มยั่วยวนนะ”

โศรยาลืมตา จ้องหน้าหฤษฎ์ “ใครยั่วยวนนาย บ้า อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ กับฉันนะ ถ้านายทำ ฉันจะฆ่าตัวตาย”

“คุณไม่ตายง่ายๆ หรอก”

โศรยาดิ้นอึกอัก แล้วแกล้งมองไปทางประตู “ใครน่ะ ?! ช่วยด้วย”

หฤษฎ์ชะงักตามเสียงทักหลอกๆ โศรยาได้ทีมุดหลุดลอดจากอ้อมแขนทุลักทุเล ปลิ้นไปทางประตู หฤษฎ์ไวกว่า กลับหันไปคว้าล็อคโศรยาไว้ได้ โศรยาร้องกรี๊ด! โศรยาโดนปล้ำซุกไซ้อยู่ข้างประตู ดิ้นรนให้หลุดมือ แต่พยายามผลักเท่าไหร่ก็สู้แรงหฤษฎ์ไม่ได้

“ปล่อยฉันเถอะ นายหฤษฎ์ นึกว่าเอาบุญเถอะนะ ได้โปรด”

“โปรดอะไร ผมปล่อยคุณไว้นานเกินพอแล้ว แต่คุณยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับผิด วันนี้ผมไม่ปล่อยคุณแน่”

หฤษฎ์เหวี่ยงโศรยากลับมาที่เตียง กระชากเสื้อโศรยาขาด เธอพยายามกระเถิบตัวหนี “ปล่อย ปล่อยฉัน หฤษฎ์ อย่านะ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไร อย่า”

หฤษฎ์ก้มลงทาบร่างทับท่อนบนโศรยา ซุกหน้าลงซอกคอ ตรึงแขนสองข้างไว้แน่น โศรยาดิ้นไม่ออก กลัวจนน้ำตาไหล ได้แต่นอนนิ่งหมดแรงดิ้นรน หฤษฎ์มองเห็นเป็นแค่มารยาหญิง

เช้าวันรุ่งขึ้น โศรยานอนร้องไห้เป็นเวลานาน ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธออาบน้ำเป็นเวลานาน ราวกับจะล้างคราบมลทินให้หมดสิ้นไป

“พอแล้วนะคะ พี่ศัน โศทำเพื่อพี่จนมากพอแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ไม่เหลือแล้ว” น้ำตาไหลพร่างพรู

เวลาเดียวกันหฤษฎ์ก็มาสารภาพผิดที่หลุมศพของหริณ

“ฉันไม่ได้โหดร้ายเกินไปใช่มั้ย หริณ ฉันแค่ อยากจะแก้แค้นให้แกเท่านั้นเอง ในเมื่อแกเจ็บ เขาก็ต้องเจ็บ แต่ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไม” หฤษฎ์พูดได้เท่านี้ ก็เก็บความสงสัยไว้พูดไม่ออก

หฤษฎ์กลับมาเคาะเรียกโศรยาแต่เธอไม่ยอมเปิด เขาได้แต่เดินฉุนออกไปที่หน้าผา กระโดดลงทะเล ว่ายน้ำดำน้ำจนเหนื่อยอ่อนเพื่อระบายความเครียด

บ่ายวันเดียวกันนี้สอางค์ชวนนุกูลขับรถไปกรุงเทพฯ เพื่อหาลูกสาว แต่ไม่มีใครอยู่บ้านเลย เธอจึงต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง

ที่ตัวเมืองภูเก็ต ธวัชชัยกับศันสนีย์เดินชมเมืองเพลินๆ จังหวะหนึ่งศันสนีย์ก้มลงขยับรองเท้าก็มีมอเตอร์ไซค์เร่งเครืองเข้ามากระชากกระเป๋าถือของเธอ แต่ศันสนีย์หลบทันแต่เสียหลัก พอดีธวัชชัยช่วยรับไว้ทัน แต่ตามมอเตอร์ไซค์ไปไม่ทัน เขาจึงพาเธอไปทำแผลที่โรงพยาบาล จากนั้นธวัชชัยจะพาไปแจ้งความแต่ศันสนีย์ห้ามไว้เพราะไม่ได้เสียอะไรไป

ระหว่างไปจ่ายเงินค่ายา กวินที่มาจ่ายเงินเช่นกันทำให้พบธวัชชัยกับศันสนีย์ ทั้งสองฝ่ายทักทายกัน กวินชวนทั้งคู่แวะไปเยี่ยมชมที่โชว์รูมได้

หฤษฎ์กลับมาดูโศรยาอีกครั้งก็พบว่าเธอไข้ขึ้นสูง จึงร้องเรียกนายใบ้แต่ไม่เห็นนายใบ้มา จึงออกตามไปเจอนายใบ้กำลังเริงสวาทอยู่กับบุญทาย หฤษฎ์โกรธชัดปืนยิงขึ้นฟ้าหนึ่งนัด ทั้งสองผละออกจากกัน

หฤษฎ์เล็งปืนจะยิงบุญทายทิ้ง แต่ก่อนจะลั่นไกภาพในอดีตที่บุญทายเล่นชู้กับนายเทพก็ผุดเข้ามา ครั้งนั้นเขาจะยิงนายเทพด้วยความแค้น แต่นายใบ้ก็เข้ามาแย่งปืนไปยิงเสียเอง บุญทายร่ำไห้แทบขาดใจเช่นเดียวกับเวลานี้ที่บุญทายร้องไห้อ้อนวอนขอชีวิต แต่หฤษฎ์สุดจะทนแล้ว นายใบ้เองก็สำนึกผิด แล้วก็ตัดสินใจดึงปืนจากหฤษฎ์หันไปจะยิงบุญทาย หญิงสาวตกใจถอยหลังกระโดดหน้าผาหนีลงทะเล ทั้งสองวิ่งไปดูที่หน้าผาร่างของบุญทายจมน้ำหายไปแล้ว นายใบ้กระโดดลงไปดำหาแต่ไม่พบ

นายใบ้กลับขึ้นฝั่งอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก หฤษฎ์เข้ามาปลอบว่าไม่นานก็ลืม เขาเองก็โกรธนายใบ้ไม่ลง ทั้งสองกลับมาที่เรือนใหญ่ แล้วเข้าไปดูอาการของโศรยา เธอตวาดไล่เขาออกไป หฤษฎ์เป็นห่วงเธอมากแต่ไม่กล้าเผชิญหน้าจึงฝากให้นายใบ้ดูแล้ว ส่วนตัวเขาขับเรือออกสู่ท้องทะเลไป แต่ไม่วายหันกลับมามอง

“ศันสนีย์ ฉันทำผิดอะไรรึเปล่า”

...............................


จำเลยรัก ตอนที่ 13


หฤษฎ์มาเยี่ยมแก้วที่โรงพยาบาล แต่ลูกของแก้วยังอยู่ในตู้อบ ชายหนุ่มนั่งคุยกับแก้วและไข่ เขาสะดุดหูที่แก้วพูดชื่นชมโศรยามาก แล้วยังถามว่าเขาจะแต่งงานกับโศรยาเมื่อไหร่

“โศไหน” หฤษฎ์ย้อนถาม

“คุณผู้หญิงไงค่ะ คุณผู้หญิงให้เรียกว่าคุณโศ ไม่ให้เรียกคุณศันแบบที่นายเรียก”

หฤษฎ์ฟังแล้วหน้ายุ่งขึ้นมาทันที พอถึงเวลาอาหารของแก้วเขาก็ขอตัวกลับ หฤษฎ์มานั่ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ ในล็อบบี้โรงแรม ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปว่ายน้ำในทะเล

จังหวะนั้นธวัชชัยกับศันสนีย์นั่งรับลมอยู่ที่ร้านอาหาร พวกชนิดา คำรพและนิมิตรก็ตามมาพบ ศันสนีย์สวมแว่นตากันแดดมองไปเห็นหฤษฎ์เธอก็สนใจ ถึงกับลุกมาดู เมื่อเขาเดินขึ้นจากน้ำเธอเห็นเขาเต็มตา ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ เธอขยับจะเดินตาม พอดีธวัชชัยสั่งงานลูกน้องเรียบร้อยวิ่งตามมาเรียกเธอไว้ แล้วเดินไปด้วยกัน

คืนเดียวกันนี้ในผับ ศันสนีย์นั่งฟังเพลงอยู่กับธวัชชัยอย่างมีความสุข ชนิดาเดินเข้ามาทัก ธวัชชัยคิดสงสัยว่าเหตุการณ์ที่ศันสนีย์ถูกมอเตอร์ไซค์กระชากกระเป๋าน่าจะเป็นฝีมือของชนิดา แต่ศันสนีย์ปรามไม่ให้เขาพูดรุนแรง ชนิดาเองก็ตัดบทไปคุยเรื่องงาน แต่ธวัชชัยตัดบทว่าไว้คุยพรุ่งนี้ แล้วเขาก็บอกเรื่องเขาจะหมั้นและแต่งงานกับศันสนีย์ให้ลูกน้องทั้งสามคนรับรู้

ครู่ต่อมา ศันสนีย์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เธอเดินออกจากห้องน้ำเกือบชนกับหฤษฎ์ ต่างคนต่างเบี่ยงตัวหลบแล้วมองหน้ากัน หฤษฎ์รู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาว เขาโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพแล้วแยกไป

หฤษฎ์กลับมานั่งที่โต๊ะในมุมเงียบ เขาคิดถึงอดีตที่เคยนั่งฟังเพลงในผับกับหริณ เขาไม่รู้สึกซาบซึ้งกับบทเพลง ผิดกับหริณที่บอกว่าเพลงไพเราะมาก แล้วชายหนุ่มก็คิดถึงศันสนีย์หญิงสาวที่ทำให้น้องชายเขาตาย อารมณ์เขาร้อนเร่าราวกับไฟเลยทีเดียว เขาขับเรือกลับเกาะในกลางดึกคืนนั้น

เมื่อไปถึงเรือนใหญ่แล้วไม่พบทั้งโศรยาและนายใบ้ จึงเดินไปตามชายหาดหาคนทั้งสอง โศรยาไข้ลดลงแล้ว และเห็นนายใบ้นั่งซึมเศร้าก็พยายามซักถามถึงหฤษฎ์ พอรู้ว่าไม่อยู่กับถามหาบุญทาย นายใบ้ยิ่งเศร้าหนักพาเธอไปที่หน้าผาแล้วส่งภาษาบอกว่าบุญทายกระโดดหน้าผาตายแล้ว

นายใบ้เสียใจเอาเหล้ามาดื่ม โศรยาไม่รู้จะทำอย่างไร ลองจิบๆ ดูบ้านแล้วทั้งสองก็เมาหลับไหลอยู่ที่ชายหาดนั่นเอง หฤษฎ์มาเจอก็ปลุกนายใบ้แล้วพาโศรยากลับมาที่เรือน

รุ่งเช้าโศรยารู้สึกตัว ลุกขึ้นมาบิดตัวริมระเบียง แล้วกุมหัวอย่างรู้สึกปวดหัว พลางบ่นว่าดื่มเหล้าแล้วเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วเธอก็แปลกใจว่าใครพาเธอมานอน พยายามนึกทบทวนแล้วก็คิดได้ว่าหฤษฎ์เป็นผู้วางเธอลงบนเตียง แล้วเหวี่ยงผ้าห่มมาให้ก่อนจะออกจากห้องไป

โศรยาล้างหน้าล้างตาแล้วก็ลงไปที่แปลงผักซึ่งเหี่ยวแห้งเพราะไม่มีคนรดน้ำหลายวัน เธอดึงบางต้นขึ้นมาดูแล้วพูดเปรียบเปรยว่า

“ไม่ตายก็เหมือนตาย ฉันกับแกก็ไม่ต่างกันหรอกนะ”

โศรยารดน้ำพรวดดินแล้วเก็บต้นสดๆ สองสามต้นเข้าครัวทำอาหารกิน

หฤษฎ์ไปที่โรงงานทำสร้อยมุก เขาแวะตรวจตามจุดต่างๆ จนมาถึงเคาน์เตอร์ที่โชว์ เขาส่งถุงกำมะหยี่ที่เก็บสร้อยมุกมีตำหนิไว้ให้ช่างคนหนึ่งร้อยให้ใหม่ แล้วนำเม็ดที่สวยที่สุดร้อยไปด้วย ขณะที่รอช่างนั้นเขาก็คิดถึงวันที่เอาสร้อยมุกมีตำหนิไปให้โศรยา แล้วเธอทะเลาะกับเขาถอดสร้อยขว้างทิ้ง แต่เขาตามไปเก็บมา

หฤษฎ์ตื่นจากภวังค์เมื่อเด่นมาเรียกและบอกว่ากวินให้มาตามว่ามีแขกจะเข้ามาเยี่ยมโรงงาน เขาเดินออกไปก็พบกับธวัชชัย

“สวัสดีครับ คุณธวัชชัยใช่มั้ยครับ มาทีไรไม่ได้พบกัน ผมต้องขอโทษด้วย”

“คุณกวินบอกว่าคุณหฤษฎ์ต้องไปดูฟาร์มเองตลอด นานๆ จะเข้ามาในเมืองที คราวก่อนก็เห็นว่ามีคลื่นใต้น้ำ”

“ครับ ยุ่งหน่อย ได้ยินว่าคุณธวัชชัยสนใจจะเอาทัวร์ลงที่ฟาร์มมุกของเรา วันนี้จะไปดูมั้ยครับ ผมจะพาไป”

“ไปได้เหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรตามลูกทีมก่อน ทัวร์ไปถึงไหนแล้วไม่รู้”

“ส่วนผม ก็จะขอโทรสั่งให้พวกที่ฟาร์มเตรียมโรยผักชีก่อนนะครับ”

ธวัชชัยยิ้มขำที่หฤษฎ์ตลกหน้าตาย ก่อนที่ต่างคนจะต่างหยิบโทรศัพท์กดโทรหาคนของตัว ศันสนีย์เข้ามาธวัชชัยจึงบอกเรื่องที่จะไปฟาร์มมุก ศันสนีย์ได้ยินก็บ่นเรื่องแดด แถมต้องนั่งเรือไปกลางทะเลเธอจะขอไม่ไป ธวัชชัยแปลกใจไม่คิดว่าเธอจะทิ้งกัน แต่พอศันสนีย์ไปรวมกลุ่มเจอคำพูดของชนิดาที่พูดเสียดแทงใจก็เริ่มลังเล บวกกับธวัชชัยกับหฤษฎ์ออกมา ธวัชชัยแนะนำหฤษฎ์ให้ทุกคนรู้จัก ศันสนีย์มองหฤษฎ์อย่างต้องใจ เธอก้าวเข้ามาเกาะแขนธวัชชัยและบอกเปลี่ยนใจขอตามไปด้วย

เมื่อมาถึงเกาะ หฤษฎ์แยกตัวไปคุยกับหวาย กวินทำหน้าที่พาทุกคนชมส่วนต่างๆ ของการเลี้ยงหอยมุกพร้อมอธิบาย ศันสนีย์มองอย่างสนใจ เมื่อรู้ว่าเป็นเกาะส่วนตัวของหฤษฎ์ ธวัชชัยเองก็พอใจกับสถานที่มาก

หลังเดินชมทั่วแล้ว กวินก็นำเข้าห้องรับรองเลี้ยงน้ำชา และอาหารว่าง หฤษฎ์พูดกับธวัชชัยว่า

“ถ้าสนใจจะพาทัวร์มา ผมจะจัดผู้บรรยายไว้ให้ จะได้เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน คือเจ้าบ้านก็ได้ประโยชน์ คนมาเที่ยวก็เข้าใจวิถีชีวิตท้องถิ่นจริงๆ ไม่ใช่มาจ่อมๆ ทัวร์ฉาบฉวย หรือเพียงแค่มาซื้อของที่ระลึกแล้วก็กลับ”

“คุณหฤษฎ์นี่น่าชวนมาร่วมหุ้นทำธุรกิจนะครับ คิดเป็นระบบ สุดยอด”

“แล้วเรื่องภาพปกนิตยสาร คุณธวัชชัยอยากให้ถ่ายที่นี่มั้ยครับ”

คำรพยกมือขึ้น “ถ้าได้ที่ที่เงียบกว่านี้ แบบเวอร์จิ้น ไม่มีคนเลย จะดีกว่านะครับ”

ศันสนีย์เสริมมาว่า “ศันทราบมาว่า มีเกาะส่วนตัว เงียบและสวยน่าสนใจ ถ้าจะขออนุญาต จะได้มั้ยคะ”

หฤษฎ์เงียบไป คิดว่าเป็นที่ส่วนตัว ที่สำคัญ นักโทษของเขาอยู่ที่นั่น

ธวัชชัยค้านว่า “ผมว่า เราไม่รบกวนดีกว่าครับ คุณหฤษฎ์จะลำบากใจ”

“เปล่าครับ ผมแค่กำลังคิดว่า ต้องขอไปเคลียร์พื้นที่ก่อนน่ะครับ แต่วันนี้คงไม่สะดวก เอาเป็นว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ผมส่งข่าวให้คุณธวัชชัยทราบแล้วก็มาได้เลย ดีมั้ยครับ”

“ดีค่ะ” ศันสนีย์ระริก แต่กลบเกลื่อนด้วยการรีบหันไปยิ้มกับธวัชชัย เสมือนคู่คิดที่ได้ทำหน้าที่แล้ว

ศันสนีย์โพสต์ท่าให้นิมิตรถ่ายแบบ ชนิดามองแล้วแทบเก็บอาการไม่พอใจไว้ไม่อยู่ ขณะที่หฤษฎ์เห็นแดดยังแรงอยู่จึงหยิบหมวกที่แขวนอยู่มาส่งให้ศันสนีย์ เธอรับไว้พร้อมกล่าวขอบคุณ เธอเห็นธวัชชัยเดินไปกับกวินจึงถือโอกาสชวนหฤษฎ์คุยต่อว่า

“เราเคยเจอกันมาหลายหนนะคะ”

“เหรอครับ”

“ค่ะ เมื่อวานซืน ฉันเห็นคุณแว่บๆ ในเมืองน่ะค่ะ คุณเดินผ่านหน้าฉัน เมื่อวานคุณว่ายน้ำอยู่ที่หน้าหาด เมื่อเช้า คุณก็วิ่งมาราธอนอยู่ที่หน้าโรงแรม อ้อ เมื่อคืน คุณเกือบชนฉัน ในผับโรงแรม แสดงว่าคุณพักที่นั่น”

“โอ้โห” หฤษฎ์อึ้งๆ งงๆ “ครับ ผมไม่ยักทราบ ว่าผมเคยเจอคุณ คุณนี่ต้องเป็นคนช่างสังเกต แล้วก็ความจำดีมากๆ”

“ศันจำเฉพาะที่อยากจำค่ะ”

หฤษฎ์เดินนำศันสนีย์ไปถึงริมน้ำอีกด้าน ทิ้งห่างคนอื่นๆ ไว้ด้านหลังไกลๆ

“ผู้หญิงชื่อศันสนีย์ นี่มีอะไรน่าทึ่งเสมอรึเปล่าครับ”

“คุณว่าอะไรนะคะ?!”

“เปล่าหรอกครับ ผมเป็นชาวเกาะนาน บางทีไม่มีใครคุยด้วย ก็เลยคิดดัง”

“แบบลิเกน่ะเหรอคะ ทีหลัง ถ้าจะคิดดังๆ อีก คุณหฤษฎ์ต้องป้องปากนะคะ ไม่งั้นไม่ครบสูตร”

หฤษฎ์หัวเราะขำ ท่าป้องปากอย่างลิเก ที่ศันสนีย์สาธิต “คุณหฤษฎ์เป็นลูกคนเดียวรึเปล่าคะ ถึงบอกว่าไม่ค่อยมีคนคุยด้วย”

“ผมมีน้องชายคนหนึ่งครับ แต่ห่างกันหลายปี”

“แล้ว เขาทำงานอยู่ที่นี่รึเปล่าคะ?”

“เขา เสียไปแล้วครับ”

“ตายจริง เสียใจด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผม ทำใจได้แล้ว”

ศันสนีย์ทำหน้าเศร้า “น้องสาวศันก็ หายไปจากบ้านค่ะ ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงเหมือนกัน ความจริงก็ไม่ใช่น้องแท้ๆ หรอกค่ะ เป็นลูกของน้าสาวแต่มาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็ก ศันเองก็รู้สึกผิดที่ปล่อยให้ยายโศหายไป”

“โศ?”

“แกชื่อโศรยาค่ะ ศันไม่กล้าให้คุณแม่ไปแจ้งความ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวาย บางทีแกอาจจะแค่ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วติดลม ตายจริงนี่ศันมานั่งปรับทุกข์เรื่องส่วนตัวกับคุณหฤษฎ์ซะแล้ว ศัน กลับไปหาพวกนั้นดีกว่าค่ะ”

ศันสนีย์หันกลับ เดินไปเข้ากลุ่ม หฤษฎ์มองตามสีหน้าครุ่นคิด ศันสนีย์ มีน้องชื่อโศรยา?

หฤษฎ์พาพวกธวัชชัยมาที่เรือ ทิมประจำที่คนขับ นิมิตร คำรพ ชนิดา ลงเรือแล้ว หฤษฎ์กล่าวขอโทษธวัชชัยที่ไม่ได้กลับไปส่งในเมือง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่พาเราทัวร์ฟาร์มนี่ก็ขอบคุณมากแล้ว เราคงได้ทำงานร่วมกันนะครับ”

“อย่าลืมเรื่องที่ขอมาถ่ายภาพปกนะคะ คุณหฤษฎ์ คุณหฤษฎ์เคลียร์พื้นที่เกาะเสร็จ โทรหาศันได้เลยค่ะ”

ศันสนีย์ส่งนามบัตรให้ หฤษฎ์รับไว้มองผ่านๆ พอพวกธวัชชัยออกเรือไปแล้ว เขาจึงหยิบนามบัตรมาอ่านแล้วถึงกับอึ้งไป

“ศันสนีย์ ศุภอรรถ! ศุภอรรถ!”



......................................



จำเลยรัก ตอนที่ 14

หฤษฎ์กลับมาถึงกระท่อมไม่พบโศรยาก็จะเล่นงานนายใบ้ พอดีวิ่งมาพบเธอนั่งพรวดดินอยู่ โศรยาเห็นหฤษฎ์ก็จะเดินหนี แต่ต้องหยุดชะงักกึกเพราะคำถามของชายหนุ่ม

“คุณชื่ออะไรกันแน่ ศันสนีย์! หรือว่า โศรยา?”

โศรยาสูดลมหายใจลึก จ้องหฤษฎ์ด้วยสายตาว่างเปล่า เดินหนีอีก หฤษฎ์ตามคว้ามือไว้

“ผมถามว่า คุณชื่ออะไร ทีอย่างนี้ ทำไมไม่ตอบ?”

โศรยาหันกลับมา พยายามบิดมือออก แต่หฤษฎ์จับแน่น โศรยายิ่งเจ็บยิ่งแค้น

“สำหรับนาย ฉันชื่อศันสนีย์นับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว นายทำสำเร็จ นายหฤษฎ์ นายลากฉันมาเป็นจำเลยในความผิดที่ฉันไม่ได้ก่อ ทำให้ฉันรู้สึกด้อยค่า ไร้ตัวตน รอวันตายไม่ต่างอะไรจากผักในแปลงนี้เลยสักนิด ฉะนั้นวันนี้นายจะเรียกฉันว่าศันสนีย์ โศรยา หรือนางหมูนางหมาอะไร ก็คงไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉัน!”

หฤษฎ์อึ้ง คลายมือปล่อย โศรยาเดินเชิดหนีไป ครู่หนึ่ง หฤษฎ์ก็รีบเดินตาม

“ทำไมมันจะไม่มีผล ผมพาคุณมาที่นี่ เพราะมั่นใจว่าคุณคือคนที่ทำร้ายหริณ แต่ถ้าคุณไม่ใช่ สิ่งที่ผมทำลงไปมันก็”

โศรยาหันขวับมาสวนทันที “นายจะมาสนใจอะไรกับสิ่งที่นายทำ?! ในเมื่อนายพูดย้ำตลอดเวลา ว่าฉันเป็นจำเลยของนาย นายพิพากษาโทษประหารให้โดยที่นายไม่เคยฟังฉัน ไม่เคยสนใจว่าฉันคือใคร นายยัดเยียดให้ฉันชื่อศันสนีย์ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่! ตอนนี้จะเปลี่ยนกลับให้ฉันชื่อโศรยาหรือว่าชื่ออะไร มันก็เรียกคืนสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ได้ เข้าใจมั้ย ว่าสิ่งที่เสียไปแล้ว มันเรียกคืนไม่ได้!”

โศรยาระบายความรู้สึกโกรธแค้น อัดอั้นนับแต่วันเกิดเหตุ น้ำตาคลอ หฤษฎ์พูดไม่ออก จำนนต่อสิ่งที่โศรยาพูด

หฤษฎ์กลับไปสารภาพผิดกับภาพของหริณ แล้วจิตใต้สำนึกก็ทำให้เขาได้ยินเสียงต่อว่าจากน้องชาย

“พี่เล่นยัดเยียดให้โศรยาเป็นศันสนีย์ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่! ตอนนี้จะเปลี่ยนกลับให้เขชื่อโศรยาหรือว่าชื่ออะไร มันก็เรียกคืนสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ได้!”

“นายนี่พูดเหมือนเขไม่มีผิด! หรือว่า ถ้านายยังอยู่ นายก็คงต่อว่าฉันอย่างนี้ ใช่มั้ย?”

หฤษฎ์หันไปมองอากาศธาตุว่างเปล่าข้างๆ ตัว ไม่มีหริณแล้ว หฤษฎ์ถอนใจเบาๆ กลุ้ม!

โศรยานั่งกอดเข่าเครียดอยู่บนพื้นทราย ฟุบหน้าร้องไห้ หฤษฎ์เจ็บปวดใจ จะเดินเข้าไปหาก็ไม่กล้า ละอายใจ ได้แต่ยืนเศร้าสำนึกผิดอยู่ห่างๆ

ค่ำคืนนั้นตะเกียงเจ้าพายุส่องแสงสลัว สะท้อนแววตาว่างเปล่าของโศรยาที่ไม่ยอมหันมามองหน้าหฤษฎ์

“ทำไมอยู่ๆ นายถึงเกิดเชื่อขึ้นมา ว่าฉันไม่ได้ชื่อศันสนีย์”

“วันนี้ ผมพบพี่สาวคุณ ศันสนีย์ ศุภอรรถ ตัวจริง! ชะตาชีวิตมันเล่นตลกกับผม ความจริงผมควรจะได้เจอเค้าตั้งนานแล้ว แต่ผมมัววุ่นอยู่กับคุณทางนี้ ในวันที่ศันสนีย์แวะเข้าไปโชว์รูมในเมืองครั้งแรก”

“ก็นายมั่นใจเหลือเกินนี่ ว่าฉันคือพี่ศันสนีย์”

โศรยาจ้องหน้าหฤษฎ์ หฤษฎ์ที่สีหน้าเจื่อนลง จนโศรยาทั้งสะใจ และเจ็บใจพอๆ กัน

“ตอนนั้นผมคิดอย่างที่พูด แต่พอผมเจอศันสนีย์ ศุภอรรถเข้าจังๆ ผมกลับทำอะไรไม่ถูก”

“ผู้ชายทุกคน เจอพี่ศัน ก็มักมีอาการอย่างคุณนั่นแหละ เพราะพี่ศันเป็นผู้หญิงสวย น่ารัก”

“เปล่าเลย ที่ผมทำอะไรไม่ถูก เพราะผมเห็นภาพคุณซ้อนขึ้นมาทันทีต่างหาก แล้วผมก็ต้องรีบบึ่งมาที่นี่”

“เพื่ออะไร”

“คุณเป็นคนฉลาด น่าจะรู้ ว่าผมรีบกลับมาหาคุณเพราะอะไร”

“ฉันไม่รู้หรอก แล้วฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย ฉันง่วงแล้ว จะนอนละ”

โศรยาเดินเข้าห้องไปโดยเร็ว ไม่สนใจหฤษฎ์ที่มองตาม หฤษฎ์ทำท่าจะตามเข้าไป แล้วก็ละอายใจ ยืนนิ่งอยู่กลุ้มใจ

เช้าวันใหม่ชนิดามาขอพบศันสนีย์และเชิญเธอออกไปคุยที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ศันสนีย์พอจะเดาออกว่าชนิดาบอกเรื่องที่เธอกับธวัชชัยเป็นอะไรที่มากกว่าความเป็นเจ้านายลูกน้อง ชนิดาจึงเอ่ยขึ้นว่า

“คุณศันสนีย์ คุณมีพร้อมทั้งฐานะ การศึกษา หน้าตาก็สะสวย คุณยังต้องการอะไรอีกคะ คนที่ไม่มีพันธะมีออกถมไปให้คุณเลือก”

“มันไม่ใช่ฉันเลือกหรือไม่เลือกนะคะ คุณธวัชชัยเขาเลือกฉันเองต่างหาก จะให้ฉันไปจากเขา เพียงเพราะว่าเขาเคยมีแฟนมาก่อนงั้นเหรอ มันไม่แฟร์กับฉันนะคะ”

ชนิดาอึ้ง “ไม่คิดเลยว่าคนมีชาติตระกูลแบบคุณ จะชอบแย่งของรักคนอื่น”

“ฉันว่าคุณไปถามความรู้สึกคุณธวัชชัยก่อนดีกว่ามั้งคะ อย่ามาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใส่ฉันเลย ไม่มีประโยชน์หรอก”

ชนิดาจ้องศันสนีย์ตาแทบลุกเป็นไฟ “ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ ก็เอาเป็นว่า ดิฉันรับทราบ ว่าคุณธวัชชัยไม่ใช่ผู้ชายพรหมจรรย์ ถ้าเป็นอาหารก็คงจะเรียกว่ามี อย. ผ่านการรับรองแล้วว่าเป็นผู้ชายแท้ ขอบคุณค่ะที่มาบอก”

ศันสนีย์ยิ้มยั่ว แล้วหันหลังกลับ เดินตรงมาที่รถ เปิดประตูสตาร์ทออกไป ทิ้งให้ชนิดายืนอึ้งแทบจะกรี๊ดอยู่ข้างหลัง

ธวัชชัยโทรหาศันสนีย์เธอจึงบอกว่ามีธุระไม่เข้าออฟฟิศ ขณะที่ชนิดาเข้าออฟฟิศในสภาพโทรมเศร้าและเมา ธวัชชัยจึงพาไปพักที่คอนโดของเขา

โศรยานั่งลอยดอกไม้ลงในอ่าง วักน้ำให้แสงจันทร์สะท้อนเงาในน้ำกระเพื่อมพลิ้ว สีหน้าเศร้าเหงา ครู่หนึ่งก็ผุดลุกจะหันกลับเข้าห้อง หฤษฎ์ยืนมองอยู่ห่างๆ โศรยาเมินไม่มอง หฤษฎ์รีบก้าวเข้ามาหาหวังปรับความเข้าใจ

“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”

“ผมรู้ ว่าสิ่งที่ผมทำลงไป มันเลว แต่คุณเชื่อผมเถอะ ว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเสียใจกับอะไร มากเท่าเรื่องนี้”

“แต่ฉันมาคิดดูแล้ว ฉันกลับสบายใจ ที่เราจะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกัน คุณได้ล้างแค้น ทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดี ส่วนฉันก็ได้ทำหน้าที่น้องที่ดีรองรับความกักขฬะ และตัณหาหน้ามืดของคนใจหยาบไงล่ะ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะ”

“ไม่ว่านายจะตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ นายก็ทำไปแล้ว แต่มันจะเป็นครั้งเดียวเท่านั้น อย่าหวังว่าจะทำอะไรฉันได้อีก”

โศรยารีบเดินเข้าห้อง หฤษฎ์ตามแต่ไม่ทัน โดนโศรยาปิดประตูใส่ หฤษฎ์ทุบประตู

“โศรยา ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำร้ายคุณอีก ผมสัญญา โศรยาออกมาพูดกับผมก่อน โศรยา”

โศรยานิ่งไปชั่วครู่ ใจแข็งไม่ออกไป แล้วปิดหน้าต่าง

รุ่งเช้าโศรยาต้องแปลกใจที่เห็นสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟันแล้วผ้าเช็ดตัววางไว้พร้อมสรรพ พออาบน้ำเสร็จก็เห็นหฤษฎ์เตรียมอาหารเช้ารอเธออยู่ เขาเชิญเธอแต่เธอจะเดินหนี เขาจึงพูดเชิงบังคับว่าถ้าไม่มาทานเขาจะไปป้อนให้ถึงในห้อง

“ก็ลองดูสิ ฉันไม่เอาจานข้าวขว้างหน้าคุณก็ให้มันรู้ไป”

“ที่บ้านผมจะไม่เอาอาหารมาขว้างใส่กัน มันบาป คุณเองก็คงไม่ทำอย่างนั้นหรอก มาทานข้าวเถอะ เห็นแก่บุญคุณแม่โพสพ”

โศรยาจะอ้าปากเถียงทำพยศใส่ เจอสีหน้าจริงจังอ้อนวอนของหฤษฎ์ก็นิ่งไป แล้วเดินไปนั่ง หฤษฎ์ตักข้าวต้มให้ในถ้วยโศรยา เลื่อนจานผักกระป๋องและไข่เจียวให้ พยายามพูดเอาใจ

“รสมาตรฐานอาหารกระป๋องนะ ไม่อร่อยอย่างรสมือคุณหรอก ผมเดาว่า คุณต้องเรียนวิชาการเรือนมาแน่เลย แก้วมันบอกว่าอยากเรียนการแกะสลักผักกับคุณ แต่ยังไม่ทันได้เรียน”

ถึงจะเคืองใจหฤษฎ์ โศรยาก็ยังห่วงใยแก้ว เธอถามว่าแก้วเป็นยังไงบ้าง พอรู้ว่าปลอดภัยก็สบายใจขึ้น หฤษฎ์พูดวกเข้าเรื่องเก่าๆ อีกเธอจึงลุกขึ้นเดินหนีไปทอดอารมณ์อยู่ชายหาด หฤษฎ์ตามไป

“ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นอย่างนี้ คุณจะด่าทอต่อปากต่อคำ ตบหน้าผม หรือฟาดผมด้วยไม้ด้วยมีดยังไงก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณเกลียดผมน้อยลง ผมไม่กล้าหวังให้คุณหายโกรธผมต้องการแค่ให้คุณรู้ ว่าผมเสียใจในสิ่งที่ผมทำ”

“นายเสียใจ แต่ฉัน สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ถ้าฉันเป็นคนคิดอะไรตื้นๆ อีกสักนิด ฉันคงเดินลุยทะเลให้ตายๆ ไปแล้ว แต่นี่ฉันยังมีสติดี ฉันรู้ตัวว่ายังมีแม่ มีคนคอยอยู่ที่บ้าน”

“คุณมีคนคอยอยู่”

“ใช่ ฉันไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตร คิดถึงแต่ตัวเองอย่างนายนี่”

หฤษฎ์ตัดสินใจรวบตัวโศรยาเข้ามา โศรยาดิ้น หฤษฎ์จับแขนไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือล้วงหยิบถุงสร้อยมุก ชูสร้อยให้ดู

“ผมไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองนะ โศรยา ผมคิดถึงคุณตลอดเวลา”

“ด้วยการเปรียบเทียบกับสร้อยมุกเส้นนี้น่ะเหรอ ผู้หญิงมีตำหนิกับมุกมีตำหนิ ไม่ต้องมาย้ำหรอก”

“เปล่าเลย คุณดูสิ มีมุกน้ำงามที่สุดอยู่เม็ดนึง ท่ามกลางมุกธรรมดาๆ ที่อยู่รายรอบ คุณคือมุกน้ำงามเม็ดนี้ ผมให้ช่างเขาร้อยให้คุณใหม่ เตรียมไว้ หลังจากที่ ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าคุณคือใคร เพราะไม่ว่าคุณจะชื่ออะไร คุณเป็นมุกน้ำงามที่สุดของผม”

โศรยาหันหน้าหนี หฤษฎ์คุกเข่าลงตรงหน้า โศรยาตกใจ ก้มมอง “จะทำอะไรน่ะ”

หฤษฎ์ไม่ตอบ จับข้อมือโศรยามา สวมสร้อยมุกให้ แล้วจูบที่มือเบาๆ โศรยาอึ้ง แล้วรีบชักมือออก

“อย่าถอดออกอีกเลยนะ โศรยา”

หฤษฎ์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนประจันหน้า แต่ไม่ยอมปล่อยมือจากโศรยา สองคนยืนมองตากัน อยากจะหยั่งรู้ว่าคิดอะไร โศรยาหวั่นไหวกับแววตาบอกความนัยของหฤษฎ์

ด้านศันสนีย์ไปหาธวัชชัยที่คอนโด และเห็นชนิดาอยู่ที่นั่น เธอวิ่งลงมาที่รถทันที ธวัชชัยตามมาอธิบายว่าเขากับชนิดาไม่มีอะไรกันแล้ว และที่มาชนิดามาก็เพราะเมื่อวานชนิดาเมามาจากลูกค้า เขาไม่อยากปล่อยไว้คนเดียว เขายอมรับผิดและพยายามเคลียร์เรื่องนี้อยู่ ศันสนีย์นิ่งฟังแล้วตัดสินใจขับรถออกไป

ธวัชชัยคิดว่าศันสนีย์หาเหตุเอาเรื่องชนิดามาตัดรักเขา เพราะเธอมีที่หมายใหม่คือหฤษฎ์ จังหวะเดียวกันนี้วิเศษ เพื่อนนักธุรกิจติดต่อถามเรื่องที่เขาอยากได้ที่ดินทำรีสอร์ต วิเศษบอกว่าพบเกาะแห่งหนึ่งสวยมาก ธวัชชัยสนใจถ้าราคาสมเหตุสมผลเขาก็จะซื้อ

วิเศษจึงสั่งให้สมหมายลูกน้องที่ทำหน้าที่ขับเรือเร็วแวะไปที่เกาะฟาร์มหอยมุกขอพบหฤษฎ์

“คุณจะหนีผมไปไหน โศรยา รู้มั้ยว่าการออกเรือไปคนเดียว ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทะเลเลยน่ะ มันอันตราย”

“อยู่กับคุณก็อันตรายพอกัน”

“ไม่จริงหรอก! ถ้าเมื่อกี้มีน้ำมันติดก้นถัง ให้คุณเอาเรือออกไปได้ แล้วน้ำมันหมดกลางทะเล ลอยลำเท้งเต้งอยู่โดยไม่มีใครรู้ จะเกิดอะไรขึ้น โลกนี้ไม่ได้มีแต่ผมหรอกนะ ที่น่ากลัว”

“ไม่! ขอแค่ให้พ้นไปจากที่นี่ อะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า ฉันไม่กลัว”

“แต่ผมกลัว ต่อไปนี้ผมคงต้องอยู่ติดกับคุณไม่ห่างแม้แต่นาทีเดียวแล้วละ ใบ้ ไปเอาน้ำมันมาเติม เดี๋ยวฉันจะเอาเรือออก”

ใบ้รับคำสั่ง เดินไปจัดการ โศรยามองหน้าหฤษฎ์อย่างขัดใจ


.................................


จำเลยรัก ตอนที่ 15


โศรยาเดินเลาะเลียบหาดไปเรื่อยๆ ไม่สนใจหฤษฎ์ที่เดินตาม

“คุณจะเดินไปถึงไหน ศันส โศรยา หยุดเดินซะทีได้มั้ย”

“ไม่หยุด ไหนนายว่าจะเอาเรือออกไง จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาตามคุมฉัน” โศรยาเดินต่อ

หฤษฎ์คว้ามือ “ผมไม่ได้ตามมาคุม แต่ผมจะพาคุณไปด้วย”

โศรยาสลัดมือออกจากหฤษฎ์ “ยังจะลากฉันไปไหนอีก? หรือว่า จะเอาฉันกลับไปส่งคืน”

หฤษฎ์มองหน้าโศรยา ส่ายหน้าเหมือนขอร้อง ไม่อยากให้โศรยาไปไหน ตราบใดที่ยังไม่หายโกรธ

“ทำไมล่ะ? นายก็รู้แล้วนี่ ว่านายจับฉันมาผิดคน รู้แล้วว่าฉันไม่ใช่พี่ศันสนีย์ นายก็ควรจะยอมให้ฉันได้กลับบ้าน ไปหาครอบครัวฉันสิ”

“แต่ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ โศรยา”

“อยู่ในฐานะอะไร? ตอนนี้ฉันไม่ใช่จำเลยของใครแล้วนะ อย่าคิดว่า อย่าคิดว่าทำอะไรฉันแล้ว จะบังคับฉันได้”

“ผมไม่ได้บังคับ โศรยา ผมขอร้อง”

“ขอร้องด้วยอำนาจของนายใหญ่ ผู้เป็นเจ้าของเกาะนี้น่ะเหรอ”

“เปล่า โศรยา ผมขอร้อง ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยากจะอยู่กับผู้หญิง ที่เขา” หฤษฎ์ชะงักกับคำว่า รัก

โศรยาชะงักฟัง อยากได้ยินคำต่อไป แต่หฤษฎ์กลับชะงักหยุดด้วยกระดากปาก แล้วเขาก็คว้าแขนโศรยากลับ เดินลิ่วไปทางท่าเรือ

“จะลากฉันไปไหน นายหฤษฎ์”

หฤษฎ์ไม่ยอมขายที่ดินบนเกาะให้วิเศษ แต่มีชาวบ้านบางคนที่มีกรรมสิทธิ์ยอมขายให้ เพราะได้ราคาดี วิเศษรีบโทรบอกธวัชชัย เขาหวังได้กำไรจากการซื้อขายที่ดินแล้ว ยังหวังทำลายฟาร์มหอยมุกของหฤษฎ์ด้วย

หฤษฎ์เล่าให้หวายกับทิมฟังว่าวิเศษเป็นคู่ปรับเก่าของเขาสมัยเริ่มทำฟาร์มใหม่ๆ วิเศษอยากได้ที่ตรงนี้แต่พ่อของเขาจับจองไว้ ทำให้วิเศษอาฆาตแค้นแล้วก็หายไป เขาได้ข่าวว่าไปทำงานอื่นรวยบ้างเจ๊งบ้าง ก่อนจะหายเงียบไป 6-7 ปี ขณะที่ตัวหฤษฎ์เองก็ทำฟาร์มมุกล้มลุกคลุกคลานกว่าจะตั้งหลักได้ เขาก็ไม่คิดว่าวิเศษจะกลับมาอยากได้เกาะนี้อีก

“ถ้าไอ้นายวิเศษนั่นคิดจะทำรีสอร์ทแถวนี้จริง” หวายว่า

“หอยมุกคงไม่ชอบแน่ๆ แล้วชาวประมงนั่นแหละจะเสียประโยชน์”

“งั้นเราจะทำยังไงดีครับ นายซื้อที่ของนายคีรีกับนายจ๋ายไว้มั้ย อย่างน้อยก็เอาไว้เป็นกันชน”

“แบบนั้นเรามิต้องขายฟาร์ม เอาเงินมาซื้อที่ดินทั้งเกาะเหรอทิม” หฤษฎ์คิดหนัก มองน้ำทะเลตรงหน้า “อย่าห่วงเลย ฉันต้องหาวิธีให้มันมาซื้อไม่ได้!”

ศันสนีย์ยังคงไปทำงานแต่ความสัมพันธ์ไม่ดีนักกับเพื่อนร่วมงานร่วมถึงธวัชชัย เธอเห็นชนิดาไปเข้าห้องน้ำจึงไปลบเทปสัมภาษณ์งานที่ชนิดาถอดค้างอยู่ ชนิดากลับมาก็รู้ว่าถูกศันสนีย์แกล้งจึงไปเอาเรื่อง ทั้งสองเถียงกันจนชนิดาเผลอตบหน้าศันสนีย์ แถมโวยวายว่าศันสนีย์มาแย่งผัวเธอ ทำให้ศันสนีย์อายมาก ธวัชชัยออกมาไกล่เกลี่ย ก่อนจะตามศันสนีย์ไปพูดปรับความเข้าใจ

“ฉันไม่เคยโดนใครตบเพื่อแย่งผู้ชายค่ะ ฉันอาย เข้าใจมั้ยคะ”

“ผมขอโทษ ผมยืนยันอีกครั้งนะครับคุณศัน ว่าผมไม่มีอะไรกับเขาแล้ว ที่ผ่านมา ชนิดาเองก็อยู่ห่างๆ อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว”

“เจียมเนื้อเจียมตัวเหรอคะ ดูเหมือนตอนนี้เขาอยากเปิดตัวนะคะ”

“แต่เรื่องระหว่างผมกับเขามันจบไปแล้ว ผมรักคุณคนเดียวนะ”

“เรื่องนี้คุณต้องพิสูจน์ค่ะ” ศันสนีย์พูดจบก็เดินหนีลิ่วๆ สลัดธวัชชัยที่พยายามเหนี่ยวรั้ง ธวัชชัยยืนหนักใจ

สอางค์ของให้นุกูลไปดูโศรยาที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง สายสมรดูไม่เต็มใจต้อนรับนุกูลนัก ทำให้นุกูลกลับไปบ่นกับสอางค์แล้วบอกว่าเขาจะหาคำตอบเองว่าโศรยาไปไหนกันแน่

หฤษฎ์ไปพบชาวบ้านที่จะขายที่ดินให้วิเศษ เขาพูดจาหว่านล้อมไม่ให้ทุกคนขายที่ดิน แต่ดูจะไม่ได้ผล ในที่สุดมีคนหนึ่งย้อนถามว่าเขาจะขายด้วยหรือ หฤษฎ์จึงบอกว่าถ้าเขาได้สี่ร้อยห้าสิบล้านก็จะขาย ทุกคนมองหน้ากันไม่อยากเชื่ โศรยาที่ถูกพามาด้วยก็มองพลอยตกใจ ขณะเดินกลับโศรยาจึงถามหฤษฎ์ว่า

“นายจะขายฟาร์มมุกเหรอ? แล้วนายจะลอยแพคนงาน หอบเงินร้อยล้านหนีไปเสวยสุข? ไหนว่ารักทะเล รักธรรมชาติ ที่แท้ก็งกเงิน”

“แหม แค่สมมติก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ดี ถ้าคุณเชื่อคำพูดตะกี๊ ชาวบ้านพวกนั้นก็ต้องเชื่อ”

“อ้าว นายกุเรื่องราคาขายขึ้นมาเองเหรอ”

“ก็ใช่สิ”

“ฉันนึกว่านายจะไปพูดเกลี้ยกล่อมไม่ให้ชาวบ้านขายที่ ให้ช่วยกันรักษาไว้เพื่อดูแลธรรมชาติ ที่แท้ก็ไปยุให้ชาวบ้านโก่งราคา บ้าจริงๆ นายทำอย่างนี้แล้วได้อะไร ยังไงชาวบ้านก็ขายอยู่ดี”

โศรยาโวยต่อว่าหฤษฎ์ หฤษฏ์ยิ้มมุมปากอย่างมีแผน

เมื่อถึงวันที่วิเศษนัดหมายคีรีกับนายจ๋ายหัวโจกนำชาวบ้านเรียกร้องราคาใหม่ เพราะหฤษฎ์บอกว่าขายได้สี่ร้อยล้าน ทำให้วิเศษตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธมาก เขาหยิบโทรศัพท์มาต่อสายถึงหฤษฎ์ แต่พูดกันไม่เข้าใจ ยิ่งทำให้วิเศษโกรธมาก สั่งลูกน้องให้ไปหาทางเล่นงานหฤษฎ์

ขณะที่โศรยาได้ยินหฤษฎ์คุยโทรศัพท์กับวิเศษ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจจนเธอเอ่ยปาก

“ทำอย่างนี้เท่ากับประกาศศึกนะ ไม่กลัวเขาหมั่นไส้มายิงตายรึไง ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครนะ”

“ผมรู้ แต่ผมไม่กลัวมันหรอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพยายามมาขอซื้อ ถ้ามัวเสียงอ่อนพูดเพราะๆ นายวิเศษมันไม่เลิกราหรอก ผมรู้ดี”

โศรยามองหน้าหฤษฎ์แล้วถอนใจ หฤษฎ์หันมามองจ้อง “คุณไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมแก้ปัญหาของผมได้”

“ฉันไม่ได้ห่วงใยอะไรนายเลย ฉันแค่อยากรู้ว่า เมื่อไหร่ฉันจะได้กลับบ้านฉันซะที?”

หฤษฎ์ไม่ตอบ โศรยาจ้องหน้าคาดคั้น จนถึงกระท่อมของโศรยา หฤษฎ์จึงยอมตอบหญิงสาว

“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม แต่ผมขอเวลาสักพัก แล้วผมจะพาคุณไปคืน ในที่ที่คุณจากมา คุณจะได้เจอคนที่คุณบอกว่า เขาคอยคุณอยู่”

โศรยาบ่น “แม่คงไม่รู้หรอก ว่าฉันหายไป แต่คุณลุงคุณป้า แล้วก็พี่ศันสนีย์ คงสงสัยแล้วล่ะ”

วันต่อมาธวัชชัยต่อว่าชนิดา แล้วเพราะเธอทำตัวแบบนี้ยิ่งทำให้เขาต้องเลิกกับเธอ ชนิดาถึงกับจ๋อยไป ตอนค่ำธวัชชัยพาศันสนีย์ไปนั่งที่ร้านอาหาร เขาพูดเรื่องชนิดาให้ฟัง ศันสนีย์ยังไม่พอใจ จนธวัชชัยย้อนถามว่าเขาต้องทำยังไง ศันสนีย์บอกแค่เขาเลือก ถ้ามีเธอก็ต้องไม่มีชนิดา

ธวัชชัยตัดสินใจให้ชนิดาออกจากงาน โดยจ่ายเงินชดเชยให้หกเดือน ชนิดาไม่พอใจมากที่เขาตีราคาค่าตัวเธอแค่พนักงานคนหนึ่ง ด้านศันสนีย์ก็กลับไปบอกพ่อกับแม่ว่าเธอเลิกรักธวัชชัยแล้ว

ศันสนีย์เดินไปหยิบน้ำส้มคั้นทาน แล้วก็บ่นถึงโศรยาเพราะรสชาติไม่ถูกปาก ทำให้ศุภฤกษ์รู้ว่าโศรยาหายตัวไป ศันสนีย์กับสายสมรมองหน้ากันรู้ตัวว่าพลาดความลับแตกเสียแล้ว ศุภฤกษ์จะไปแจ้งความ สองแม่ลูกช่วยกันพูดหน่วงเหนี่ยวไว้ แต่พอถูกบิดาตำหนิ ศันสนีย์ก็เดินลงส้นตึงๆ ไป

ศุภฤกษ์หันมาเล่นงานสายสมร ทั้งสองเถียงกันโดยไม่เห็นนุกูลที่เข้ามาในบ้าน สายสมรสะบัดหน้าเข้าบ้านไป ศุภฤกษ์จึงหันมาเห็นนุกูลที่ยืนมองเก้อๆ นุกูลยกมือไหว้ศุภฤกษ์

“สวัสดีครับ ผมชื่อนุกูล เป็นเพื่อนบ้านคุณน้าสอางค์ มาหาโศรยาครับ”

ศุภฤกษ์รับไหว้ มองหน้านุกูลอย่างผู้ใหญ่ใจดี นึกรู้ว่านุกูลคงได้ยินทั้งหมดแล้ว เขาจึงชวนนุกูลขับรถไปตามหาโศรยาที่มหาวิทยาลัย แต่เพราะโศรยาจบแล้วจึงไม่มีใครเห็นเธอ บางคนบอกว่าโศรยามีแฟนชื่อหริณ แล้วอาจจะไปด้วยกันจนกลับมาถึงบ้าน เตยจึงเฉลยว่าหริณเป็นแฟนเก่าของศันสนีย์ เป็นเพื่อนกับโศรยา ศันสนีย์เข้ามาได้ยินก็เล่นงานเตย ศุภฤกษ์ถามที่อยู่ของหริณ แต่ศันสนีย์บอกว่าเธอไม่คิดจะจำ

นุกูลยืนยันกับศุภฤกษ์ว่ายังไงก็จะตามหาโศรยาต่อไป ศุภฤกษ์ขอบใจนุกูลมา

ที่กระท่อม โศรยากับหฤษฎ์เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้น เย็นนั้นหฤษฎ์จับกุ้งที่เลี้ยงไว้มาผัดสะตอกิน แล้วคุยว่าวันพรุ่งนี้เขาจะไปส่งเธอกลับบ้าน โศรยาดีใจ

วิเศษดูต้นทางให้สมหมายลักลอบไปที่กระชังหอย หวังเอาแกลลอนน้ำมันเท พอดีจังหวะนั้นโศรยาเดินเข้ามาเห็นคิดว่าเป็นทิมก็ร้องทัก สมหมายตกใจทิ้งแกลลอนกระโดดคว้าตัวโศรยามาอุดปาก แล้วลากไปหาวิเศษ ทำให้โดนวิเศษต่อว่า เพราะไม่ต้องการเสี่ยงทำร้ายคน

ทิมผ่านมาเห็น สมหมายรีบผลักโศรยาให้วิเศษแล้วตัวเองจัดการกับทิม โศรยาส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ วิเศษจึงลากโศรยาไปที่เรือ ทิมถูกต่อยล้ม สมหมายวิ่งตามวิเศษไป ทิมรีบวิ่งไปเรียกหฤษฎ์ เขาออกติดตามพร้อมคนงานอีกหลายคน วิเศษเห็นจวนตัวก็หันมายิงขู่ พวกหฤษฎ์ไม่กล้ายิงเพราะเกรงว่าจะถูกโศรยา

วิเศษเอาปืนจ่อหัวโศรยาพร้อมดึงตัวจะพาลงเรือ สมหมายสตาร์ทเครื่องยนต์ หฤษฎ์กับวิเศษเจรจาต่อรองกัน ในจังหวะที่หฤษฎ์เบนสายตาไปมองทิม วิเศษก็เล่นไม่ซื่อจะยิงหฤษฎ์ ทันใดนั้นโศรยาก็กัดแขนวิเศษ ทำให้เกิดปืนลั่นไปโดนทิม โชคดีที่เฉียดๆ วิเศษตบโศรยาล้มกลิ้งแล้ววิ่งไปที่เรือ ซึ่งสมหมายรออยู่ พอลงเรือก็ยิงขู่อีก

หฤษฎ์เข้าไปประคองโศรยา หวายเข้ามาประคองทิมซึ่งถูกกระสุนถากที่สีข้าง โศรยาเป็นห่วงทิมให้ชายหนุ่มพาไปโรงพยาบาล แต่หฤษฎ์เกรงว่าถ้าเอาเรือออกเกิดวิเศษย้อนมาอีกจะลำบาก คืนนั้นหวายสั่งคนงานช่วยกันเฝ้ายามให้ดี

............................

ไม่มีความคิดเห็น:

Powered By Blogger