วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

อาหารฝีมือแม่

นึกถึงอาหารฝีมือแม่..ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยเท่ากับที่แม่ทำ..อาหารนั้นถึงจะเป็นอาหารง่ายๆ ใครๆ เขาก็ทำกัน..แต่ก็คิดถึงรสชาติฝีมือของแม่ที่อร่อยที่สุด หลายอย่างที่นึกอยากกินนึกถึงรสชาติความอร่อย นึกถึงถ้าได้กินแล้วต้องเบิ้ลข้าวเป็นจานที่สอง
แต่ผมไม่ค่อยได้กลับไปหาแม่เลย(คิดถึงแม่จัง)..แล้วเมื่อไหร่จะได้กินของอร่อยล่ะเนี้ย...

ยำหัวปลี ยำเห็ดหูหนู ยำเห็ดตับเต่า หล่นกะปิคั้ว แกงเผ็ดกุ้งใส่ลูกตำลึง น้ำพริกกะปิกับลูกตาลต้มกระทิ หัวไชโป๊ผัดกระทิใส่ไข่ แกงจืดหน่อไม้ฉีก ฉู่ฉี่เห็ดโคน ม้าฮ่อสับปะรด แกงเผ็ดสับปะรดกับกุ้ง แกงคั่วกระท้อนใส่หอยหรือกุ้ง ต้มจืดสับปะรดกับหมู แกงส้มมะละกอ และอีกหลายอย่าง..(ยิ่งนึกยิ่งหิว)

......................


หัวปลี..ก็คือดอกของกล้วยนั่นเอง

ยำหัวปลี..(สูตรของแม่)
เครื่องปรุง
หัวปลี(กล้วยน้ำว้า)หั่นฝอยแช่ในน้ำที่บีบมะนาวใส่ลงไปด้วย
/กุ้งแห้งป่น/ถั่วลงสงคั่วป่น/น้ำตาลปึก/น้ำปลา/น้ำมะนาว/กระทิ/พริกขี้หนูสวนบุพอหยาบๆ

วิธีทำ
น้ำหัวปลีบิดน้ำให้แห้งใส่ชามปรุง ใส่น้ำตาล น้ำปลา มะนาว พริก ผสมรวมกันให้น้ำตาลละลายเข้ากันดีใส่กระทิ กุ้งแห้งป่น ถั่วลิสงป่น
ชิมดูให้รสชาติกลมกล่อม

หมายเหตุ..กระทิคั้นกับน้ำอุ่นข้นๆ เพราะเวลาปรุงไม่ต้องนำขึ้นตั้งไฟ

..................

ต้มสับปะรดกับหมู..(สูตรของแม่)

เครื่องปรุง
สับประรดหั่นชิ้นพอคำ 1 ลูก/เนื้อหมูหั่นชิ้นบางๆ/กระเที่ยม-พริกไทย-รากผักชี-กุ้งแห้ง ตำรวมกันหยาบๆ/น้ำตาล/น้าปลา/น้ำมันนิดหน่อย

วิธีทำ

กะทะตั้งน้ำมันพอร้อนนำ กระเทียมพริกไทยรากผักชีกุ้งแห้งที่ตำรวมกันลงผัดให้หอม ใส่หมูลงไปผัดให้สุกใส่สับปะรดผัดไปมา เติมน้ำตาล น้ำปลา พอเข้ากันดีเทใส่หม้อที่ต้มน้ำเดือดไว้ ตั้งไฟเคี่ยวไปสักครู่ ชิมดูรส ใช่ได้

หมายเหตุ.. ต้มสับปะรดกับหมู ถ้ายิ่งต้มไว้ค้างคืนจะยิ่งอร่อย เพราะจะยิ่งเข้าเนื้อ

....................



แกงเผ็ดกุ้งใส่ลูกตำลึง
(ลูกตำลึงดิบ..สีเขียว นำมาทุบเอาเม็ดออกให้หมดล้างด้วยน้ำเกลือให้สะอาด)

เครื่องปรุง

น้ำพริกแกงเผ็ด(พริกแห้ง 7 เม็ดแช่น้ำจนนิ่มนำมาตำรวมกับ กระเทียม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด กะปิ เกลือป่นนิดหน่อยตำรวมกันให้ละเอียด)/กุ้งสดเด็ดหัวปลอกเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำๆ ออกแล้ว/กระทิ/พริกชี้ฟ้า/ใบโหระพา/น้ำปลา/น้ำตาลปี๊บนิดหน่อย/ลูกตำลึงที่เอาเม็ดออกเรียบร้อยแล้ว

วิธีทำ
เคี่ยวกระทิใส่หม้อตั้งไฟให้แตกมัน
ตั้งกะทะพอร้อนใส่หัวกระทิ นำน้ำพริกแกงเผ็ดลงผัดให้หอมเติมกระทิทีละน้อย ใส่กุ้ง ใส่กระทิที่เหลือ ใส่ลูกตำลึง พอเดือดปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี้บได้รสอร่อยแล้วใส่พริกชี้ฟ้าหั่น ใส่ใบโหระพา ยกลง

หมายเหตุ ถ้าไม่มีลูกตำลึงใช้มะเขือเปราะ หน่อไม้ มะเขือยาว แทนก็ได้..แต่ลูกตำลึงจะกรอบอร่อย

.......................

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

อาหารประจำ..

อาหารประจำ กินทั้งปีทั้งชาติก็ไม่เบื่อ...

ไข่พะโล้-หมูทอดกระเทียมพริกไทย-จับฉ่าย

คือกับข้าวประจำที่จะได้ขึ้นโต๊ะเกือบทุกวัน..เมื่อผมไปทำงานนอก หรือเดินทางไปเที่ยว..คงเป็นเพราะเก็บไว้ได้หลายวัน ทำครั้งละเยอะๆ แต่ก็อร่อยไม่มีเบื่อ ผมชอบทานมากๆ ครับโดยเฉพาะฝีมือทำกับข้าวของคนใกล้ๆ ตัว..



เครื่องปรุง

ไข่ไก่ต้มปอกเปลือก 20 ฟอง/หมูสามชั้น(เนื้อแดงล้วนก็ได้) 1/2 กก./เตาหู้แผ่น 3 แผ่นหั่นชิ้นใหญ่ๆ แล้วทอดให้เหลือง/ กระเทียม-พริกไทย-รากผักชี้ตำรวมกัน/อบเชย-ผงพะโล้/น้ำตาลปี๊บ/น้ำปลา/ซีอิ้วขาว/วีอิ้วดำหวาน/น้ำมันนิดหน่อย

วิธีทำ

ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียม พริกไทย รากผักชีที่ตำลงผัดพอหอมใส่อบเชย ผงพะโล้ลงผัด ใส่เนื้อหมูหั่นลงผัด ใส่ เต้าหู้ ใส่ ซีอิ้วดำหวาน น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ผัดให้เข้ากันดี ตักใส่หม้อที่ต้มน้ำเดือดไว้ เคี่ยวต่อไปสักพัก ชิ้นรสชาติได้ที่แล้ว ใส่ผักชี ใช้ทั้งใบทั้งก้าน

...............

หมูทอดกระเทียมพริกไทย



เครื่องปรุง

หมูสันนอกหั่นบางๆ 1/2 กก./กระเทียม-พริกไทยตำรวมกัน/ซีอิ๊วขาว/ซอสปรุงรส/น้ำตาลปี๊บ/ซีอิ้วดำหวาน/น้ำมันหอย/แป้งโกกินิดหน่อย

วิธีทำ

ผสม เครื่องทั้งหมดรวมกันคลุกเคล้าให้เข้ากันใส่น้ำมันพืชลงไปนิดหน่อย เพื่อให้เนื้อหมูทอดไม่ติดกระทะ หมักทิ้งไว้ 15 นาที นำลงทอดให้เหลือง ตำกระเทียมสัก 1/2 ถ้วย น้ำไปคลุกแป้งทอดกรอบนิดหน่อย นำลงไปทอดให้เหลืองตักโรยลงบนหมูที่ทอดไว้แล้ว

หมายเหตุ หมูถ้าหมักไว้เยอะๆก็เอาเข้าตู้เย็นไว้ แล้วแบ่งนำออกมาทอด...แต่บ้านผมทำเยอะแค่ไหน ก็หมดทุกที
...............

ต้มจับฉ่าย



เครื่องปรุง

ผักคะน้า/กระหล่ำปลี/หัวไชเท้า/มะระ/เห็ดหอม/ขึ้นไช่/ผักกาดขาว/ผักกวางตุ้ง/ซี่โครงหมูอ่อน/กระเทียม/ซีอิ้วขาว/ซอสปรุงรส/น้ำตาลทราย/น้ำมันหอย

วิธีทำ

ล้างผักทุกอย่างให้สะอาด หั่นให้เรียบร้อย
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียมลงผัด ใส่ซี่โครงหมูอ่อนลงผัดใส่ผักที่หั่นไว้ ยกเว้นขึ้นไช่
ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาล น้ำมันหอย จนผักสลบ ตักใส่หม้อน้ำที่ตั้งเดือดไว้.ใส่ขึ้นไช่หั่นเป็นท่อนๆ เคี่ยวต่อไปสักครู่จนเข้ากันดี

หมายเหตุ ไข่พะโล้-จับฉ่าย... ยิ่งทำทิ้งไว้ค้างคืนยิ่งอร่อย

..................

รูปหามาจากเว๊บชาวบ้านเค้าครับ..แต่สูตรน่ะ..ที่บ้านผมเอง

Romantic in my heart

Walk In The Clouds
จะขอบูชาหัวใจเธอไว้ที่วิมานเมฆ



เรื่องย่อ

พอล ซัตตัน(คีอานู รีฟส์) กลับจากสงครามโดยไม่มีใครสักคนไปรับ ทั้งๆที่ เขามีภรรยาที่เขาเขียนจดหมายหาเธอจากสนามรบทุกวัน พอล เดินกลับบ้านด้วยความกังวลว่า หญิงสาวที่เขารักอาจมีอันเป็นไปหรืออะไรสักอย่าง แต่ว่า มันไม่ใช่แบบนั้น เบตตีคนสวยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสามีจะกลับจากสมรภูมิวันนี้ เธอไม่ได้อ่านจดหมายแม้แต่ฉบับเดียวจากพอล เธอเก็บมันไว้ในลังใต้เตียง และแก้ตัวว่า "ชั้นทนไม่ได้หรอก ที่จะอ่านพบว่า คุณกำลังลำบากหรือเฉียดตายอะไรแบบนั้น"

ตลกดี ที่พระเอกของเรา ยังคงซื่อสัตย์กับเมียที่ไม่จริงใจกับเขาต่อไปเขายอมทำงานเป็น เซลล์แมนขายชอคโกแล็ตที่เธอสมัครไว้ให้ ทั้งๆที่เป็นงานที่เขาไม่อยากทำ เพราะต้องเดินทางจากครอบครัวไปเป็นเดือน เขาอยากทำงานที่แม้ไม่มีรายได้ดีก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้มีครอบครัว ที่อบอุ่นพร้อมหน้ากันก็พอ



ภูมิหลังของ พอล ซัตตัน มาจาก สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ เขาจึงฝันอยากสร้างครอบครัวที่พร้อมหน้า มีความรัก ความอบอุ่น ให้กับสมาชิกใหม่ที่จะเกิดมา แต่เบตตีคิดว่า การมีฐานะที่ดีในสังคมต่างหากที่เธอต้องการ เธอลงทุนฝึกภาษาต่างประเทศเพื่อ อัพเกรดตัวเอง และคิดว่า พอลควรเดินตามสิ่งที่เธอคิด

บนเส้นทางการขายชอคโกแลต พอลมีปัญหากับตั๋วรถไฟของเขา ที่สลับกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งชนกันโดยบังเอิญ (ตรงนี้ เน่ามั่ก ต้องฝืนตบยุงอยู่พักนึง) แล้วในที่สุด ทั้งคู่ก็มาหยุดที่สถานีเดียวกัน ใกล้ นาภาวัลเลย์แถบแคลิฟอร์เนีย พอลสังเกตว่า หญิงสาวหน้าตาเป็นกังวลและมีความเครียดสูงมาก จึงพยายามช่วยเธอคลายทุกข์ เธอบอกเขาว่า กำลังกลับไปบ้านในช่วงปิดเทอม เขาไม่เข้าใจ การกลับบ้านเป็นความฝันที่ไม่เคยเป็นไปได้ของพอล แล้วทำไมคนที่กำลังจะกลับบ้านอย่างเธอจึงเศร้านัก

เธอบอกว่า เธอชื่อ วิคทอเรีย อรากอน เป็นลูกสาวเจ้าของไร่องุ่นแถวนั้นและปัญหาที่เธอกำลังเผชิญอยู่ คือการตั้งท้องลูกไม่มีพ่อกลับบ้านไปพบบิดาที่ทั้งเข้มงวดและเจ้าระเบียบ เธอว่า พ่อต้องฆ่าเธอแน่ หากรู้เรื่องนี้ พอลไม่เชื่อว่า จะมีพ่อคนไหนที่จะใจร้ายกับลูกของตนได้ เขาเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ โดยการรับสมอ้างเป็นสามีที่ทำพิธีกับเธอแล้วในสหรัฐ แต่เมื่อตามเธอมาพบครอบครัวอันเคร่งประเพณี เขาจะแกล้งทำเป็นรับไม่ได้ แล้วหนีไปในเช้าวันรุ่งขึ้น หากสามารถแสดงละครตบตา บทนี้สำเร็จ ความผิดทั้งมวลจะตกอยู่ที่เขาคนเดียว เธอจะไม่ลำบากอะไรเลย เพราะเขาก็จะจากไปตามทางของเขา ถือเป็นความช่วยเหลือที่เขาเต็มใจทำโดยไม่เดือดร้อนอะไรนัก
วิคตอเรียไม่อยากเชื่อว่า พระเจ้าส่งเขามาช่วยเธอโดยแท้




Download Bit

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

True Lies

แอ๊คชั่นสุดมันส์..คนเหล็กผ่านิวเคลียร์ True Lies

หนังเก่าหลายปีแล้ว..แต่ดูเมื่อไหร่ก็ต้องอมยิ้มทุกครั้ง..สนุกแบบฮาๆ ลุ้นระทึกทุกช๊อด

เป็นหนังแอ๊คชั่นที่ผมชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม บทบู้มันสะใจ วาบหวิวแบบตลก..(ชอบ ตอนนางเอกไปพบพระเอกที่โรงแรม แล้วเอาน้ำจากแจกันดอกไม้มาใส่ผม แล้วฉีกชุดให้เซ็กซี่..จากสาวเชยๆ ดูเซ็กซี่ไปในพริบตา)

....แฮร์รี่ ทัสเกอร์ (Arnold) ยอดสายลับแห่งองค์กร Omaga Sector ที่มีหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบแล้วก็คอยสืบเงื่อนงำแผนชั่วของผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศ งานชิ้นล่าสุดก็คือการตามสืบหาหัวรบนิวเคลียร์ 4 หัวที่หายไป ก็ค่อนข้างแน่ล่ะครับว่าคนที่เอาไปคงไม่กะจะเอาไปเก็บไว้ดูเล่นแหงมๆ แฮร์รี่เลยต้องร่วมมือกับคู่หูสายลับอย่างอัลเบิร์ต กิ๊บสัน (Tom Arnold) ในการตามหาร่องรอยของพวกวายร้าย









เซ็กซี่แบบฮาๆ..ชอบฉากนี้จัง





แต่เรื่องราวไม่ได้มีแค่นั้นนะครับ มันยังมีพล็อตรองอีก นั่นคือเรื่องครอบครัวของแฮร์รี่ ที่กำลังจะเข้าข่ายบ้านแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะดาน่า (Eliza Dushku) ลูกสาวตัวน้อยที่ริอ่านขโมยเงินพ่อ แล้วยังจะเฮเลน (Jamie Lee Curtis) ภรรยาสุดที่รักของเขาที่ชักจะเริ่มมีอะไรน่าสงสัย อย่างการไปนัดพบเจอหนุ่มแปลกหน้ายังเงี้ย เอ หรือเธอจะมีชู้กันแน่

งานนี้แฮร์รี่เลยต้องควบสองหน้าที่ครับ สายลับก็ต้องเป็นเพื่อบ้านเมือง แล้วก็ต้องหาทางปรับความเข้าใจกับเมียรักอีก เฮ่อ แล้วเรื่องมันจะลงเอยอีท่าไหนกันล่ะน้า

สิ่งที่คาดหวังได้เลยจากหนังของพี่ James Cameron นะครับ คือทุนสร้างมันต้องทะลุร้อยล้านแน่ๆ ฉากต่างๆ ก็เนรมิตแบบสร้างจริง ระเบิดก็เอากันจริงๆ ซึ่งใน TL นี่แค่ฉากเปิดก็พังกันไปเป็นแถบๆ แล้วล่ะครับ ซึ่งในเรื่องก็ยังอุดมฉากแอ๊คชั่นตามเคย ยิงกันตายเพียบ ระเบิดๆๆ ถล่มกันเต็มที่ไปเลย

ในส่วนของแอ๊คชั่นผมว่าไว้ใจได้ล่ะครับ มันออกมามันส์อยู่แล้ว แม้มุมกล้องจะไม่ได้หวือหวา มีการเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาซักเท่าไหร่ แต่ด้วยสถานการณ์น่ะครับต้องยอมรับว่าพี่ James แกทำออกมาได้ตื่นเต้นดี อย่างไอ้ฉากไล่ล่าช่วงกลางเรื่องเป็นต้น ที่แฮร์รี่ต้องสู้กับพวกคนลึกลับที่แอบติดตามเขา แล้วก็ล่ากันเรื่อยมาจนถึงซีเควนซ์ขี่ม้าล่า ซาลิม อาบู อาซิซ (Art Malik) หัวหน้าวายร้ายกลุ่มจีฮาร์ดสีเลือด ก็ออกมาน่าติดตามทีเดียวฮะ ล่ากันแบบเต็มที่กะให้เหนื่อยกันไปเลย ส่วนช่วงท้ายก็ยิงกันถล่มฐานทัพพวกมัน ตามด้วยการขี่เครื่องเจ็ทไปนยิงกราดอีก ผมว่าหนังทำเอาสะใจแบบสุดๆ ไปเลยล่ะครับ

อย่างนี้แหละครับพี่ James Cameron จะให้ไปตีกันใต้ถุนบ้านอย่างเดียวน่ะไม่ได้ครับ ต้องเอาให้มันเสียหายกันไปค่อนเมืองถึงจะสมศักดิ์ศรี
อิอิอิ อันนี้ไม่ได้กัดพี่เขาน่ะครับ เพราะผมว่าอะไรแบบนี้แหละที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของพี่ James เขา ทำอะไรต้องยิ่งใหญ่ แล้วพวกเราก็พลอยสะใจตามกันไปด้วย

และอย่างที่บอกครับหนังเรื่องนี้มีแค่แอ๊คชั่นให้ดูอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ มันยังมีความฮาแล้วก็เรื่องชีวิตของแฮร์รี่ใส่ลงไปด้วย ก็เรื่องเฮเลนเมียรักนี่แหละครับที่ดันไปแอบพบเจอกับหนุ่มท่าทางลุกลี้ลุกลนชื่อ ไซม่อน (Bill Paxton) ทำให้แฮร์รี่สงสัยว่าเมียเขาจะแอบนอกใจหรือเปล่า ก็เลยก่อเรื่องฮาๆ ช่วงกลางๆ ของหนังขึ้นมา

จริงๆ ผมก็คิดๆ นะว่ามันจะออกมาแปล้มๆ หรือเปล่า เพราะจะว่าไปหนังก็จับเอาเรื่องนี้มาเล่นแบบเต็มๆ เหมือนกัน แต่พอดูแล้วก็โล่งอกล่ะครับ เพราะพี่ James แกไม่ได้จับมาเล่นแบบเต็มที่ แต่แกปรับไงฮะ เอาแนวชีวิตมาผสมกับความเป็นหนังสายลับหนังแอ๊คชั่นตามไสตล์แกมันเลยกล้อมแกล้มไปกันได้ อย่างการที่แฮร์พยายามจะสืบว่าเมียเขายังรักเขาหรือไม่ แทนที่จะจัดฉากให้สองผัวเมียมาจับเข้าคุยกันแบบหนังชีวิตทั่วไป แกก็เล่นจัดสไตล์ให้เป็นหนังแนวสืบสวนแบบสายลับไปซะเลย ซึ่งออกมาก็ไม่ได้แปลกประหลาดทางอารมณ์แต่อย่างใดครับ แล้วยังได้รสฮาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยด้วย

ผมว่าเป็นแนวที่ดีนะ คือถ้าท่านอยากทำหนังอะไรซักอย่าง แต่เผอิญไม่เคยทำแนวนั้น เช่น ถนัดทำหนังแอ๊คชั่นมามากๆ แล้วอยากลองเพิ่มดราม่าลงมา แทนที่จะต้องมานั่งตั้งใจทำฉากดราม่าแบบ 100% ทั้งซีนไปเลย ก็อาจจะแค่ปรับครับ ปรับแนวเรื่องอย่างดราม่าให้มาผสมกับแอ๊คชั่นที่เราถนัดก็ได้ เหมือนเวลาเราซื้อปลาทองมาใหม่น่ะครับ เราซื้อใส่ถุงมาแล้วจะเอาไปปล่อยลงบ่อบ้านเรา หากเทพรวดลงไปเลยปลามันก็อาจจะปรับตัวไม่ทันได้ เราก็เลยต้องค่อยๆ หย่อนถุงลงไป ให้น้ำในถุงได้ผสมกับน้ำในบ่อนิดหน่อย แล้วค่อยให้ปลามันแหวกว่ายลงบ่อไป อะไรแบบนั้นแหละครับ

แล้วผลที่ได้แม้ส่วนของดราม่าจะไม่ได้ดีเต็มร้อย แต่ก็จัดว่าผ่านได้สบายๆ ครับ แล้วดีที่ดาราก็มืออาชีพกันมาด้วย โดยเฉพาะเจ๊ Jamie Lee Curtis ตอนที่เธอเอ่ยว่ายังรักสามีอยู่ แววตามันบอกครับว่าเธอไม่เคยลืมสามีเลย แต่สามีต่างหากล่ะที่ห่างเหินจากเธอ

จริงๆ ก็เป็นปมที่น่าคิดนะ (น่านพูดแบบนี้ทีไรล่ะ เป็นเตรียมหาเรื่องเม้าท์ออกจากหนังทุกที)

แฮร์รี่เองเป็นสายลับไงครับ อยู่องค์กรนี้มา 17 ปี ทำงานตะล่อนไปทั่วโลกเพื่อสู้กับผู้ร้าย จนไม่มีเวลาอยู่กับบ้าน แต่ทางบ้านไม่มีใครทราบครับ ทั้งเมียและลูกเข้าใจว่าแฮร์รี่ทำงานเกี่ยวกับด้านคอมพิวเตอร์ ออกแบบโปรแกรมอะไรแบบนั้น (แม้จะไม่น่าเชื่อก็เถอะครับว่าคุณเมียจะไม่ระแคะระคายเลยได้ยังไง แต่ก็พอทำใจรับได้)

มันก็ตลกดีครับ แฮร์รี่ตระเวนไล่ซัดกับผู้ร้าย ปกป้องประเทศไม่ให้โดนทำลาย แต่ครอบครัวตัวเองดันผุจนเกือบพังแล้ว ส่วนมากจุดนี้หนังหลายเรื่องก็เอาไปกัดนะ พวกที่ทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองแบบเต็มที่มักจะต้องแลกมาด้วยความสุขส่วนตัวเสมอ สังเกตสิครับตำรวจมือดีมักต้องหย่าทุกทีหรือไม่เมียก็ตาย

อย่าว่าแต่งานสายลับเลยครับ หากพูดเปรียบกับงานสายลับมันอาจดูไกลตัวไป เอาใกล้ๆ ดีกว่า อย่าง The Devils Wears Prada ไงครับล่ะครับ ประโยคเด็ดในเรื่องเลยก็คือ "ถ้าชีวิตส่วนตัวเธอพังทลายเมื่อไหร่ล่ะบอกฉันด้วย เพราะนั่นแปลว่าเธอกำลังจะได้เลื่อนขั้นแล้ว" ไม่ว่าจะทำงานใดก็เถอะ หากทุ่มให้งานนั้นมากเกินไป จนปล่อยปละด้านอื่นๆ หมด ด้านอื่นๆ ที่ว่านั่นมันก็ต้องเสื่อมโทรมเป็นธรรมดา เหมือนบอนไซเล็กๆ ที่เราเลี้ยงในห้องน่ะครับ ถ้าไม่คิดจะรดน้ำให้เลย มันจะอยู่รอดไปได้นานซักเท่าไหร่

บอนไซขาดน้ำแล้วตายฉันใด ชีวิตคู่ที่ขาดการใส่ใจก็เหี่ยวแห้งได้ฉันนั้น

ไม่ปฏิเสธครับว่าหนังเป็นบู๊เอามันส์ และในส่วนของดราม่ามันอาจจะไม่ได้คมเข้ม อาจจะไม่ได้จับประเด็นมาพูดอย่างลึกซึ้ง แต่อย่างน้อยผมว่ามันก็จับมาตรงจุดล่ะครับ ไม่ว่าจะเรื่องการทำงานจนลืมด้านอื่นๆ ไปหมด ด้านที่เหลือมันก็ย่อมเสื่อม หรือหากมองอีกด้านหนึ่ง หากเราทุ่มเฉพาะแต่เรื่องครอบครัวจนไม่คิดจะขยันทำงาน เรื่องงานของเราก็มีแววล่มจมเหมือนกัน

ดังนั้นเมื่อเรามีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องทำอย่างพอดีล่ะครับ ต้องมีแบ่งเวลา ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีเต็มที่ อยู่ในที่ทำงานก็ทำงานให้เต็มที่ อยู่ในบ้านก็เป็นลมหายใจของคนที่เรารักให้มันเต็มที่ นั่นแหละส่วนต่างๆองชีวิตถึงจะสมดุลย์ การที่แฮร์รี่ต้องมานั่งปวดหัวกลัวเมียนอกใจก็เนื่องมาจากเขาไม่ค่อยใส่ใจเธออย่างที่ควรนั่นแหละ

ก็ฝากถึงท่านสุภาพบุรุษทั้งหลายล่ะนะครับ ถามตัวเองให้ดี ว่าเราน่ะใส่ใจงานมากจนลืมคนที่รักเราไปบ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ก็รีบเตือนตัวเองครับ ยังไม่สายนะ

นี่ก็ประเด็นหนึ่ง ส่วนอีกอันที่ผมมองจากหนังก็ดูเหมือนว่าหนังจะทำกัดอเมริกาได้เหมือนกันน่ะแหละ เหมือนเปรียบครอบครัวทัสเกอร์เป็นสหรัฐอเมริกา ประมาณว่าทำตัวเป็นตำรวจโลกตระเวนปราบผู้ร้ายไปทั่ว แต่เอาเข้าจริงบ้านตัวเองน่ะยังจัดการให้เป็นสุขไม่ได้เล้ย นี่ก็มองได้อยู่นะ

ครับ ข้างบนนั้นจงใจน่ะฮะ ออกนอกเรื่องหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในคอนเซปต์ครับ ดูหนังแล้วมันชวนคิดนี่หน่า อีกอย่างสังเกตดีๆ หนังพี่ James Cameron ระยะหลังๆ ก็มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวใส่ลงไปประจำ ไม่ว่าจะ Aliens, The Abyss หรือล่าสุดอย่าง Titanic ก็มีเหมือนกัน

แต่ครับ แต่กระนั้นหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยอดสุดหรอกนะครับ ถ้าเทียบชั้นกับคนเหล็กภาค 2 ก็คงต้องยกให้เรื่องนั้นในความมันส์ แต่ TL นี่ก็สนุกล่ะครับ ดูเพลิน แอ๊คชั่นดี ความฮาความสนุกต่างๆ ค่อนข้างครับ พวกดาราก็หายห่วงครับ พี่ Arnold ก็หมูๆ กับบทสายลับที่ฝีไม้ลายมือถือว่ามีพัฒนามากขึ้น พี่แกไม่ใช่ร่างทรงคนเหล็กแบบยุคแรกๆ อีกแล้วฮะ มีการแสดงอารมณ์ ออกท่าทางและเล่นมุขขำ ใช้ได้ทีเดียว

Jamie Lee Curtis แม้จะต้องมาทำใจดูเจ๊แกโง่ๆ หน่อยก็เถอะ แต่ อย่างน้อยฉากตอนเธอพูดว่ารักสามีก็ตีคะแนนได้เยอะเหมือนกัน

ส่วนตัวฮาของเรื่องก็มีสองตัวครับ คนแรก Tom Arnold ในบทอัลเบิร์ต คู่ซี้ของแฮร์รี่ที่เล่นมุขตลอด ฮาดีครับ แต่คนที่วาดลวดลายเยอะกว่าก็คือ Bill Paxton ในบทไซม่อน จอมกะล่อน นักตุ๋นสุดกวน ไอ้ฉากตอนพี่แกอวดดีก็น่าถีบล่ะครับ ตอนหมดท่านี่ก็ฮากันไปเยอะเหมือนกัน

แล้วหนังยังได้ดารารุ่นเก๋าอย่าง Charlton Heston มาเป็น สเปนเซอร์ ทริลบี้ หัวหน้างานองค์กร Omaga ที่ไม่ต้องทำอะไรมากครับ นั่งนิ่งๆ แล้วก็สั่งงานไปเท่านั้นเอง และที่ลืมไม่ได้คือสาวสวย Tia Carrere ในบทจูโน่ สกินเนอร์ สาวร้ายที่ร่วมมือกับพวกผู้ก่อการร้ายในการวางระเบิด ก็สบายอีกเช่นกันครับ แค่แววตาก็เหลือกินแล้ว ดูชั่วร้ายดี แล้วยังเซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย ในขณะที่ Art Malik เจ้าของบทอาซิซ หัวหน้าผู้ร้ายก็ผูกขาดบททำนองนี้อยู่แล้วครับ แค่บ้าคลั่งไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง และปิดท้ายด้วย Eliza Dushku ที่หนุ่มๆ น่าจะจำได้บทเฟธในหนังชุด Buffy ก็มาเล่นปเนลูกสาวของแฮร์รี่

นำแสดงโดย
อาร์โนลด์ ชวาสเซเนเกอร์ ...แฮร์รี่ ทั้กสเกอร์
เจมี่ เคอร์ทิส ...เฮเลน
บิล แพ็กซ์ตัน ...ไซมอน

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ของอร่อย

ข้าวมันไก่ทอด



ของโปรดที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ..แต่ต้องน้ำจิ้มรสแซ่บ..ถึงจะสะใจ

เครื่องปรุง
ไก่ทอด
ไก่สด,เกลือป่น,แป้งทอดกรอบแบบเผ็ด,ขนมปังป่น,น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
นำไก่สดไปเคล้าเกลือป่นเล็กน้อย นำไปต้มให้สุก น้ำไปชุบในแป้งทอดกรอบที่ละลายน้ำให้ทั่วยกขึ้นไปคลุกขนมปังป่นให้ทั่ว น้ำลงไปทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบตักขึ้น

การหุงข้าวมัน
ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปพอร้อนใส่กระเทียมสับละเอียดกับขิงฝานเป็นแว่นลงไป 6-7 ชิ้น นำข้าวสารหอมมะลิลงไปผัดให้สีข้าวสารจากเม็ดใส เป็นเม็ดขาวขุ่น จนทั่ว นำไปใส่หม้อหุงกับน้ำต้มไก่ให้น้ำท่วมสูงกว่าข้าว 2 ซม.

น้ำจิ้มไก่แบบแซ่บ
ตำพริกขี้หนูสีแดงกับกระเทียมและน้ำตาลทรายให้ละเอียดจนน้ำตาลละลายเหนียว ใส่น้ำปลา กับน้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เท่ากัน

น้ำจิ้มไก่แบบหวาน
น้ำตาลทราย เกลือ น้ำส้ม น้ำกระเทียมดอง ผสมรวมกัน ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนข้นเข้ากันดีใส่ พริกชี้ฟ้าแดงกับกระเทียม+กระเทียมดองที่ตำละเอียดลงไป

--------------------------------------

ไก่ทอด เคเอฟซี KFC



กรอบอร่อย รสเผ็ดนิดๆ ...

.....................................................

ข้าวยำไก่แซ่บ..KFC



.....................................................

Hero in my heart

นักร้องในดวงใจ

Elvis presley


อยู่ในดวงใจตลอดกาล

>

.....................

นักการเมืองในดวงใจ

พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร







----------------------------------------------
นักร้องลูกทุ่ง...สายัณห์ สัญญา





----------------------------------------------
King of pop...ไมเคิ้ล แจ๊กสัน






----------------------------------------------
นักร้องเกาหลี.........ss501


ณ.ปัจจุบันนี้ ฟังได้ฟังดีเพลงของวงนี้ เปิดทุกวันก่อนนอนเลยล่ะ


จำเลยรัก ตอนที่ 21-24END

จำเลยรัก ตอนที่ 21

เช้าวันใหม่ ธวัชชัยโทรเข้ามา โศรยารับสายและบอกให้เขามาเยี่ยมเอาใจศันสนีย์บ่อยๆ ธวัชชัยรับคำ ขณะเดียวกันหฤษฎ์ก็โทรมานัดศันสนีย์จะพาเธอออกไปเที่ยว แล้วพอวางสายหฤษฎ์ก็โทรหาโศรยาทันที

“คิดถึงจัง”

“นี่ นายรู้เบอร์ฉันได้ยังไง”

“ไม่เห็นยาก ผมสืบผิดก็ครั้งนั้นครั้งเดียวแหละ ทำอะไรอยู่ครับ”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ไม่มีอะไรใช่มั๊ย แค่นี้นะ”

“เดี๋ยว ผมจะโทรมาบอกว่าผมจะเอาค่าสร้อยข้อมือเข้าไปให้คุณวันนี้”

“ฉันไม่ได้จะขาย ไม่ต้องมาจ่าย”

“แล้วทำไมเอาไปให้คนอื่น”

โศรยาอึกอัก “ฉันมีเหตุผลของฉัน”

“แล้วผมจะเข้าไปฟังจากปากของคุณเอง”

“ยะ อย่านะ นายเข้ามาแล้วคุณพี่จะเข้าใจว่ายังไง”

“ไม่ว่ายังไงก็ดีใจน่ะสิ ผมต้องเข้าไปรับพี่คุณไปทานข้าวอยู่แล้ว”

“นี่ นายสัญญากับฉันแล้วนะ ว่าจะไม่ทำอะไรคุณพี่”

“คุณถอดสร้อย คุณผิดสัญญา” หฤษฎ์พูดจบก็วางหูใส่ โศรยาละล้าละลัง ไม่รู้จะทำยังไง

ศันสนีย์รื้อเสื้อผ้าออกมาทาบตัวนับสิบชุด ก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะแต่งชุดไหนดี โศรยาเอาน้ำส้มมาให้เลยถูกเรียกให้ช่วยเลือก และรู้ว่าศันสนีย์จะแต่งตัวออกไปกับหฤษฎ์ก็พยายามพูดว่าหฤษฎ์ที่รู้ว่าศันสนีย์คบกับธวัชชัยอยู่ ยังเข้ามาวุ่นวาย แต่ศันสนีย์กลับเห็นว่าใครดีใครได้ โศรยาอยากบอกความจริงแต่ก็คิดลังเลในใจ

ธวัชชัยโทรมาหาศันสนีย์ เธอรับสายแล้วโบกมือไล่โศรยาออกไป ก่อนจะปฏิเสธนัดกับธวัชชัย

หฤษฎ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ลุงแจ่มเคลียร์จานอาหารเช้าออกไปแล้วเอากาแฟมาเสิร์ฟ

“กาแฟครับคุณ”

“ขอบคุณครับ ลุงแจ่ม อยู่ทางโน้น คิดถึงรสกาแฟลุงที่สุดเลย”

“คุณมาอยู่นี่บ้าง ลุงก็ดีใจ คราวนี้มาอยู่นานนะครับ”

“ครับ มีเรื่องต้องจัดการ”

“จะจัดการหาคุณผู้หญิงของบ้านด้วยใช่มั๊ยครับ” หฤษฎ์มองลุงแจ่มแบบรู้ได้ไง “อาการเดียวกับคุณพ่อคุณตอนตามจีบคุณแม่คุณเลยครับ คุณเป็นฝั่งเป็นฝาได้ลุงก็ดีใจ คุณเหลืออยู่ตัวคนเดียวคงจะเหงา มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนช่วยคิดก็น่าจะดี”

ลุงแจ่มพูดยิ้มๆ หฤษฎ์ยิ้มรับ คิดถึงโศรยา โทรศัพท์ดังขึ้นเขารับ

“กวิน ว่าไง ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี คุณศันออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ผมคงยังทิ้งไม่ได้ ทางโน้นเป็นยังไง ผมฝากดูๆ นายวิเศษด้วย ช่วงนี้เงียบไป ไม่รู้มันคิดจะทำอะไร จองที่ดินชาวบ้านไว้หลายแปลง ผมกลัวมันจะเอาไปขายให้นายทุนเลวๆ เข้ามาทำทะเลเสียหาย ผมฝากงานด้วยแล้วกัน แค่นี้นะ” หฤษฏ์วางหูแล้วหน้าเครียดพอคิดเรื่องวิเศษ

เย็นวันนั้นศันสนีย์แต่งชุดสวยออกมา โศรยาเห็นก็ยิ่งเป็นห่วง หฤษฎ์ขับรถมารับ ศันสนีย์สั่งให้โศรยาออกไปเชิญหฤษฎ์มารอที่ห้องรับแขก โศรยาถือโอกาสพูดกับหฤษฎ์

“อย่าทำอะไรคุณพี่นะ”

“อะไรกันคุณ ผมมารับพี่คุณไปทานข้าวเฉยๆ”

“ไม่ต้องมากวนประสาทฉันเลยนะ ถ้านายทำอะไรคุณพี่ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”

“งั้นดีเลย ผมไม่อยากให้คุณปล่อยผมเลยตลอดชีวิต” โศรยาทำหน้าเหมือนจะกรี๊ด

“อย่าทำหน้างั้นสิคุณ ผมเอาเช็คงามๆ มาให้คุณนะ ค่าสร้อย”

“ฉันไม่เอา”

“ทำไม ถูกไปหรือไง”

“นายจะคิดยังไงก็เรื่องของนาย ฉันไม่ขาย”

“ยังงั้นก็แปลว่า สร้อยนี้มันมีความหมายกับคุณมาก”

“ไม่”

ศันสนีย์สวนมาจากด้านบน “มากค่ะ สร้อยเส้นนี้แฟนเขาให้มา”

หฤษฎ์กับโศรยาหันไป ศันสนีย์เดินเข้ามายืนคู่กับหฤษฎ์ โศรยาหน้าแดง เถียงไม่ออก หฤษฎ์อมยิ้ม

“จริงเหรอครับ”

“จริงสิคะ ก็ยายโศบอกศันเอง สร้อยเส้นนี้มีความหลัง”

“คุณนุกูลให้มาเหรอครับ” โศรยาหันขวับอยากด่า

“ไม่ใช่หรอกค่ะ นุกูลเขาเป็นกิ๊ก แต่คนนี้ยายโศเขาเลิฟ”

“คุณพี่”

“อะไร ทำไม พี่พูดความจริง ก็เธอบอกพี่เอง แค่นี้ไม่เห็นต้องอายเลย คุณหฤษฏ์ก็ คนกันเองทั้งนั้น”

หฤษฎ์ยิ้มใหญ่เลย โศรยารีบขอตัว “โศขอตัวนะคะ สร้อยเส้นนั้น ใครอยากได้ก็เอาไป”

โศรยาเดินออก หฤษฎ์มองตาม ศันสนีย์ชวนไปแต่หฤษฎ์ออกอุบายว่าร้านอาหารค่อนข้างเย็นให้เธอหาเสื้อไปเผื่อ จากนั้นหฤษฎ์ก็เดินตามไปตอแยโศรยาต่อในครัว โศรยาผลักหฤษฎ์ออก เขาเลยรวบไว้เลยทั้งตัว

“ผมดีใจจัง”

“ดีใจบ้าอะไรของนาย”

“ก็ ดีใจที่คุณหวงสร้อยเส้นนั้น”

“หวงแหงอะไร นายอยากได้ก็เอาไปเลย ฉัน”

“ฉัน อะไร ทำไมต้องปากแข็งด้วยน๊า รักผมก็บอกว่ารักผมสิ ทำไมต้องมาปากแข็งแล้วแอบไปบอกคนอื่นด้วย”

โศรยาหน้าแดง เถียงไม่ออก เอาแรงมาดิ้นๆ แทน “ปล่อยฉันน๊า”

“นี่ถ้าพี่คุณไม่บอก ผมก็คงไม่รู้” หฤษฎ์ยื่นหน้ามาใกล้อีก “ว่าที่แท้คุณก็รักผมเหมือนกัน”

“อี๊อออออ ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ไอ้คนโรคจิต”

โศรยาดิ้นๆ หฤษฎ์จับตัวหมุนกอดโศรยาจากด้านหลัง ดึงสายสร้อยออกมาใส่ให้

“ผมแค่จะเอาสร้อยมาคืน สร้อยเส้นนี้ผมตั้งใจให้คุณ อย่าถอดออกอีก ผมขอร้อง นะครับ คนดี”

โศรยาแอบเคลิ้มเล็กๆ ได้สติก็ผลักออก “ฉันใส่สร้อยเส้นนี้ ก็เพื่อจะเตือนสติคุณว่า คุณสัญญากับฉันแล้วว่าคุณจะไม่แตะต้องคุณพี่อีก ความแค้นทุกอย่างฉันรับไว้ทั้งหมด”

หฤษฎ์จ้องตากับโศรยา โศรยาชักหวิวๆ ศันสนีย์โผล่มาเจอช็อตเด็ด

“คุณหฤษฎ์มาทำอะไรตรงนี้คะ ศันมองหาซะทั่ว ยายโศ เป็นอะไร หน้าแดงเชียว”

“อ๋อ ผมเอาสร้อยข้อมือมาคืนคุณโศน่ะครับ พอคุณศันพูดยังงั้น ผมเลยไม่อยากได้แล้ว อยากให้คุณโศเก็บไว้มากกว่า”

“มิน่า หน้าแดงเชียว โดนคุณหฤษฎ์ล้อเอาล่ะสิ ขอโทษแทนยายโศด้วยนะคะ สร้อยข้อมือกิ๊กก๊อกแท้ๆ ไม่น่าเป็นเรื่องขนาดนี้เลย”

“ไม่เป็นไรครับ ของบางอย่าง คุณค่ามันอยู่ที่จิตใจมากกว่า ใช่ไหมครับ คุณโศ”

โศรยาอยากด่า คันปากยิกๆ ศันสนีย์ตัดบทว่า “งั้นเราไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวรถติด ไม่ต้องรอนะโศ พี่คงกลับดึก ให้เตยรอเปิดประตูก็แล้วกัน”

สองคนออกไป โศรยามองตาม หฤษฎ์แอบหันมามอง โศรยาสะดุ้ง หฤษฎ์ยิ้มเดินออกไป โศรยาแอบมองสร้อยข้อมือตัวเอง ลึกๆ ก็ดีใจที่ได้คืน



วันรุ่งขึ้นธวัชชัยมาหาศันสนีย์ เธอออกมาต้อนรับเขาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ธวัชชัยอ้างว่าที่หายไปเพราะยุ่งเรื่องงาน และขอแก้ตัวพาเธอไปกินข้าวไปเที่ยวด้วยกัน และจะตามใจเธอทุกอย่าง ศันสนีย์กลับปฏิเสธทุกอย่าง จนธวัชชัยย้อนถามว่าเธอนัดกับหฤษฎ์หรือ ศันสนีย์สะดุ้ง กลบเกลื่อน

“ทำไมถามยังงั้นละคะ ทำไมต้องคุณหฤษฎ์ด้วย”

“ก็หลังๆ ผมเห็นเขามาวุ่นวายกับคุณบ่อยๆ”

“เขาก็มาดูแลเพราะศันไปเจ็บตัวอยู่ที่ที่ของเขาเท่านั้นแหละค่ะ”

“แต่คุณศันหายดีแล้ว เขาก็น่าจะเลิกยุ่งกับคุณได้แล้ว นี่ผมยังเห็นมันมารับคุณไปไหนมาไหนอยู่ตลอด ทำไมคุณศันไม่บอกเขาล่ะครับ”

“บอกเขาว่าอะไรคะ ว่าให้เขาเลิกมายุ่งกับศันเหรอคะ” ธวัชชัยนิ่ง “ทำไมศันต้องทำยังงั้นด้วย คนคุยถูกคอกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน เป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอคะ แล้วตอนคุณธวัชชัยไม่ว่าง เขาก็มาอยู่เป็นเพื่อนไม่งั้นศันคงเหงาตาย”

“แต่ผมไม่ชอบ”

“แต่ศันชอบ ที่ศันไม่ชอบก็คือคุณมาบงการให้ศันคบคนนั้น ไม่ให้คบคนนี้ พ่อแม่ศันยังสั่งศันไม่ได้ ทำไมศันต้องเชื่อคุณด้วย”

“คุณศัน”

“แล้วทีคุณล่ะคะ ปล่อยให้ยายชนิดาบ้าบออะไรนั้นแจ๋นมาตบศันจนเจ็บตัวตอนนั้น ศันเคยพูดอะไรมั๊ย”

“ผมกับชนิดาจบกันแล้ว ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ผมเคยพลาด แต่วันนี้ผมหยุด ผมเลิกทุกอย่างเพื่อคุณนะครับ คุณศัน”

“คำพูดอย่างเดียวเชื่อไม่ได้หรอกค่ะ ของอย่างนี้ต้องดูกันนานๆ ศันว่าเราคงต้องลองดูกันใหม่ว่าจริงๆ แล้ว เราอยู่ด้วยกันได้จริงหรือเปล่า”

“คุณศันหมายความว่าอะไรกันแน่ครับ”

“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ ศันไม่ชอบให้ใครมาบังคับ วันนี้เรายังไม่ได้แต่งงานกัน คุณยังจะมาบังคับศันอย่างนี้ ถ้าแต่งกันไปจะขนาดไหน”

“ผมไม่เคยบังคับอะไรคุณศันเลย ผมแค่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงที่ผมรักไปไหนมาไหนกับผู้ชายอื่น ผมผิดด้วยเหรอครับ”

ศันสนีย์เถียงไม่ออก ก็เปลี่ยนเรื่อง “ศันว่าเราอย่าเพิ่งพูดอะไรกันตอนนี้เลยค่ะ ทะเลาะกันเปล่าๆ คุณกลับไปก่อนดีกว่า วันนี้ศันไม่ว่างจริงๆ ต้องไปธุระกับคุณแม่”

ธวัชชัยอึ้งไปแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มองหน้าศันสนีย์ ศันสนีย์ก็เชิดใส่ ธวัชชัยน้อยใจ

“งั้นวันนี้ผมกลับก่อน ถ้าคุณศันว่างเมื่อไหร่ รบกวนโทรบอกผมด้วยก็แล้วกัน”

ธวัชชัยจะเดินออก ศันสนีย์พูดลอยๆ “ไม่แน่นะคะ บางทีคุณอาจจะเหมาะกับผู้หญิงอย่างชนิดามากกว่าผู้หญิงอย่างศันก็ได้”

ธวัชชัยหันมามองหน้า ศันสนีย์เชิดใส่เดินเข้าบ้านไป ธวัชชัยเจ็บปวด

ศันสนีย์กลับมานั่งบนเตียง แล้วก็บ่นว่าธวัชชัยหึงเธอ โศรยาจัดตู้เสื้อผ้าให้ศันสนีย์อยู่ก็ชะงัก

“แล้วคุณพี่ไปทำอะไรให้เธอหึงละคะ”

“พี่จะไปทำอะไร พี่อยู่ของพี่เฉยๆ มายุ่งกับพี่กันเอง”

โศรยาไม่พูดต่อ ไม่อยากถาม รู้อยู่ว่าใคร ศันสนีย์หันมาเล่าเอง “ไม่อยากรู้เหรอว่าธวัชชัยเขาหึงใคร”

โศรยาถามหวาดๆ “ใครคะ”

“ก็ คุณหฤษฎ์นะสิ ตล๊ก ตลก หน้ายังงี้ยู่ไปหมดเลย ดี สมน้ำหน้า เห็นพี่เป็นของตาย ไม่รู้จักพี่สะแล้ว”

“แต่คุณพี่ไม่ได้โกรธเธอจริงๆ ใช่ไหมคะ”

ศันสนีย์นิ่งไปนิดหนึ่ง “ไม่รู้สิ พี่พูดจริงๆ นะ ยายโศ หลังๆ พี่ไม่ค่อยได้นึกถึงธวัชชัยสักเท่าไหร่ อยู่ดีๆ ก็เบื่อขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้อยากคุย ไม่ได้อยากเจอเหมือนเมื่อก่อน อยากเจอคนอื่นมากกว่า”

โศรยาหน้าเสีย พยายามเปลี่ยนเรื่อง “คุณพี่หิวรึยังคะ เดี๋ยวโศไปจัดของว่างมาให้”

“หึ ไม่หิวหรอก อยากนั่งเม้าท์กับเธอมากกว่า นวดเท้าให้พี่หน่อยสิ”

โศรยาไม่กล้าขัดใจผู้มีพระคุณ เอาเท้ามานวด ศันสนีย์นอนสบาย

“จริงๆ นะ หลังๆ พี่อยากเจอแต่คุณหฤษฎ์ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ อยู่ด้วยเท่าไหร่ ก็ไม่เบื่อ คุยสนุก น่ารัก มองพี่แต่ละที โอ๊ย พี่จะทำตัวไม่ถูก แปลกนะ พี่ไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้มาก่อนเลย”

“แต่โศว่าเขาดูไว้ใจไม่ค่อยได้ โศว่าคุณธวัชชัยดูดีกว่าตั้งเยอะ”

“ดีกว่ายังไงยะ ชืดเป็นแกงจืดเลย”

“ก็ดูชัดเจนว่าเขารักคุณพี่จริงๆ ไม่ใช่”

“ไม่ใช่อะไร”

“ไม่ใช่เข้ามาเพราะมีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝง”

“ต๊าย ตาย แม่แก่ พี่จะบอกให้นะ เจตนาเดียวของเขาก็คือจะแย่งพี่มาจากธวัชชัยนั่นแหละ หลังๆ นะ พูดจากับพี่แต่ละที ไม่ไหวจะหวานใส่ตลอด”

โศรยาลืมตัว บีบเท้าแรงด้วยความโกรธ ศันสนีย์กรี๊ด “โอ๊ย เจ็บนะ เป็นอะไร ยายโศ”

“ขอโทษค่ะ คุณพี่ คือ คือ โศ”

“เอาเหอะ นี่ หมู่นี้ ใจลอยบ่อยนะ คิดถึงใครยะ”

“เปล่านี่คะ อย่างโศ จะมีใครให้คิดถึงล่ะคะ คุณพี่”

“จะไปรู้เหรอ นุกูลไง”

โศรยายิ้มๆ ขี้เกียจต่อปากต่อคำ เปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ คุณพี่ไม่ออกไปไหนเหรอคะ”

“ไม่ไป เผื่อคุณหฤษฎ์แอบมาเซอร์ไพรซ์ พี่จะได้ไม่พลาด คุณหฤษฎ์เนี่ยเขาไม่เหมือนคนอื่นนะ ยายโศ พี่เดาเขาไม่ถูกเลย แต่ก็อย่างว่า เดี๋ยวก็เหมือนเดิม อยู่ใกล้พี่มากๆ ก็หมดฤทธิ์”

โศรยาน้อยใจ “ค่ะ ใครได้อยู่ใกล้คุณพี่ก็ใจอ่อนทุกรายแหละค่ะ”

ศันสนีย์หัวเราะชอบใจมีคนชม “ไปแล้ว ไปอาบน้ำ แต่งตัวดีกว่า ของว่างขอเป็นผลไม้นะ โศช่วงนี้ รักษาหุ่นพูดจบก็กระโดดออกไปตามประสาคนอินเลิฟ”

โศรยาหน้าเศร้า คิดว่าหฤษฎ์คงหลงเสน่ห์ศันสนีย์จริงๆ

เช้าวันต่อมา ศุภฤกษ์กับสายสมรนั่งทานข้าวอยู่ด้วยกัน โศรยากับเตยยืนดูแลอยู่ห่างๆ ศุภฤกษ์พูดขึ้นมาทั้งที่สายตายังอยู่กับหนังสือพิมพ์



“นี่คุณพี่เราเขายังไม่ลงมาอีกเหรอ” ศุภฤกษ์ถาม

“ยังเลยค่ะ”

“กลับดึกเหรอ เมื่อคืน”

“เปล่านี่คะ ไม่เห็นได้ออกไปไหน คุณลุงจะให้โศขึ้นไปตามไหมคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก ลุงก็แค่ถามๆ ดูเท่านั้นเอง”

ศันสนีย์เดินหน้าหงิกลงมาจากข้างบน กระแทกตัวลงนั่งไม่พูดไม่จา ทุกคนงง

“นี่ นังเตย จะมองอีกนานไหม ข้าวเช้าฉันไม่มีหรือยังไง”

เตยรีบวิ่งเข้าครัวไป โศรยารินน้ำส้มมาวางให้พี่สาว

“หงุดหงิดอะไรแต่เช้าล่ะคะ ใครตื่นมาขัดใจลูกศันของแม่ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่จ๊ะ” สายสมรถามลูกสาว

“ขัดใจค้างมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ”

“ทำไม คุณธวัชชัยเขาทำอะไรผิดอีกล่ะ”

“โอ๊ย อย่าพูดชื่อนี้แต่เช้าได้มั๊ยคะ คุณพ่อ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย ยายศัน มีอะไรถึงกับทนฟังชื่อเขาไม่ได้”

“ไม่ใช่คุณธวัชชัยหรอกค่ะ”

เตยเสิร์ฟอาหารเช้าให้ศันสนีย์ ศุภฤกษ์หันไปมองสายสมร สายสมรหลบวูบ

“ไม่ใช่ธวัชชัย แล้วใคร”

“ก็ คุณหฤษฎ์น่ะสิคะ” โศรยากระตุก ตั้งใจฟัง “หายไปทั้งวันเลย ปล่อยให้ศันแต่งตัวคอยเก้อ”

“ตายจริง ยังงี้ก็ใช้ไม่ได้สิลูก ไหนว่าดีนักดีหนา ทำไมนัดแล้วเบี้ยวอย่างนี้ล่ะ”

“ก็ จริงๆ ก็ ไม่ได้นัดหรอกค่ะ”

สายสมรหน้าเหวอไป “อ้าว”

“ก็ปกติ เขาต้องมานี่คะ อย่างน้อยก็ต้องโทรมา นี่ศันโทรไปก็ไม่รับ”

โศรยาแอบฟังอย่างตั้งใจ “คอยดูนะ วันนี้ศันจะให้ง้อให้เข็ด”

“แน่ใจนะว่าเขาจะง้อ”

ศันสนีย์ร้องเสียงหลง “คุณพ่อ”

สายสมรหลงกว่า “เอ๊ะ คุณนี่ ทำไมพูดยังงี้ล่ะคะ”

“ก็พูดไปตามเนื้อผ้า คนเราถ้าเขามีใจ ยุ่งยังไงเขาก็ต้องโทรมาบอกนี่เล่นหายไปเฉยๆ”

“เขาอาจจะยุ่งมากๆ ก็ได้นี่คะ ทำไมคุณพ่อต้องพูดกับลูกยังงี้ด้วย”

“พ่อต้องพูดสิ นายหฤษฎ์อะไรเนี่ย เขาจริงใจกับลูกแค่ไหน ลูกแน่ใจได้ยังไง อย่างตอนธวัชชัย เขาก็เข้ามาสวัสดี แนะนำตัวกับพ่อแม่ แต่นายหฤษฎ์อะไรนี่ไม่เคยเลย มาก็มารับลูกออกไป เจอกับพ่อแม่แค่ผ่านๆ คนที่เขาจะจริงใจกับลูก เขาจะทำอย่างนี้เหรอ”

ศันสนีย์เถียงแต่ก็เกรงพ่ออยู่มาก “ก็คุณพ่ออคติยังงี้ ลูกจะกล้าพาเขาเข้ามาพบได้ยังไงล่ะคะ”

“พ่อไม่ได้อคติ แต่ใครจะเข้ามาในชีวิตลูก พ่อกับแม่ก็ต้องช่วยกันดู ยังไงพ่อก็อยากให้เราลงเอยกับคนที่ดีที่สุด ยายโศก็เหมือนกันนะลูก”

โศรยาซาบซึ้งใจ สายสมรแอบหมั่นไส้ “แหม ไว้แน่นอนเมื่อไหร่ ยายศันเขาก็พามาแนะนำเองนั่นแหละค่ะลูกศันน่ะฉลาดจะตาย ไม่โง่ให้ใครหลอกง่ายๆ หรอก แม่โศน่ะ อยู่แต่ในบ้าน อาจจะต้องช่วยกันดูหนักหน่อย ประเดี๋ยวจะหายไปกับใครสะ”

ศุภฤกษ์อ่อนใจ ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน ศันสนีย์กระโดดคิดว่าหฤษฎ์แน่ เธอรีบขึ้นไปแต่งตัว พอลงมาเจอธวัชชัยก็อารมณ์เสีย แต่ก็ยอมออกไปกับธวัชชัย

ธวัชชัยพาศันสนีย์ไปที่สะพานแห่งหนึ่ง เขาจอดรถและขอโทษเรื่องวันก่อนที่ขัดใจเธอ ศันสนีย์บอกว่าเธอไม่ได้โกรธ แต่เธอทำไปเพราะความเป็นตัวของตัวเอง ธวัชชัยขอให้เธอไปเปิดกระโปรงท้ายรถดู เขามีของขวัญให้ พอศันสนีย์เปิดแล้วพบดอกกุหลาบสีขาวเต็มไปหมด เธอหันมาทางธวัชชัย เขาก็ยืนยิ้มในมือถือกล่องแหวนนั่งคุกเข่าลงขอเธอแต่งงาน

“คุณศัน แต่งงานกับผมนะครับ”

ศันสนีย์ไม่รู้จะทำยังไง ธวัชชัยเอื้อมมาจับมือจะใส่แหวนให้ ศันสนีย์หลุดจากภวังค์ ชักมือกลับ

“คุณธวัชชัย ลุกขึ้นเถอะค่ะ คุณกำลังทำให้ฉันลำบากใจ”

ธวัชชัยหน้าเสีย “แปลว่าคุณศันจะไม่แต่งงานกับผม”

“เปล่าค่ะ แต่ศันคงให้คำตอบคุณวันนี้ไม่ได้ คุณทำยังงี้เท่ากับมัดมือชกศันนะคะ”

“ผมนึกว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วว่าเราจะแต่งงานกัน ผมแค่อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”

“แต่ศัน ศันไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้ เรายังมีปัญหาต้องเคลียร์กัน การแต่งงานมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องนะคะ”

“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้ติดใจอะไรเลย ผมรับได้ทุกเรื่อง”

“แต่ศันยังไม่แน่ใจว่าศันจะรับได้ทุกเรื่อง”

ธวัชชัยอึ้งเลย ไม่คิดว่าศันสนีย์จะพูดยังงี้ ศันสนีย์เห็นหน้าธวัชชัยก็เสียวกลัวหลุด ยังไม่พร้อมจะปล่อย ศันสนีย์เข้ามาจับมือ ง้อเล็กๆ

“อย่าทำหน้ายังงั้นสิคะ เอาล่ะค่ะ ศันยอมรับก็ได้ว่าศันยังโกรธคุณอยู่นิดนิ๊ด ศันขอเวลาอีกนิดนะคะ ให้ศันมั่นใจกว่านี้อีกหน่อย การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิงนะคะ ศันอยากให้มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด นะคะ ไม่เอาแล้ว อย่าทำหน้าอย่างงี้สิคะ เราก็ยังเหมือนเดิม”

ธวัชชัยหน้ายังเสียอยู่ แต่ก็ดีขึ้นมาหน่อย “จริงนะครับ”

“จริงสิคะ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันให้อารมณ์ดีดีกว่า นะคะ ศันหิวแล้ว”

“ตามใจคุณศันครับ”

ศันสนีย์ยิ้มกว้าง ธวัชชัยฝืนๆ ยิ้มแล้วเดินไปปิดกระโปรงรถ ศันสนีย์หุบยิ้มทันที ระหว่างไปทานข้าวคำรพก็โทรศัพท์เข้ามาคุยเรื่องงาน ศันสนีย์ถือโอกาสโทรหาหฤษฎ์แต่เขาไม่รับสาย

เวลาเดียวกันหฤษฎ์ไปดักเฝ้ารอโศรยาที่หน้าบ้าน พอเห็นเธอออกมาเขาก็ตามไปดักหน้าถามว่าจะไปไหน โศรยาเดินหนีไม่อยากพูดด้วย

“ผมถามดีๆ ทำไมเราจะพูดกันดีๆ สักครั้งไม่ได้เลยเหรอ โศรยา”

โศรยาอ่อนลงมานิดหนึ่ง “นายมีอะไรก็พูดมา”

“คุณจะไปไหน”

“ไปซื้อกับข้าว”

“ทำไมคุณต้องไปเอง”

“เก็บไข่ ปลูกผักกินเองฉันก็ทำมาแล้ว นี่ ตกลงว่าไม่มีอะไรใช่มั๊ย”

“โอเค โอเค ให้ผมไปด้วยนะ ผมไปช่วยคุณถือของ”

“ไม่ต้อง”

“นี่ผมพูดกับคุณดีๆ นะ ถ้าคุณไม่ให้ผมไป ผมจะลากคุณขึ้นรถไปเดี๋ยวนี้ แล้วจะไม่เอากลับมาคืนอีกเลย”

โศรยาแหยงๆ “คุณรู้ว่าผมทำได้”

“ทำไมนายต้องทำอย่างนี้ด้วย”

“ผมก็ไม่ได้อยากทำ ถ้าคุณจะยอมให้ผมพาไปซื้อของดีๆ นะครับ คนดี”

โศรยามองหน้า แล้วก็เดินปัดไปขึ้นรถ หฤษฎ์ยิ้มๆ เดินไปขึ้นรถขับออกไป

ระหว่างที่ โศรยาเดินเลือกของอยู่ หฤษฏ์เดินตาม โศรยาหันมาทีไรก็เจอหฤษฏ์ยืนมองยิ้มๆ อยู่ แถมบางทีก็ขอมีส่วนให้ความเห็นและช่วยเลือกเสมอ จนกระทั่งโทรศัพท์เขาดัง เป็นกวินโทรมา โศรยาแอบฟังอย่างสนใจ เธอเห็นเขาสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็ไม่ถาม จนหฤษฎ์บอกกับเธอเองว่า



“นายวิเศษตายแล้ว โดนยิงตาย ไม่รู้โจทก์ฝ่ายไหน แต่ก่อนตาย มันขายที่บนเกาะไปแล้ว ไม่รู้ให้ใคร”

“ตายจริง อย่างนี้ถ้าตกไปอยู่ในมือพวกคนไม่ดี ชาวบ้านก็จะแย่น่ะสิ”

“นั่นแหละที่ผมห่วง” หฤษฎ์หันมามองโศรยาที่กังวลจริงจังก็นึกเอ็นดู “เป็นห่วงชาวบ้านมากเหรอ”

โศรยายังเครียดอยู่ “เป็นห่วงสิ”

“เป็นห่วงมากก็ไปช่วยผมดูแลชาวบ้านสิ ไปเป็นนายหญิงของเกาะ”

โศรยารู้ตัวว่าโดนล้อ “โรคจิต”

โศรยาเดินหนีไป เขินมากกว่าโกรธ หฤษฏ์มองตามยิ้มๆ

ศันสนีย์เดินเข้าบ้านมา เตยวิ่งเข้ามารับกระเป๋า พลางบอกว่าโศรยาไปซื้อกับข้าว ครู่หนึ่งหฤษฎ์ขับรถเข้ามาจอด โศรยาเปิดประตูลงมาเดินจะเข้าบ้าน หอบของ หฤษฎ์วิ่งตามลงมาจะช่วยถือของ

“ผมช่วย”

“ไม่ต้อง กลับไปได้แล้ว”

“ไม่กลับ อย่าดื้อน่า มาผมช่วย”

หฤษฎ์รวบมือโศรยามาไว้ เอาของไป โศรยาจะดึงมือออก หฤษฎ์แกล้งไม่ปล่อย “ปล่อยนะ”

“ทำไม ต้องให้เป็นนายอะไรนั่นหรือไง คุณถึงจะยอมให้ช่วย”

“ใช่ รู้ก็ดี ฉันยังยอมพูดกับนายก็เพราะฉันเป็นห่วงพี่สาวฉัน”

“ห่วงเขาทำไม” หฤษฎ์ประชด “ไม่แน่ ผมอาจจะหายแค้นแล้วหลงรักคุณพี่ของคุณจริงๆ ก็ได้”

โศรยาอึ้ง ไม่นึกว่าจะเจอมุกนี้ หน้าเสียไปเลย หฤษฎ์เห็นก็ตกใจไม่นึกว่าโศรยาจะเชื่อ ขยับเข้ามาจะจับมือ ศันสนีย์เดินออกมาพอดี

“คุณหฤษฎ์” ศันสนีย์เห็นหฤษฎ์ยื้ออยู่กับโศรยาก็หน้าเปลี่ยน โศรยากระเด้งออกมา

“ยายโศ ทำไมมาอยู่ด้วยกันได้คะ”

“เอ่อ คือ”

หฤษฎ์ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ผมพาคุณโศไปตลาดมาครับ”

“คุณหฤษฎ์ ทำไมต้องพายายโศไปด้วยคะ”

“ผมมา เห็นคุณศันไม่อยู่บ้าน พอดีคุณโศจะไปตลาด ผมก็เลยพาไป”

“อ๋อ เหรอคะ”

ศันสนีย์หันมามองโศรยาอย่างกินเลือดกินเนื้อ โศรยาหน้าเหลือสองนิ้ว

“แหม ใจดีจังนะคะ ยายโศเลยสบายไป เรียบร้อยแล้วก็เอาของไปเก็บสิจ๊ะ”

“ค่ะ คุณพี่” โศรยาเดินเข้าบ้านไป

ศันสนีย์หันมามองหฤษฎ์ ชายหนุ่มยังมองตามโศรยาไป ศันสนีย์โกรธ

“คุณหฤษฎ์มาหาใครกันแน่คะ ถ้าไม่ได้มาหาศัน ศันจะได้เข้าบ้าน” พูดจบศันสนีย์ก็สะบัดพรืดไป

หฤษฎ์เรียกไว้ “เดี๋ยวครับคุณศัน”

ศันสนีย์หยุดแอบยิ้ม “ผมมาหาคุณศันนั่นแหละครับ”

ศันสนีย์หันมา ยังแอ๊คงอนอยู่ “มีอะไรคะ”

“ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณศันหน่อยครับ คือผมกำลังจะตกแต่งบ้านในกรุงเทพฯใหม่ ก็เลยอยากจะรบกวนให้คุณศันไปช่วยกันดู”

“จะตกแต่งใหม่ไปทำไมคะ”

“คิดว่าจะทำเรือนหอน่ะครับ”

ศันสนีย์ตาวาว “จะทำเผื่อไว้น่ะครับ เผื่อมีคนไม่อยากไปอยู่เกาะจะได้อยู่ในกรุงเทพได้”

“แล้วทำไมต้องเป็นศันล่ะคะ”

“แล้วทำไมจะเป็นคนอื่นล่ะครับ” ศันสนีย์ใจเต้นแรง กะว่าตัวเองแน่ๆ ไม่ผิดตัว

ในบ้านสายสมรชะเง้ออยู่ในบ้านเมื่อเมื่อศันสนีย์เดินเข้ามา

“ลูกออกไปกับคุณหฤษฎ์นะคะ”

“มาแผล็บๆ จะไปอีกแล้ว ไม่เคยเข้ามานั่งคุยกับพ่อกับแม่เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ เดี๋ยวคุณพ่อก็ว่าเอาอีกหรอก”

“แต่คุณแม่ไม่ว่าใช่ไหมคะ” สายสมรค้อน “อีกไม่นานหรอกค่ะ ลูกว่าเร็วๆ นี้ เขาคงต้องมีเรื่องเข้ามาคุยกับคุณพ่อ คุณแม่แน่ๆ”

“ต๊าย จริงเหรอลูก เขาว่ายังไงบ้างจ๊ะ”

“วันนี้ยังไม่ว่าอะไร แต่ให้ไปช่วยจัดบ้านค่ะ”

โศรยาเดินถือถาดขนมเข้ามา ได้ยินตอนท้ายพอดี ก็แอบหยุดฟัง

“บอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”

“วุ๊ย แล้วเขาบอกรึเปล่าว่าใครเป็นเจ้าสาวจ๊ะ”

“ไม่บอกก็เหมือนบอกค่ะ เขาให้ลูกไปช่วยออกแบบจะได้ถูกใจ ยังงี้แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะคะ ลูกไปนะคะ คุณแม่ ไม่ต้องรอทานข้าวนะคะ”

ศันสนีย์ออกไป สายสมรยิ้มปลื้มใจ หันมาเห็นโศรยายืนแข็งเป็นรูปปั้นอยู่

“เอ๊า แม่โศ ยืนอยู่ทำไมยะ”

“เอ่อ เปล่าค่ะ คุณป้า โศเอาของว่างมาให้คุณป้ากับคุณพี่ค่ะ”

“อู๊ย คุณพี่ของหล่อนเขาคงไม่ทานแล้วล่ะจ๊ะ นู่น มีคนมารับออกไปแล้ว อ้อ แล้วอาหารเย็นก็ไม่ต้องเผื่อนะ เขาบอกว่าไม่ต้องรอ คงไปทานกันสองคนล่ะ” สายสมรพูดจบก็เดินไป โศรยาหน้าเศร้า

ที่บ้านหฤษฎ์คนงานกำลังทำความสะอาดพรม รื้อผ้าม่าน ลุงแจ่มเดินตามหฤษฎ์กับศันสนีย์ที่เดินดูรอบๆ

“คุณหฤษฎ์จะให้ศันช่วยทำความสะอาดเหรอคะ ศันแพ้ฝุ่นนะคะ”

“ใครจะกล้าใช้คุณศันอย่างงั้นล่ะครับ ผมอยากให้คุณศันช่วยออกแบบ ช่วยออกไอเดียน่ะครับ”

“แหม อยากรู้จังว่าผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครกันน๊า”

“ไม่ใกล้ ไม่ไกลหรอกครับ รับรองว่าคุณศันรู้จักดีที่สุดเลย”

ศันสนีย์แกล้งหลบตาทำเขิน เนื้อเต้นสุดฤทธิ์

ศันสนีย์เดินดูสวน ดูต้นไม้ ท่าทางเป็นเจ้าของบ้าน

“ศันว่าต้นนี้ หนามเยอะ เปลี่ยนดีกว่านะคะ เปลี่ยนเป็นพวกไม้ดอกสวยๆ ให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ทสบายๆ ร่มรื่น เหมือนสปาเล็กๆ ดีมั๊ยคะ”

“ครับ”

“แต่พื้นที่ขนาดนี้ ศันว่าขุดสระว่ายน้ำก็ดีนะคะ แล้วก็ปูด้วยแผ่นหิน จัดวางชุดสนามตรงนี้ เผื่อไว้จัดปาร์ตี้ริมสระ เอ๊ วางเป็นเบาะสีขาวเก๋ๆ ดีกว่า ดีมั๊ยคะ”

“ก็ดีครับ”

ศันสนีย์รู้สึกตัว ทำเป็นม้วนเกรงใจ “นี่ ศันเสนอมากไปหรือเปล่าคะ”

“ไม่มากเลยครับ ผมทำให้ได้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ผมรัก”

พูดจบหฤษฏ์ก็เดินห่างออกมา ศันสนีย์กระดี๊กระด๊า เก็บอาการจะไม่อยู่ หฤษฏ์แอบมองหางตา ดูถูก

ค่ำแล้ว หฤษฎ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน ศันสนีย์ลงมารอจนหฤษฎ์ขับรถออกไป แล้วหมุนตัวกลับเข้ามา โศรยารอเปิดประตู

“อ้าว ยังไม่นอนอีกเหรอ พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ”

“โศรอเปิดประตูให้คุณพี่น่ะค่ะ”

“ให้นังเตยมันรอก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องรอเอง”

ศันสนีย์จ้องหน้าน้องสาว “ทำไม จะแอบมารอ เผื่อว่าจะได้เจอกับคุณหฤษฎ์อีกหรือไง”

โศรยาหน้าชา “คุณพี่ โศ ไม่ได้”

“ไม่ได้อะไร นี่ ฉันยังมีเรื่องต้องเคลียร์กับแกนะ ทำไมวันนี้ต้องให้คุณหฤษฎ์เขาพาไปซื้อกับข้าวด้วย ปกติก็ไปเองได้ทุกวัน ทำไมวันนี้ถึงเกิดสำออยขึ้นมา”

โศรยาพูดไม่ออก เถียงไม่ทัน “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ที่แกทำเป็นหวังดีเตือนฉันเรื่องคุณหฤษฏ์น่ะ ที่แท้ก็จะเก็บเอาไว้เองใช่ไหมล่ะ ทำเป็นเรียบร้อย หงิมๆ ที่แท้ ก็อยากได้เขาเหมือนกัน”

โศรยาร้องไห้ เถียงไม่ออก “คุณพี่”

“จำเอาไว้นะ โศรยา บุญคุณที่ฉันช่วยแกไว้ ถ้าฉันปล่อยแกให้จมน้ำตายซะตั้งแต่วันนั้น แกคงจะไม่ได้เผยอมาแย่งผู้ชายคนเดียวกับฉันวันนี้หรอก หัดสำนึกในบุญคุณของฉันซะบ้าง แล้วถ้ามันอดใจไว้ไม่ได้ล่ะก็ ไสหัวกลับบ้านสวนไปอยู่กับแฟนบ้านนอกของแกได้เลย เหม็นขี้หน้า”

ศันสนีย์พูดจบก็เดินกระแทกออกไป โศรยาร้องไห้เสียใจไม่นึกว่าศันสนีย์จะคิดอย่างนี้


.........................


จำเลยรัก ตอนที่ 22

เช้าวันใหม่นุกูลมาหาโศรยา และบอกว่าสอางค์หกล้ม เขาพาไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเดินไม่ถนัดจึงอยากให้เธอกลับไปดูแล โศรยาขอตัวไปเก็บของ

โศรยามาถึงบ้านสวนก็ทำงานแทนสอางค์ มีนุกูลคอยช่วย สอางค์เดินเขยกๆ เอาขนมกล้วยออกมาให้ โศรยาหันมาเห็นก็ร้องห้าม

หฤษฎ์มารับศันสนีย์แต่เช้า เพื่อไปดูเฟอร์นิเจอร์ ก่อนออกจากบ้านเขาถามหารูปที่ซื้อมาให้

“อ๋อ เอ่อ อยู่ในห้องเก็บของน่ะค่ะ ศันยังไม่มีเวลาเอาออกมาแขวนเลย”

“อยู่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมแขวนให้ แป๊บเดียวเอง ยังมีเวลา” ศันสนีย์พูดไม่ออก หฤษฎ์เห็นหน้าแล้วสะใจ

หฤษฎ์แขวนรูปให้ ศันสนีย์ยืนหน้าแหยๆ อยู่ ไม่ชอบรูปนี้เลย หฤษฎ์มองที่ลายเซ็นน้องชาย เอามือลูบนิดๆ เหมือนลูบหัวน้อง

“เกรงใจจังค่ะ ซื้อให้แล้วยังต้องเหนื่อยมาติดให้อีก”

“ผมยินดีครับ ถ้ามันจะช่วยให้คุณศันเห็นรูปนี้บ่อยๆ ชัดๆ ทุกวัน”

ศันสนีย์ไม่รู้ว่าถูกแดกชวนออกไป พอดีกับที่นุกูลเดินออกมากับโศรยา หฤษฎ์จ้องสองคนเขม็ง โศรยาหันไปเห็นรูปก็หันมามองหฤษฎ์อย่างค้นหาคำตอบว่าทำไปเพื่ออะไร

“อ๊าว ยายโศ แฟนมารับแต่เช้าเลยนะ จะไปไหนกันจ๊ะ” โศรยาตั้งรับความหวานเจี๊ยบกะทันหันของศันสนีย์ไม่ทัน “ว่าไงจ๊ะ นุกูล จะมารับยายโศไปไหนล่ะ”

“เอ่อ จะมารับกลับบ้านสวนน่ะครับ”

ศันสนีย์แอบดีใจแต่ทำกลบเกลื่อน “ตาย จะกลับบ้านสวน ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”

“โศกำลังจะมาบอกคุณพี่น่ะค่ะ พอดีแม่หกล้ม โศเป็นห่วง เลยจะมาขอลากลับไปบ้านค่ะ”

“ก็ไปสิ นุกูลเขามารับแล้วนี่ แล้วจะไปกี่วันกี่เดือนจ๊ะ”

หฤษฎ์มองมาที่โศรยาเขม็ง โศรยาไม่กล้าสบตา “ไม่ทราบค่ะ”

“ไปนานๆ ก็ได้ ตอนนี้พี่มีคนดูแลแล้ว” ศันสนีย์คล้องแขนหฤษฎ์ “หรือคุณหฤษฎ์จะทิ้งศันอีกคนคะ”

หฤษฎ์หวานประชด “ผมจะอยู่จนกว่าคุณศันจะไล่ครับ”

ศันสนีย์ยิ้มสะใจที่หฤษฎ์หวานใส่ต่อหน้าโศรยา “เห็นมั๊ย ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ ไปเถอะ พี่เข้าใจ ห่างกันนานๆ ก็คงต้องคิดถึงกันบ้างแหละ ใช่มั๊ยจ๊ะ นุกูล”

นุกูลแล้งยิ้มประชด โศรยาก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าใคร หฤษฎ์หน้าหงิกตาขุ่น

โศรยามาถึงบ้านสวนก็ทำงานแทนสอางค์ มีนุกูลคอยช่วย สอางค์เดินเขยกๆ เอาขนมกล้วยออกมาให้ โศรยาหันมาเห็นก็ร้องห้าม

“แม่ อย่าเดินมากสิคะ ถ้าหิว เดี๋ยวนุกูลเขาไปหาเองนั่นแหละ แม่นั่งเฉยๆ เถอะจ้ะ”

“โศนั่นแหละลูก ทำไมรอบนี้ ดูซูบจัง มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“เรื่องอะไรล่ะครับ มีแต่ทำงานรับใช้คุณพี่เขางกๆ จะเอาเวลาที่ไหนมากินข้าว”

“นี่ เงียบไปเลยนะ”

“แต่คราวนี้ท่าจะอยู่ได้นานนะ ไม่ต้องห่วงคุณนายบ้านนั้นแล้ว”

“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ”

“ก็เขาประกาศป่าวๆ ว่ามีคนดูแลแทนแล้ว เป็นหนุ่มใหม่ หน้าใสกิ๊ง”

โศรยาหน้าเจื่อนๆ สอางค์หันมาถามลูก “ใครกันล่ะ ลูก”

“ก็”

“แฟนใหม่เขาน่ะครับ ไปทีก็เปลี่ยนแฟนที”

“นี่ เป็นผู้ชายภาษาอะไร ปากจัด”

“เอ้า พูดไปตามที่เห็น แต่คนนี้แปลกๆ”

“แปลกยังไงจ๊ะ”

นุกูลสังเกตโศรยา “ก็เป็นแฟนคุณศัน แต่ตามองคุณโศเป๋งเลย”

โศรยาสะดุ้งเล็กๆ สอางค์หันมาเห็นลูกเหมือนกัน “พูดบ้าๆ ใครเขาจะมองเรา มีพี่ศันอยู่ทั้งคนแล้ว”

โศรยาพูดจบก็เก็บของเดินออกไป นุกูลสบตากับสอางค์ ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง

หลังจากที่ศันสนีย์ออกไปกับหฤษฎ์แล้ว ธวัชชัยก็มาหาศันสนีย์แต่ไม่พบ แถมเขาเห็นภาพวาดที่หฤษฎ์ติดให้ เขาถามจากเตยจนรู้ว่าภาพนี้หฤษฎ์ซื้อมาให้แล้วยังติดตังให้เสร็จสรรพ ธวัชชัยกัดกรามแน่นด้วยความเจ็บแค้น

เช้าวันหนึ่งหฤษฎ์อยากรู้ที่อยู่ของโศรยา จึงมาหลอกถามจากเตยว่าบ้านสวนของโศรยาอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าต้องไปที่สวนสอางค์ จ.นครสวรรค์ เขาก็รีบขับรถออกไป ศันสนีย์ตื่นมาตอนสายเตยเล่าให้ฟัง เธอก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นทันที พอดีธวัชชัยมา แล้วอาสาขับรถพาเธอไปหาโศรยา

ที่บ้านสวนสอางค์ โศรยานั่งอยู่ในสวนกับนุกูล

“อะไรนะ ไปเรียนต่ออเมริกา เมื่อไหร่ ทำไมเราไม่เคยรู้เรื่องเลย”

“ก็อยากให้มันแน่นอนก่อนค่อยบอก คงเดินทางอีกไม่เกินสองเดือนหรอก”

“ไปนานไหม”

“ก็ต่ำๆ ก็สี่ปี”

โศรยาหน้าเศร้า “โหย แล้วเราจะทำยังไงล่ะ”

“ทำยังไง ปกติก็ไม่เคยสนใจเราอยู่แล้วนี่”

“ไม่จริงอ่ะ” โศรยานุกูลมองหน้า “แหม ก็นั่นแหละ แต่อย่างน้อยเราก็รู้นี่ว่าตัวอยู่ใกล้ๆ เรียกเดี๋ยวก็มา”

“เพื่อนหรือสัตว์เลี้ยงน่ะที่พูดถึง” สองคนขำกัน สักพักนุกูลก็แอบเปลี่ยนเป็นสายตามีความหมาย โศรยาเห็นก็ตัดบท

“กลับดีกว่า เดี๋ยวแม่รอ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ นุกูลต้องมาอยู่กับเราบ่อยๆ”

“อย่าไล่ก็แล้วกัน”

โศรยากับนุกูลเดินเข้ามา สอางค์รีบเข้ามาหาโศรยาบอกว่ามีคนมารอ โศรยางงเลย ศันสนีย์เดินลงมากับธวัชชัย ศันสนีย์พาโศรยามาคุยที่สระบัว

“คุณหฤษฏ์มาที่นี่หรือเปล่า”

โศรยาตั้งตัวไม่ติด “คุณหฤษฏ์ เปล่านี่คะ เขาจะมาทำไมคะ”

“เขาจะมาทำไม ก็แกไปอ่อยอะไรเขาไว้ล่ะ เขาถึงได้วิ่งตามสืบหาบ้านสวนของแกให้วุ่น ทำเป็นไร้เดียงสา โศรยา ฉันประมาทแกเกินไปจริงๆ”

“คุณพี่”

“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อตาใส ฉันจะบอกอะไรแกไว้เอาบุญนะ คุณหฤษฏ์กับฉันกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ บ้านนอกอย่างแก เป็นได้แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของเขาเท่านั้นแหละ จำไว้”

ศันสนีย์หันไปมองสระบัว “เห็นสระบัวนี่ใช่มั๊ย โศรยา ถ้าฉันปล่อยให้แกตายไปซะตั้งแต่วันนั้น แกก็ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก จำไว้”

“คุณพี่ขา คุณพี่เข้าใจผิด โศไม่เคยคิดจะแย่งอะไรจากคุณพี่เลย โศรักคุณพี่ โศยอมทำทุกอย่าง โศไม่เคยลืมบุญคุณที่คุณพี่ช่วยชีวิตโศ ที่คุณลุงคุณป้าเลี้ยงดูโศมา ถ้าโศจะต้องตายเพื่อทดแทนบุญคุณคุณพี่ โศก็ทำได้”

ศันสนีย์เย็นชา ไม่ได้ซาบซึ้ง “ไม่ต้องมาตายเพื่อฉันหรอก อย่าเนรคุณฉัน ด้วยการแย่งคนที่ฉันรักก็พอ พูดอะไรไว้วันนี้ ขอให้จำคำพูดตัวเองไว้ด้วย”

ศันสนีย์มองโศรยาเหมือนจะฆ่าให้ตาย เดินออกแล้วนึกได้ หันมา “อ้อ แล้วก็ไม่ต้องรีบกลับไปกรุงเทพหรอกนะ ไว้รอไปงานแต่งงานฉันเลยทีเดียวก็แล้วกัน” พูดจบเธอก็เดินออกไป

บนบ้านสอางค์ธวัชชัยกับนุกูลสลับกันชะโงกมอง ห่วงๆ สองสาว สอางค์เดินถือขนมและน้ำมาเลี้ยง

“ไม่รู้คุยอะไรกันนะครับ”

“นั่นสิครับ เห็นคุณศันรีบ แต่ผมถามอะไรก็ไม่ตอบ” นุกูลหันไปชะเง้ออีก เป็นห่วงเพื่อน “คุณนุกูลนี่รู้จักกับคุณศัน คุณโศมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอครับ”

“ครับ รู้จักกันตั้งแต่เด็ก บ้านผมอยู่สวนข้างๆ”

“ไม่เหมือนกันเลยนะครับ”

“โอ้โห ต่างกันคนละสุดขั้วเลยฮะ เหมือน”

สอางค์เข้ามาได้ยินก็ตอบแทน “เหมือนดวงอาทิตย์กับพระจันทร์ คุณธวัชชัยเห็นด้วยไหมคะ”

“เห็นด้วยครับ คุณน้าเปรียบได้เห็นภาพจริงๆ”

“ผมชอบพระจันทร์มากกว่า คุณธวัชชัยท่าจะชอบดวงอาทิตย์”

“ผมชอบอยู่ที่สว่างๆ ครับ”

“อย่าจ้องนานนะครับ เดี๋ยวตาบอด”

ทุกคนหัวเราะ ศันสนีย์พุ่งเข้ามาแล้วชวนธวัชชัยกลับ เธอหันไปลาสอางค์พร้อมไหว้แผล็บแล้วหมุนตัวออกไปเลย สอางค์ยังไม่ทันรับไหว้ ธวัชชัยหันมายิ้มไหว้ลา

“ลานะครับ คุณน้า”

“ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาได้นะคะ” ธวัชชัยยิ้มรับเดินออกไป

นุกูลมองไปทางสระบัว เดินออกไป โศรยานั่งซึมกอดเข่าอยู่คนเดียว นุกูลเดินมาข้างหลัง

“คุณพี่ตัวเขามาคุยอะไร มาไวไปไวยังกับพายุ”

“เขามา ถามหาคนของเขา”

“ใคร?”

“คุณหฤษฎ์”

“คุณหฤษฎ์!! ให้ผู้ชายคนหนึ่งขับรถมาให้เพื่อถามหาผู้ชายอีกคนหนึ่ง โอ๊โห พระเจ้าจอร์ช มันยอดจริงๆ”

โศรยาขำไม่ออก นุกูลนึกได้ “เออ แล้วมาถามอะไรกับตัว คุณหฤษฎ์เขาจะมาที่นี่ทำไม”

“นั่นสิ เขาไม่มาหรอก พี่ศันคิดไปเองน่ะ” โศรยาเดินเลี่ยงไป นุกูลมองตามสงสารเพื่อนโดนพี่สาวข่มตลอด

โศรยาเดินโผเผเข้ามา ลงนั่ง สอางค์ทักลูกสาวว่าหมดแรงเลยเหรอ โศรยาหันไปฝืนยิ้มให้แม่ แต่เห็นคนที่เดินตามมาก็ช็อกตาตั้ง

“นี่ คุณคนนี้เขามาขอดูสวนผลไม้ของเราแน่ะลูก”

โศรยายังอึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอหฤษฏ์ที่นี่ นุกูลเดินตามเข้ามาพอดี เห็นหฤษฎ์

“ถ้าจะมาตามหาคุณศันสนีย์ เขากลับไปกับแฟนเขาแล้วนะครับ”

สอางค์แปลกใจ “อ้าว รู้จักกันแล้วหรอกเหรอจ๊ะ”

“ผมกำลังจะเรียนคุณน้าอยู่พอดีว่าผมรู้จักกับโศรยาน่ะครับ พอดีคุยเรื่องต้นไม้เพลินไปหน่อย”

“อ้าว โธ่เอ๊ย”

“ผมขออนุญาตคุยกับโศรยาสักครู่นะครับ”

นุกูลมองอย่างจับผิด แน่ใจแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ โศรยาสะบัดออกไป หฤษฏ์เดินตามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ใครกันล่ะ นุกูลรู้จักไหม”

“ก็แฟนใหม่คุณศันไงครับ แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจ”

โศรยาเดินนำหฤษฎ์มา พอลับตาคนก็หันมา โศรยาตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะไม่เนรคุณศันสนีย์ แววตานิ่งสงบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“นี่นายจะตามรังควานฉันไปถึงไหน ฉันอุตส่าห์หนีมาไกลแล้วนะ ยังจะตามฉันมาทำไมอีก”

“ไม่มีที่ไหนไกลเกินไปหรอก ยังไงผมก็ต้องหาคุณให้เจอ”

“เจอแล้วยังไง เจอแล้วก็ลากฉันกลับไปกักขัง ทรมาน หรือไม่ก็ปั่นหัวฉันเล่น นายสนุกมากใช่ไหม”

“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ โศรยา ผมรัก”

โศรยาสวนขึ้นมา “ไม่ต้องมาพูด ฉันไม่อยากฟัง ตอนนี้ต่อให้นายพูดว่ารักฉันสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง มันก็ทดแทนความเลวร้ายที่นายทำไว้กับฉันไม่ได้”

หฤษฏ์มองตาโศรยา โศรยาจ้องตากลับนิ่ง ไม่มีน้ำตา ไม่มีความรู้สึก

“นี่คุณจะบอกว่าที่ผ่านๆ มาคุณไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลยอย่างนั้นเหรอ”

“รู้สึก รู้สึกขยะแขยงแล้วก็ทุเรศอย่างที่สุด”

“คุณจะบอกว่าคุณไม่รักผมอย่างที่ผมรักคุณเลย”

“ไม่รัก ไม่เคยรัก แล้วก็ไม่มีวันรักด้วย”

“ผมไม่เชื่อ”

“ไม่เชื่อใช่ไหม”

โศรยาค่อยๆ ยกข้อมือขึ้นมา แล้วแกะสร้อยมุกออก โยนไปที่พื้นหน้าหฤษฏ์ “เชื่อรึยัง”

หฤษฎ์มอง เสียใจ “คุณพี่รักคุณ กลับไปหาเธอซะ คุณเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา คุณก็ควรจะสานต่อให้จบ”

หฤษฎ์จ้องหน้าโศรยา โศรยายังนิ่ง หฤษฎ์ก้มลงเก็บสร้อย โศรยาหมุนตัวกลับแล้วเดินออก ทันทีที่หันหลัง น้ำตาที่กลั้นไว้ทั้งหมดก็ไหลออกมา แววตาโศรยาปวดร้าวไม่แพ้กับหฤษฎ์เลย

ที่โต๊ะอาหารค่ำ นุกูลตักข้าวให้ทุกคน โศรยาเดินเอากับข้าวอย่างสุดท้ายมาวางแล้วลงนั่ง

“ขอโทษนะคะแม่ วันนี้มีแต่คนมาวุ่นวาย แม่เวียนหัวไหมคะ”

“ไม่หรอกจ้ะ นานๆ ที สนุกดีเหมือนกัน ทีแรกแม่นึกว่าจะมีคนทานข้าวเย็นกับเราหลายคนซะอีก ทั้งหนูศัน ทั้งพ่อหนุ่มสองคนนั่น”

โศรยาแค่นึกภาพก็ขนหัวลุก “แค่นี้ดีแล้วค่ะแม่”

“ตกลงคนที่มาตอนเย็นนั่น เค้าเป็นเพื่อนหนูศัน หรือเพื่อนหนูกันแน่จ๊ะ”

โศรยาตอบไม่เต็มปาก “ไม่เกี่ยวกับโศหรอกค่ะ คนของพี่ศันเขา”

“แม่นึกว่าหนูศันเป็นแฟนกับคุณธวัชชัยอะไรนั่นซะอีก ยังไงกันล่ะ”

“เรื่องมันยาวค่ะแม่”

โศรยาทำไม่รู้ไม่ชี้ ตักข้าวทาน นุกูลกับสอางค์มองหน้ากันแล้วหันไปมองโศรยา โศรยารู้ตัวก็แก้เก้อด้วยการหันไปแว้ดนุกูล ชี้ให้กินให้ดูด้วย จะได้ไม่ต้องพูดอีก สอางค์พอจะเข้าใจลูกสาว

เช้าวันต่อมาหฤษฎ์ขับรถออกจากบ้านแต่เช้า ครู่ต่อมาศันสนีย์ก็ขับรถมาที่บ้านเขา นายแจ่มบอกว่าหฤษฎ์ไม่อยู่ แต่สั่งไว้ถ้าเธอมาให้ต้อนรับอย่างดี ศันสนีย์ถามนายแจ่มว่าหฤษฎ์เคยพาผู้หญิงอื่นมาที่บ้านมั้ย นายแจ่มบอกว่ามีแต่เธอคนเดียว ทำให้เธอยิ้มพอใจมาก

ขณะเดียวกันที่หน้าบ้าน ธวัชชัยแอบขับรถตามมา และเห็นเธอเข้าไปในบ้านหฤษฎ์ก็แค้นใจมาก เขาโทรศัพท์หาหฤษฎ์และบอกเลิกการทำธุรกิจร่วมกัน เขาถามว่ามีปัญหาอะไร

“ไม่มีปัญหาอะไรครับ เพียงแต่ ผมคงทำธุรกิจร่วมกับคนที่แทงข้างหลังไม่ได้”

“ผมไม่มีปัญหาเรื่องทัวร์หรอกครับ แต่ผมไม่เข้าใจเรื่องแทงข้างหลัง”

“ผมว่าคุณรู้ดีนะ คุณหฤษฎ์ ตอนอยู่ที่ภูเก็ต ผมนับถือน้ำใจคุณมาก แต่พอกลับมา ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น คนใกล้ตัวของผมเปลี่ยนไป”

หฤษฏ์ ถ้าหมายถึงคุณศันสนีย์ ผมยืนยันว่าผมไม่เคยคิดจะแย่งเธอมาจากคุณเลย

ธวัชชัย แต่การกระทำของคุณมันคนละอย่าง การที่คุณชิงไปรับคุณศันที่โรงพยาบาล หรือที่คุณซื้อภาพวาดไปให้ แถมไปรับไปส่งกันแทบทุกวัน ผมรับไม่ได้ นี่ยังไม่รวมอีกหลายเรื่องที่ผมไม่รู้ไม่เห็นอีก

“ผมยังขอยืนยัน ว่าผมไม่ได้มีเจตนาจะแย่งคนรักใคร”

“ไม่เรียกว่าแย่ง แต่เรียกว่าหยามกันมากกว่า ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก”

“คุณธวัชชัยครับ ตอนนี้ผมบอกคุณได้แค่ว่า ผมมีเหตุผลของผม ทางที่ดีคุณน่าจะลองเปิดตาดูให้กว้าง บางทีคุณอาจจะได้รู้ได้เห็นอะไรอีกเยอะจากผู้หญิงที่คุณรัก ถึงตอนนั้น คุณอาจจะขอบคุณผมก็ได้”

ธวัชชัยตาวาวด้วยความโกรธ “ผมขอเตือนคุณเอาไว้นะ คุณหฤษฎ์ อยู่ห่างๆ ผู้หญิงของผมไว้ แล้วเจอหน้าผมที่ไหน ให้คุณรีบหนีไปเลย ผมไม่เอาคุณไว้แน่”

“ผมไม่เคยหนีใครอยู่แล้วครับ คุณธวัชชัย”

ธวัชชัยกระแทกหูโทรศัพท์วาง พยายามสงบสติอารมณ์และความเสียใจ

หฤษฎ์ยังคงขับรถมุ่งหน้าไปนครสวรรค์ สอางค์ออกมาต้อนรับพลางถามว่าเขามาหาโศรยาหรือ แต่หฤษฎ์กลับบอกว่าขอชมสวน สอางค์พาเดินชมพลางอธิบาย พอเห็นโศรยาเดินมา เธอก็เลี่ยงไปให้โศรยาอธิบายต่อ พออยู่กันสองคนโศรยาก็ถามเสียงห้วนๆ ว่าเขามาที่นี่ทำไม ทั้งที่เธอไล่เขาไปแล้ว

“คุณคิดว่าผมจะเชื่อที่คุณพูดเมื่อวานเหรอ”

“เชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันขอแค่ไม่ต้องเห็นหน้าคุณที่นี่อีก”

“ทำไม คุณโกรธอะไรผม คุณบอกผมมาสิ โศรยา”

“โกรธอะไรเหรอ คุณยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอว่าฉันโกรธคุณเรื่องอะไร คุณทำลายชีวิตฉันจนแทบไม่เหลืออะไร คุณยังกล้ามาถามฉันอีกเหรอ”

“โศรยา ผมบอกคุณแล้วว่าผมเสียใจ คุณจะให้ผมทำยังไง คุณถึงจะยกโทษให้ผมบ้าง”

“อย่ากลับมาที่นี่อีก ไม่ต้องให้ฉันเห็นหน้าคุณอีกเลยตลอดชีวิตนี้ ไม่แน่นะ บางทีฉันอาจจะยกโทษให้คุณได้ก่อนฉันจะตาย”

หฤษฎ์เดินเข้ามาจับมือโศรยา “โศรยา คุณฟังผมก่อนนะ”

“ไม่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่มีทาง เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีก ฉันบอกให้ปล่อย”

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยื้อกันอยู่ นุกูลก็วิ่งเข้ามา นุกูลผลักหฤษฎ์ออกไป แล้วดึงโศรยามาไว้ข้างหลัง

“นี่มันอะไรกัน คุณมาที่นี่ทำไม”

“ช่างเขาเถอะ นุกูล”

“ช่างเขาได้ยังไงก็เห็นอยู่ว่าเขากำลังรังแกโศ”

“ไม่เป็นไรหรอกนุกูล อย่าไปสนใจคนอย่างนั้นเลย เขากำลังจะกลับแล้ว แล้วก็คงจะไม่กลับมาอีก”

หฤษฎ์จ้องหน้าโศรยา “ผมกลับมาอีกแน่”

หฤษฎ์มองภาพโศรยาในอ้อมแขนนุกูลแล้วก็โกรธ แต่จำใจเดินออกไป นุกูลมองตาม แล้วหันกลับมามองโศรยา แต่สายตาของโศรยากลับอยู่ที่หลังของหฤษฎ์

เช้าวันใหม่กวินโทรศัพท์มาหาหฤษฎ์ แจ้งว่าวิเศษได้ขายที่ดินบนเกาะให้แก่ธวัชชัย หฤษฎ์จึงรีบไปพบกับธวัชชัย เพื่อเจรจาขอซื้อคืน ธวัชชัยแปลกใจคิดว่าเขาจะมาพูดเรื่องศันสนีย์

“ผมไม่อยากให้คุณเอาไปขายต่อให้ใคร ที่ดินทำกินตกทอดกันมา ถ้าตกไปอยู่ในมือคนที่ไม่เข้าใจ ชาวบ้านจะต้องเดือดร้อน”

“เป็นคนดีเหลือเกินนะครับ ไม่น่าเชื่อ”

“คุณธวัชชัย วันนี้คุณไม่เข้าใจผม แต่สักวันคุณจะรู้ว่าที่ผมทำไปทั้งหมดนี้เพราะอะไร ถ้าคุณจะเก็บที่ดินนั้นไว้เอง ผมยินดีต้อนรับ แต่ถ้าคุณจะขาย ผมขอซื้อต่อเอง” หฤษฎ์จะเดินออก

“นี่คุณคิดจะแย่งของๆ ผมไปทุกอย่างเลยหรือไง”

หฤษฎ์ชะงักหยุด หันมาตอบจริงจัง “มีอย่างเดียวเท่านั้นที่ผมอยากได้จากคุณ ผมอยากได้ที่ดินบนเกาะของผมคืน ส่วนอย่างอื่น ผมไม่เคยนึกอยากได้เลย ผู้หญิงอย่างศันสนีย์ ไม่มีค่าพอสำหรับใครทั้งนั้น”

ธวัชชัยพุ่งมาชกปากหฤษฎ์เปรี้ยง “หยุดพูดจาดูถูกคุณศันเดี๋ยวนี้ แกไม่มีสิทธิ์มาว่าอะไรเธอทั้งนั้น”

หฤษฎ์มองหน้าธวัชชัย สองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

หฤษฎ์กลับมาถึงบ้าน ศันสนีย์มาเห็นปากของเขาก็เจ็บแค้นแทน หฤษฎ์บอกเป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วก็คิดว่าธวัชชัยหวงเธอ ยิ่งทำให้ศันสนีย์ลำพองในตัวมากขึ้น

ตกดึกหฤษฎ์ก็โทรไปหาศันสนีย์ที่บ้าน แล้วบอกว่าจะชวนเธอไปเลือกแหวนหมั้น ศันสนีย์ถึงกับตื่นเต้นดีใจยกใหญ่



................................


จำเลยรัก ตอนที่ 23

ศันสนีย์เดินแต่งตัวสวยพิเศษเยื้องกรายลงมาจากข้างบน สายสมรกับศุภฤกษ์นั่งอยู่ถึงกับหันมามอง

“อู๊ย ลูกแม่ สวยจริง จะไปไหนจ๊ะ แต่งตัวซะขนาดนี้”

ศันสนีย์หน้าตามีความสุขที่สุดในโลก “คุณแม่ขา ลูกสาวคุณแม่กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุดแล้วนะคะ”

สายสมรดีใจประหนึ่งเป็นตัวเอง “ต๊าย จริงเหรอจ๊ะ ใครกันลูก”

“ก็ คุณหฤษฏ์สิคะ”

ศุภฤกษ์ติดเบรก “ดีนะ จนจะร่วมหอลงโรงกัน พ่อแม่ยังไม่เคยได้พูดจากับว่าที่ลูกเขยเลย ลูกแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะมาขอเรา”

ศันสนีย์เดินเข้ามาอย่างผู้ชนะ “แน่ใจสิคะ เขาต้องมาเร็วๆ นี้แหละค่ะ แต่ว่าวันนี้ คุณหฤษฎ์เขาจะมารับลูกไปเลือกแหวนก่อน”

สายสมรตื่นเต้นกับลูกสาว “ต๊ายจริงเหรอจ๊ะ”

“จริงสิคะ คอยดูนะคะคุณแม่ ศันจะเลือกให้สวยที่สุด ใหญ่ที่สุดเลย”

“ดีจ้ะลูก” สองแม่ลูกฮิฮะกัน เสียงแตรรถดัง ศันสนีย์ลุกไป

“มาแล้ว ศันไปนะคะ”

พูดจบก็ถลาออกไป ศุภฤกษ์มองตามอย่างตำหนิ สายสมรอารมณ์ดีตามลูกสาว ศุภฤกษ์เอือม แล้วมองไปทางหน้าบ้าน ห่วงลูกสาว ไม่มั่นใจในตัวหฤษฎ์เลย

หฤษฎ์พาศันสนีย์ไปเลือกแหวนเพชรในห้างสรรพสินค้า ธวัชชัยเดินผ่านมาเห็นก็แค้นใจนัก หฤษฎ์หันไปเห็นธวัชชัยพอดี เขาแกล้งทำเป็นพระเน้าพะนอเอาใจศันสนีย์ ธวัชชัยสุดจะทนมองต่อไป

คืนนั้นธวัชชัยไปนั่งดื่มเหล้าจนเมาขับรถกลับ ทำให้ขับรถไปชน

เช้าวันใหม่ โศรยาขึ้นไปรับโทรศัพท์บนบ้าน สอางค์เพิ่งรู้ว่านุกูลจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอก็บ่นขึ้น

“เฮ้อ พอนุกูลไม่อยู่แล้วใครจะช่วยน้าล่ะเนี่ย”

“น้าสอางค์พูดเหมือนโศเป๊ะเลย พร้อมใจกันใช้แรงงานผมจริงๆ”

สอางค์ขำนุกูล โศรยาเดินลงมาหน้าตาเศร้า “อ้าว ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละลูก ใครโทรมา”

“เตยค่ะ แม่ แม่จำคุณธวัชชัยที่มากับคุณพี่วันนั้นได้ไหมคะ”

“อ๋อ จำได้สิจ๊ะ ทำไม เขาเป็นอะไร”

“รถชนค่ะแม่ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”

“คุณพระคุณเจ้า โถ พ่อคุณ แล้วเตยว่ายังไงอีกลูก บอกหรือเปล่าว่าเกิดขึ้นได้ยังไง”

“คิดว่าเมาค่ะ แปลกนะคะ ปกติ โศไม่เคยเห็นเธอทานเหล้าหรือเหลวไหลเลย คราวนี้ทำไม”

“อกหักมั๊ง” นุกูลว่า โศรยาหันไปมองนุกูล “ก็จริงไหมละ คนไม่กินเหล้า อยู่ๆ ลุกขึ้นมากินจนขับรถชนขนาดนี้ มันจะเพราะอะไร”

“โศอยากไปเยี่ยมเธอจังค่ะ”

“พรุ่งนี้สิ เราต้องเข้าไปสถานทูตที่กรุงเทพ เราขับรถให้”

“ดี งั้นแวะไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าด้วยสิลูก แม่จะได้ฝากผลไม้ไปด้วย”

โศรยาพยักหน้ารับ สีหน้าเป็นห่วงธวัชชัยด้วย กลัวเจอศันสนีย์ด้วย

แล้วในวันต่อมานุกูลก็ขับรถพาโศรยามาที่บ้านศุภฤกษ์ นำผลไม้มาให้แล้วใจหายเมื่อรู้ข่าวว่าหฤษฎ์ซื้อแหวนหมั้นให้ศันสนีย์ จากนั้นนุกูลก็ไปส่งโศรยาที่โรงพยาบาล ก่อนจะแยกตัวไปทำธุระของเขา

โศรยาเข้าไปเยี่ยมธวัชชัย เธอพบว่าในห้องมีทีมงานของเขาอยู่ โศรยาไหว้ทุกคนและรอจนทุกคนกลับ จึงเข้ามานั่งคุยกับธวัชชัย

“ขอบคุณคุณโศมากนะครับ อุตส่าห์มาจากนครสวรรค์ ผมเกรงใจจัง”

“เกรงใจทำไมคะ ยังไงโศก็ต้องมา แต่เห็นคุณธวัชชัยไม่เป็นอะไรมากโศก็โล่งใจ”

“ครับ ผมดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคุณโศที่ห่วงผม” พูดจบก็หน้าเศร้าไป

โศรยาพยายามเปลี่ยนเรื่อง “มีแต่โศแค่นั้นที่ไหนล่ะคะ มีคนห่วงคุณธวัชชัยตั้งเยอะ เมื่อกี้โศนึกว่าเดินเข้ามางานปาร์ตี้ซะอีก นี่ยังไม่รวมคุณลุงศุภฤกษ์ แม่โศ แล้วก็นุกูลที่ฝากมาเยี่ยมอีกนะคะ”

“แต่คนที่ผมอยากให้ห่วงที่สุด เขากลับไม่เคยมาเลย”

โศรยาอึ้ง พูดต่อไม่ถูกเลย ธวัชชัยหน้าเศร้า น้อยใจ เธออยู่คุยอีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับ

โศรยาเดินออกมาจากห้อง ปิดประตู พอหมุนตัวหันมาก็เจอหฤษฎ์ยืนอยู่ หน้าตาหฤษฎ์ไม่สบายใจเลย โศรยาพยายามปรับสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด

“ผมเห็นคุณมา”

“แล้วทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะคะ”

หฤษฎ์เปลี่ยนเรื่อง “เขา เป็นยังไงบ้าง”

“คุณน่าจะเข้าไปดูเอง ทำไม ไม่กล้าสู้หน้าเขาหรือไง”

หฤษฎ์เหมือนโดนสะกิดแผล รู้ตัวว่าผิด “เขาเห็นผมอยู่กับ ศันสนีย์”

โศรยาหน้าตึง “ผมผิด ผมเป็นต้นเหตุให้คุณธวัชชัยเป็นอย่างนี้”

โศรยาหันไปมอง หฤษฎ์ตอนนี้เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ความรู้สึกผิดเกาะกุมเหมือนคนที่พร้อมจะล้มได้ตลอดเวลา โศรยาอยากเข้าไปปลอบ แต่ต้องหักห้ามใจไว้ ปรับเสียงให้เรียบ

“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม”

“ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ ผมอยากบอกใครสักคนว่าผมเสียใจ ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เลย คุณเข้าใจผมไหม โศรยา”

“คุณมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเริ่มใหม่แล้วค่ะ”

หฤษฏ์หันมามองโศรยา ค้นหาความเห็นใจจากผู้หญิงที่รัก แต่โศรยาเก็บไว้อย่างมิดชิด

“มีคนต้องเจ็บช้ำจากความแค้นของคุณมากมายเหลือเกิน ฉันว่าคุณน่าจะหยุดได้แล้ว หรือต้องรอ ต้องทำร้ายคนอีกเท่าไหร่คุณถึงจะพอใจ”

หฤษฎ์เสียใจ โศรยาเจ็บกว่าหลายเท่า “ทางที่ดีคุณควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่คุณสร้างไว้ กลับไปหาคุณพี่ซะ ฉันกับคุณธวัชชัยผ่านช่วงที่เจ็บปวดที่สุดมาแล้ว ฉันขออวยพรให้คุณกับคุณพี่มีความสุขด้วยกันมากๆ อย่างน้อยก็จะมีคนที่ไม่ต้องเจ็บช้ำจากการกระทำของคุณอยู่คนนึง ฉันว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะทำให้กับหริณได้ กลับไปดูแลผู้หญิงที่น้องชายคุณรักมากที่สุด ส่วนคนอื่นๆ วันหนึ่งคุณก็จะลืมได้เอง”

พูดจบโศรยาก็เดินออกไปเลย ทิ้งหฤษฎ์ไว้เบื้องหลัง น้ำตาไหลออกมา หฤษฎ์ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง

หลายวันต่อมา สอางค์เดินถือหาบผลไม้ลงมาทุลักทุเล หฤษฎ์วิ่งเข้ามาช่วยประคอง

“อ๊าว คุณหฤษฏ์” หฤษฎ์ไหว้ “ไหว้พระเถอะจ้ะ หายหน้าไปตั้งหลายวัน”

“ผมมัวแต่ยุ่งๆ น่ะครับ โศรยาอยู่ไหมครับ”

“เห็นเดินไปในสวนกับนุกูลแน่ะจ้ะ” หฤษฎ์ได้ยินชื่อนุกูลก็กระตุก มองไปทางสวน

นุกูลซ่อมชิงช้าให้โศรยานั่ง นุกูลแกว่งให้

“คิดถึงตอนเด็กๆ เรามาเล่นชิงช้ากันตรงนี้ทุกวันเลยเนอะ”

“ใช่ แล้วพอตัวไปอยู่กับคุณลุง คุณป้าที่กรุงเทพ เราก็มานั่งเล่นคนเดียว รอว่าเมื่อไหร่โศจะกลับมาซะที”

“จริงเหรอ? ไม่เคยเห็นเล่าให้เราฟังเลย”

“ก็ตอนหลังเราก็ชินไง รู้ว่าเดี๋ยวปิดเทอมตัวก็มา เรารอได้”

นุกูลเอื้อมเด็ดดอกไม้จากซุ้ม “โศยังไม่ตอบเราเลย ว่าอีกหน่อยเราไปเรียนแล้ว โศจะรอเราไหม”

“ไม่รอแล้วเราจะไปไหน บ้านเราอยู่ที่นี่”

“แน่นะ”

“แน่” โศรยาชี้ดอกไม้ในมือ “เอาดอกไม้มาให้เราก่อน”

นุกูลแซมดอกไม้ให้ที่ผมโศรยา มองนิ่งมีความหมาย “สวยจัง” โศรยายิ้มปลื้ม “ดอกไม้น่ะ”

โศรยาหน้าหุบ ตีเผียะ นุกูลขำ “โศน่ะสวยเสมอสำหรับเราอยู่แล้ว ไม่ต้องมีดอกไม้หรอก”

“ทำมาชม อยากได้อะไรอีกละ”

นุกูลได้จังหวะ เดินมาลงนั่งต่อหน้าโศรยา “อยากได้คำตอบเพิ่มอีกข้อหนึ่ง ว่านอกจากรอแล้ว โศอย่าเพิ่งมีใครนะ”

อีกทาง หฤษฎ์ยืนแอบดูอยู่ ได้ยินทุกอย่าง หึงหน้ามืด นุกูลมองอย่างจริงจังจะเอาคำตอบ โศรยาอึกอักก่อนจะเปลี่ยนเรื่องว่าเธอหิวน้ำ นุกูลมองหน้าเพื่อน เข้าใจว่าลำบากใจ ไม่อยากเร่ง

“เดี๋ยวเราไปเอาให้” นุกูลเดินออกไป ผ่านหฤษฎ์ที่หลบอยู่หลังต้นไม้ หฤษฎ์มองตามแล้วหันกลับไปมองโศรยา แต่โศรยาหายไปแล้ว

โศรยาเดินมาเรื่อยๆ ตามทางในสวน หันไปเห็นกระรอกตัวน้อยก็นึกถึงพวงชมพู กระรอกน้อยวิ่งหายไป โศรยารู้สึกตัวว่าไม่ใช่แน่ก็หันหลังจะกลับ เลยปะทะกับหฤษฎ์เข้าเต็มๆ โศรยาเงยหน้ามองพอเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจ จะเดินหนี หฤษฎ์คว้าไว้

“ปล่อย”

“สัญญาก่อนว่าจะไม่หนีไปไหน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“แต่ฉันไม่มี”

“ไม่เป็นไร พอผมถาม คุณก็ตอบแค่นั้น ที่คุณพยายามหนีผมอยู่นี่ เป็นเพราะพี่สาวคุณ หรือเพราะนายนุกูลอะไรนั่น”

โศรยานิ่ง “ตอบผมมาสิ โศรยา”

“อย่ามาคาดคั้นหน่อยเลย ฉันไม่ใช่จำเลยของคุณเหมือนเมื่อก่อน”

“ผมรู้ วันนี้ผมก็ไม่ได้มาเพราะความแค้นเหมือนเมื่อก่อน” หฤษฎ์จ้องตาโศรยานิ่ง

“เรื่องระหว่างเราไม่มีอะไรอีก มันแค่ละครฉากเดียว จบแล้วก็ลืมกันไป”

“ผมไม่ลืม ถึงแม้เรื่องมันจะเริ่มที่ความผิดพลาด แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมมีความสุขมาก ผมกลับไปอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้”

โศรยาจะใจอ่อนเมื่อกลับมาอยู่ใกล้ๆ กันอีก หฤษฎ์หยิบสร้อยมุกออกมา “ผมคิดถึงมุกเม็ดนี้ ผมคิดถึงคุณ”

“คุณกำลังทำอะไร หฤษฎ์ คุณกำลังจะแต่งงานกับพี่สาวฉัน คุณทำให้เขาหลงรักคุณ แล้วคุณจะทิ้งเธอไม่ได้นะ”

“ทำไมจะไม่ได้ แล้วที่เขาทำกับน้องชายผมล่ะ น้องชายผมตายเพราะความเลือดเย็นของเขานะ”

โศรยาตาค้าง ผิดหวังสุดๆ หันไปคว้าสร้อยมุกจากมือหฤษฎ์แล้วกระชากสร้อยขาดกระจุย มุกร่วงหล่นกระจายบนพื้น

“โศรยา คุณทำอย่างนี้ทำไม”

“เพราะว่าคุณผิดสัญญาไง คุณผิดสัญญา”

โศรยาวิ่งหนีไป หฤษฏ์ไล่ตามโศรยาจนทัน คว้ามาประจันหน้า

“คุณพูดถูก ผมผิดสัญญา งั้นบอกผมสิ ว่าถ้าไม่มีศันสนีย์ คุณจะรักผมได้หรือเปล่า”

“คุณมาไกลเกินกว่าจะถามคำถามนี้กับฉันแล้ว กลับไปซะ ปล่อยให้ฉันมีชีวิตเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่คุณจะเข้ามา แล้วก็อย่าทำให้ผู้หญิงที่หริณรักต้องเสียใจ”

หฤษฎ์ได้ยินชื่อหริณก็อึ้งไป โศรยาจะผละออก หฤษฎ์ไม่ยอมดึงโศรยากลับมากอดเอาไว้แน่น

“ไม่ โศรยา ผมรักคุณ”

หฤษฎ์กอดโศรยาแน่นเหมือนจะไม่มีวันปล่อย โศรยาหมดแรงจะขัดขืน ยอมอยู่ในอ้อมกอด หลับตาแล้วเก็บนาทีนี้ไว้ให้นานที่สุด ก่อนจะรวบรวมแรงสุดท้าย ผลักหฤษฏ์ออกไป

“ปล่อยฉัน แล้วไปให้พ้น อย่ากลับมาที่นี่อีก!!”

โศรยาวิ่งมาแล้วหยุด ปล่อยร้องไห้ออกมาเต็มที่ ทรุดตัวลงนั่ง นุกูลเดินเข้ามาแตะ โศรยาสะดุ้ง พอเห็นว่าเป็นใครก็โผเข้ากอดเพื่อนรัก ร้องไห้ออกมา นุกูลกอดโศรยาเอาไว้ปล่อยให้ระบายเต็มที่

นุกูลเดินมายื่นมะพร้าวอ่อนให้โศรยาที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว แต่ตายังช้ำแดงอยู่

“เพิ่งเอาลงมาจากต้นเลย”

โศรยามองเพื่อนอย่างขอบใจ แล้วรับมาดื่ม นุกูลลงนั่งข้างๆ นิ่งกันไปพักหนึ่ง นุกูลลองถาม

“ไปเรียนต่อด้วยกันไหม โศรยา”

โศรยาอึ้งไป ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากนุกูล “นุกูล ทำไมถามเราอย่างนี้”

“เราเห็นทั้งหมดแล้ว เมื่อกี้” โศรยาหลบตา “เราไม่อยากทิ้งให้ตัวเองเผชิญปัญหาอยู่ทางนี้คนเดียว เรารู้ว่านายหฤษฎ์ต้องตามรังควานตัวเองไม่เลิกแน่ แล้วถ้าพี่สาวตัวเองรู้ ยังไงเขาก็ต้องหาว่าตัวเองไปแย่งคนของเขา ทีนี้เรื่องใหญ่แน่”

“ทำไมคิดไปขนาดนั้นล่ะ”

“เราต้องคิดสิ ถ้าเราไม่อยู่ แล้วใครจะดูแลตัวเอง เรากลัวตัวเองจะใจอ่อนกับนายหฤษฎ์นั่น”

“เขาไม่มาอีกหรอก นุกูล เราไล่เขาไปแล้ว”

ด้านหฤษฎ์เดินเข้ามา ใจลอยจนไม่เห็นสอางค์ พอสอางค์เรียกทำให้เขาหลุดจากภวังค์เดินเข้ามาหา

“จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”

หฤษฎ์นิ่งไป ไม่รู้จะตอบยังไง สอางค์เห็นท่าก็ขอถามตรงๆ “ทะเลาะกับยายโศอีกหรือเปล่า”

หฤษฎ์อึ้งเลย “คุณน้าทราบ”

“ก็ไม่ทราบทั้งหมดหรอกจ้ะ แต่น้าก็พอจะดูลูกสาวน้าออก ยายโศไม่ใช่คนแสนงอน แต่ตั้งแต่คุณเข้ามา แกก็ทำตัวแปลกไปเลย คุณมีอะไรจะบอกน้าไหม”

“โศรยาเขาโกรธผม ผมคงทำไม่ดีกับเขาไว้เยอะ เขาคงเกลียดขี้หน้าผมแล้ว”

“น้าถามหน่อย คุณว่าอะไรตรงข้ามกับคำว่ารัก”

หฤษฏ์งงๆ แต่ก็ตอบ “ก็เกลียดมั๊งครับ”

“เฉยๆ จ้ะ คนที่เขาเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกกับเรา นั่นคือเขาไม่รัก แต่ถ้าเขาเกลียดเรา แปลว่าเขายังมีความรู้สึกกับเราอยู่ ทีนี้คุณจะบอกน้าได้รึยังว่าคุณไปทำอะไรลูกสาวน้าไว้บ้าง เขาถึงได้เกลียดคุณนัก”

หฤษฎ์ตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมด “คุณน้าครับ ผมมีเรื่องที่ต้องสารภาพผิดกับคุณน้าเยอะแยะไปหมด”

“สารภาพผิดกับน้า”

“ผมเป็นพี่ชายของหริณครับ” สอางค์ตกใจ หฤษฎ์ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้สอางค์ฟัง

00000000000

นุกูลเดินมาส่งโศรยาที่หน้าบ้าน โศรยายังซึมอยู่ นุกูลพูดขึ้นมาลอยๆ

“การรักคนที่มีเจ้าของมันเป็นทุกข์ใช่ไหม” โศรยานิ่ง “แต่เรารักโศนะ”

นุกูลจริงจัง โศรยาตกใจ หันมามอง “รักมากขนาดที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ วันนี้โศอาจจะไม่พร้อม แต่เราสัญญาว่าจะดูแลโศอย่างดีที่สุด”

โศรยามองนุกูลอึ้งๆ “อย่าอยู่ที่นี่เลย ไปกับเราเถอะ”

โศรยานิ่งไป ดึงมือกลับ นุกูลนึกว่าโศรยาปฏิเสธ “ไม่เป็นไร โศ”

นุกูลหันหลังจะกลับ โศรยาเรียกไว้ “เดี๋ยว นุกูล”

นุกูลหันกลับมา “เราแค่กำลังคิดว่า เราอยากจะไปให้เร็วที่สุดต่างหาก”

นุกูลยิ้ม ดีใจ โศรยาฝืนยิ้มตอบ คิดว่าทำถูกต้องแล้ว

เช้าวันต่อมา สอางค์และโศรยานั่งอยู่หน้ารูปพ่อ สอางค์หันมาหาโศรยา

“ถ้าหนูอยากไปจริงๆ แม่ก็ไม่ห้ามหรอกลูก”

โศรยามองหน้าแม่อย่างซาบซึ้งใจ ก้มลงกราบแล้วกอดแม่ไว้แน่น

“แต่หนูแน่ใจนะว่าหนูอยากไปจริงๆ ไม่ใช่เพราะหนูอยากหนีใคร”

โศรยาชะงัก ลุกขึ้นมามองหน้าแม่ “ทำไมแม่ถามโศอย่างนี้ล่ะจ๊ะ”

สอางค์ลูบหัวลูก “แม่ไม่อยากให้หนูตัดสินใจด้วยอารมณ์ นุกูลเป็นคนดี แม่เชื่อว่านุกูลจะดูแลลูกของแม่ได้อย่างดี แต่หนูต้องถามใจตัวเองให้แน่ว่าหนูอยากให้ใครมาดูแลหนูไปตลอดชีวิต ผู้หญิงเรา การที่ต้องฝืนใจอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักจริงๆ มันเป็นความทุกข์ที่ใหญ่หลวงนะจ๊ะ”

“ใครมาพูดอะไรกับแม่หรือเปล่าคะ”

“ไม่มีใครมาพูดอะไรกับแม่หรอกจ้ะ มีแต่คนมาสารภาพผิด”

โศรยาตัวแข็งไป “ใครคะแม่”

“หนูรู้อยู่แล้วว่าใคร”

“เขามาเล่าอะไรให้แม่ฟังคะ”

สอางค์จับมือลูกสาวไว้ “ทุกอย่างลูก หฤษฎ์เล่าให้แม่ฟังทุกอย่าง ทุกเรื่องที่เขาทำกับหนู เขามาสารภาพผิด มาขอขมาจากแม่”

โศรยาสุดกลั้น ในที่สุดก็ได้ระบายกับใครสักคนหลังจากที่ต้องเก็บไว้คนเดียวมาโดยตลอด สอางค์ดึงลูกสาวมากอดไว้ทั้งตัว ปล่อยให้ร้องให้เต็มที่

“ทำไมโศไม่พูดสักคำลูก ทำไมถึงเก็บเอาไว้ได้คนเดียว โศยังมีแม่อยู่ทั้งคน ความทุกข์ของลูกทำไมไม่ให้แม่ช่วยแบ่งเบาบ้าง รู้ไหม แม่ใจแทบขาด พอรู้ว่าหนูต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวอย่างนี้”

“แม่ขา โศขอโทษ โศกลัว โศกลัวค่ะแม่ โศไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง โศกลัวว่าเขาจะกลับมาทำร้ายคุณพี่อีก”

“โธ่เอ้ย ลูก ใครเขาจะมาทำร้ายคุณพี่ของลูกได้ ถ้าหนูพูดสักคำ คุณลุงจะได้จับคนผิดมาลงโทษ”

โศรยาได้ยินก็สะดุ้ง หลุดปากอย่างลืมตัว “ไม่นะคะแม่ โศไม่” เธอรู้สึกตัว รีบหยุดพูด

สอางค์รู้ใจลูก “โศไม่อะไรจ๊ะ”

โศรยากลบเกลื่อน “โศไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนอีก โศไม่โกรธใครทั้งนั้น โศขอให้เรื่องร้ายๆ ทั้งหมดมันจบที่โศ มันผ่านไปแล้วค่ะแม่ มันจบไปแล้ว โศไม่อยากพูดถึงมันอีก”

สอางค์จับไหล่ลูกสาวออกมามองหน้าตรงๆ “หนูกลัวว่าถ้าหนูพูดออกไปแล้วคุณหฤษฏ์จะโดนจับใช่ไหม หนูห่วงเขา ใช่ไหมจ๊ะ”

“แม่”

“โศรยา นี่แม่นะลูก ทำไมหนูถึงต้องปิดบังแม่ด้วย หนูจะโกหก ปิดบังใครก็ได้ แต่หนูพูดกับแม่ได้ทุกเรื่อง ความลับของลูกจะตายไปกับแม่ แม่ไม่มีวันทำร้ายลูกของแม่เองเด็ดขาด”

โศรยาปลดปล่อยทุกอย่าง ไม่มีความลับเรื่องไหนอีก “แม่จ๋า โศกลัว โศกลัวจริงๆ ค่ะแม่”

สอางค์ลูบหัวลูกสาว “ไม่ต้องกลัวแล้วลูก โศรยา แม่ขอถามหนูคำถามเดียว”

โศรยามองหน้าแม่ “หนูรักเขา ใช่ไหม”

โศรยาอึ้งไปแป๊บเดียว แล้วพยักหน้าทั้งน้ำตา “หนูรักเขา หนูรักเขาค่ะแม่”

โศรยากอดแม่แน่น ร้องไห้ปลดปล่อยความทุกข์ที่เก็บไว้คนเดียวมานาน ที่หลังประตูห้อง นุกูลได้ยินทุกอย่าง

หลายวันผ่านมา ธวัชชัยโทรมาหาหฤษฎ์ ทำให้หฤษฎ์ตัดสินใจไปพบธวัชชัยเพื่อจะขอโทษด้วย ทั้งสองนัดพบกันที่ริมน้ำแห่งหนึ่ง

“คุณธวัชชัยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับผม”

“สำคัญครับ เพราะถ้าไม่สำคัญผมคงไม่อยากจะเจอหน้าคุณ”

หฤษฎ์ยังรู้สึกผิดเรื่องที่เป็นต้นเหตุให้ธวัชชับประสบอุบัติเหตุ “ผมอยากขอโทษคุณ”

ธวัชชัยหันมา “ขอโทษผม? ขอโทษผมเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องคุณศันสนีย์ ผมบอกได้เลยว่าไม่จำเป็น”

“ไม่ใช่” ธวัชชัยหันมามองว่าหฤษฎ์จะมาไม้ไหนอีก “ผมรู้ว่าคุณเห็นวันที่ผมพาคุณศันไปที่ร้านเพชร ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องประสบอุบัติเหตุ”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณ” หฤษฎ์หันมา “ผมประมาทเอง ประมาทที่ยอมให้ผู้หญิงคนนึงมามีอำนาจเหนือชีวิตของผมเอง ประมาทที่ไม่ยอมมองให้ออกว่าเขายังรักผมอยู่หรือเปล่า”

ธวัชชัยมองหน้าหฤษฎ์ “ตลอดเวลาที่ผมนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล เขาไม่เคยไปเยี่ยมผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว คงกำลังยุ่งอยู่กับงานสำคัญ”

หฤษฎ์ละอายใจ “ผมควรจะเกลียดเขา แต่คนเราก็แปลก ยิ่งเขาทำไม่ดีกับเราเท่าไหร่ เรากลับยิ่งลืมเขาได้ยากขึ้นเท่านั้น คุณหฤษฎ์”

หฤษฎ์หันมามอง “คุณบอกว่าคุณมีเหตุผลของคุณ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วผมก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะถามอีกต่อไปแล้ว แต่ผมขอคุณอย่างเดียว ผมรักคุณศัน ยังรักเธอมากเหมือนเดิม แต่ผมไม่มีสิทธิ์จะได้ดูแลเธอแล้ว คุณศันเลือกคุณ ผมหวังว่าคุณจะทำหน้าที่นั้นให้ดี”

หฤษฎ์อยากอธิบาย ธวัชชัยส่งซองโฉนดให้หฤษฎ์ “ผมจะขายที่ดินบนเกาะคืนให้คุณ ผมตั้งใจซื้อให้เป็นคุณศันเป็นของขวัญวันแต่งงาน ผมคืนให้”

หฤษฎ์มองธวัชชัยนิ่ง ซึ้งใจกับความเป็นลูกผู้ชายของธวัชชัย

“ผมขอบคุณคุณธวัชชัยมาก ผมยังบอกอะไรคุณไม่ได้ในตอนนี้ แต่ผมยืนยันกับคุณได้อย่างนึงว่า โฉนดที่ดินบนเกาะนี่ เป็นของสิ่งเดียวที่ผมอยากได้จากคุณ และผมไม่ได้อยากแย่งอะไรมาจากคุณเลย”

ธวัชชัยมองหน้าหฤษฏ์ ยังไม่เข้าใจ “ผมทำผิดมามาก แล้วผมก็ไม่ได้ภูมิใจกับมันเลย แต่ผมกำลังจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ผมสัญญาว่าเร็วๆ นี้คุณจะได้คำตอบทุกอย่าง” หฤษฎ์พูดจบก็เดินออกไป

หฤษฎ์กลับถึงบ้านก็พบกับศันสนีย์ที่มาต่อว่าต่อขานที่เขาหายหน้าไปหลายวัน แล้วบอกว่าพ่อของเธอไม่พอใจที่เขาไม่เคยเข้าไปพบท่าน หฤษฎ์จึงบอกว่าเขาโทรนัดกับศุภฤกษ์แล้วว่าจะพาผู้ใหญ่เข้าไปคุยในวันพรุ่งนี้ ศันสนีย์ออกอาการดีใจมากรีบลากลับไป

หฤษฎ์เปิดประตูเข้ามาแล้วเปิดไฟ หฤษฎ์เดินใช้ความคิดเข้ามา แล้วเดินเลยไปที่รูปหริณ หฤษฎ์มองหน้าน้องชายในรูปนิ่ง

“หริณ มีคนต้องเสียใจเพราะความแค้นของพี่มากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ทุกอย่างต้องจบลงสักที พี่ทำถูกแล้วใช่ไหม หริณ”


......................


จำเลยรัก ตอนที่ 24 จบบริบูรณ์


พอถึงบ้านศันสนีย์ก็โทรไปหาโศรยาที่บ้าน โศรยาตกใจเล็กน้อย

“ทำไมต้องทำเสียงตกใจอย่างนั้นด้วย”

“โศ เอ่อ คุณพี่สบายดีไหมคะ”

“ฉันสบายดีที่สุดในโลกเลยล่ะ”

“แล้ว คุณพี่มีอะไรให้โศรับใช้หรือเปล่าคะ”

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่เร็วๆ นี้มีแน่ ฉันอาจจะต้องกวนแกมาช่วยเป็นแม่งานให้หน่อย”

โศรยาหน้าเสีย “ถึงกับเงียบไปเลยเหรอ ทำไม ผิดหวังมากล่ะสิ ฮึ ฉันแค่จะโทรมาบอกแกให้รับรู้ไว้ด้วยว่าเย็นนี้ คุณหฤษฎ์เขาจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอฉันกับคุณพ่อคุณแม่ แกเลิกฝันกลางวันได้แล้วว่าคุณหฤษฎ์เขาจะตาต่ำไปหลงรักแก หยุดถีบตัวขึ้นมาแข่งกับฉันได้แล้ว เพราะคนอย่างแก ไม่มีวันชนะฉันเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

โศรยาเสียใจจนพูดไม่ออก ศันสนีย์ด่าจนสะใจแล้วก็เปลี่ยนมาทำเสียงหวานประชด

“งั้นเร็วๆ นี้คงต้องรบกวนเธอหน่อยนะจ๊ะ โศรยา งานแต่งงานของพี่ทั้งทีคงต้องรบกวนน้องสาวสุดที่รักของพี่หน่อย เธอก็รู้ ไม่มีใครรู้ใจพี่เท่าเธออีกแล้ว”

ศันสนีย์หัวเราะนิดๆ แล้วก็วางหู โศรยา น้ำตาไหล สอางค์เดินเข้ามา

“ใครโทรมาน่ะจ๊ะ” โศรยาปาดน้ำตา หันมา “โศ หนูเป็นอะไรลูก มีอะไรบอกแม่สิจ๊ะใครโทรมา”

“คุณพี่ค่ะแม่ คุณพี่โทรมา คุณหฤษฎ์เขากำลังจะไปสู่ขอคุณพี่กับคุณลุงคุณป้า เขากำลังจะแต่งงานกันค่ะแม่”

“โธ่ ลูก”

โศรยาฝืนยิ้มแต่น้ำตาร่วง “หนูดีใจกับเขา กับคุณพี่”

พูดไม่จบดีก็กลั้นไม่ไหว ปล่อยโฮออกมา สอางค์เข้ามากอดลูกสาว

“ยายโศของแม่ ร้องเถอะลูก ร้องให้พอ วันนี้หนูเจ็บ แต่สักวันหนูจะลืมมันได้” โศรยาร้องไห้กอดแม่ไว้แน่น

ศันสนีย์จะออกไปแต่งหน้าทำผม สายสมรก็ท้วงว่าเดี๋ยวจะคลาดกับหฤษฎ์ แต่เธอบอกว่าทันเวลากันพอดี สายสมรมองตามมีความสุขแทนลูก

และพอศันสนีย์ออกไปสักพัก หฤษฎ์ก็พาผู้ใหญ่มา สายสมรหน้าตื่นที่ลูกสาวยังไม่กลับมาก ศุภฤกษ์ต้องเข้ามาปราม หฤษฎ์พาผู้ใหญ่เข้ามาแนะนำกับศุภฤกษ์และสายสมร พร้อมเริ่มการเจรจา พอเสร็จธุระก็ลากลับทันที

ศันสนีย์กลับมาด้วยหน้าตาสดชื่นแจ่มใส ขณะที่ศุภฤกษ์หน้าตาไม่สบายใจนัก ส่วนสายสมรหน้าตาบึ้งตึง ศันสนีย์เห็นหน้าพ่อกับแม่ก็แปลกใจ แต่ก็เดินเข้ามาประจบแม่

“ตื่นเต้นเหรอคะแม่ แหมหน้าซีดเชียว ลูกสวยไหมคะ นี่ศันเร่งเขาแทบแย่ กลัวกลับมาไม่ทัน”

ศุภฤกษ์กับสายสมรหันมามองหน้ากัน “ก็ไม่ทันจริงๆ น่ะลูก หฤษฎ์เขาพาผู้ใหญ่มาแล้ว แล้วก็กลับไปแล้วด้วย”

“ตายจริง จริงเหรอคะ ทำไมมาเร็วจัง ไหนว่าจะมาเย็นๆ แหมมีฤกษ์ใหม่ก็ไม่ยอมบอกลูก แล้วนี่คุณหฤษฎ์ก็กลับไปด้วยเหรอคะ น่าจะอยู่รอเจอลูกก่อน อะไรไม่เจอกันตั้งวันหนึ่ง ไม่คิดถึงกันบ้าง แล้วผู้ใหญ่ฝ่ายเขาเป็นใครคะ”

“เป็นอธิบดีกรมอะไรสักอย่างนี่แหละ ศัน ศันฟัง” ศุภฤกษ์พยายามจะอธิบาย

ศันสนีย์สวนขึ้นมาอีก “อุ๊ยตายแล้ว โก้จังเลย นี่ ขนาดแค่มาสู่ขอยังระดับอธิบดี แล้วถ้าวันแต่งจะเป็นระดับไหนนะคะ”

สายสมรโกรธแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ กำมือแน่น ศันสนีย์ยังฝันต่อ

“ศันรอจะไม่ไหวอยู่แล้วนะคะเนี่ย แล้วคุณพ่อคุณแม่ตอบตกลงเลยหรือว่าขอผัดไปก่อนคะ”

“ไม่ผัดไปไหนทั้งนั้น พ่อแกเขาบอกให้ฝ่ายนั้นไปหาฤกษ์มาหมั้นได้เลย” สายสมรหันไปมองศุภฤกษ์อย่างโกรธเคือง

“อ้าว ตายจริง แหม น่าจะเล่นตัวสักหน่อย คุณพ่อก็ เดี๋ยวเขาก็ว่าว่าเราอยาก”

สายสมรทนไม่ไหวแล้วลุกขึ้นมา โกรธจนตัวสั่นน้ำตาคลอไปหมด

“พอได้แล้ว ยายศัน เลิกพูดได้แล้ว นี่คุณจะบอกลูกไหมคะ หรือจะให้ดิฉันเป็นคนบอกเอง”

“อะไรกันคะ คุณแม่ คุณพ่อ”

ศุภฤกษ์มองหน้าลูกสาวอย่างแสนสงสาร ศันสนีย์เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิกปกติ

“มีอะไรกัน ทำไมเงียบกันไปหมดล่ะคะ”

ศุภฤกษ์เข้ามากอดลูกสาวไว้ “ยายศัน ลูกทำใจดีๆ ก่อนนะ คือคุณหฤษฎ์เขา”

สายสมรทนไม่ไหวอีกแล้ว แทรกขึ้นมา “เขามาสู่ขอโศรยา!”

ศันสนีย์ช็อก! “คุณแม่!! คุณแม่พูดอะไร อย่ามาล้อเล่นกับศันอย่างนี้นะคะ”

“แม่พูดจริงๆ ศันลูก ลูกต้องเข้มแข็งไว้นะ อย่าไปสนใจคนที่เขาไม่ได้รักเรา”

“ใครว่าคุณหฤษฏ์ไม่ได้รักลูก คุณแม่เข้าใจผิด คุณหฤษฎ์รักลูก เขารักลูก หลงลูกจนโงหัวแทบจะไม่ขึ้น เรื่องอะไรเขาจะไปขอแต่งงานกับนังโศ ลูกไม่เชื่อ!”

“ศันสนีย์! หนูคิดว่าแม่พูดหลอกหนูเล่นเพื่อจะได้เห็นหนูร้องไห้เสียใจหรือไง”

“ถ้าคุณแม่ไม่ได้หลอกหนู คุณแม่ก็ต้องฟังผิด ฟังชื่อหนูผิดเป็นนังนั่นไป”

“ศัน ใจเย็นๆ สิลูก ค่อยๆ ฟังด้วยเหตุผล ด้วยสติ แม่เขาไม่ได้ฟังผิด พ่อเองก็ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน”

ศันสนีย์ช็อก สายสมรปลอบ “ศันสนีย์ ตัดอกตัดใจซะ อย่าไปสนใจพวกผู้ชายสองใจอย่างนั้น”

“สองใจ! คุณแม่หมายความว่าคุณหฤษฎ์เขารักทั้งหนูกับนังโศ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เลือกหนู แต่กลับเห็นนังเด็กบ้านนอกนั่นดีกว่าเหรอคะ คุณแม่คิดว่าคุณหฤษฎ์จะโง่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

สายสมรกับศุภฤกษ์ไม่รู้จะพูดกับลูกสาวยังไง ศุภฤกษ์ขยับจะเข้ามาจับลูกสาว ศันสนีย์สะดุ้งหนี

“ไม่จริง คุณพ่อคุณแม่โกหก คอยดูนะ ศันจะไปถามคุณหฤษฎ์เอง”

ศันสนีย์วิ่งออกไป “ยายศัน! ยายศัน!”

หฤษฎ์กลับถึงบ้านก็โทรศัพท์หาธวัชชัยแล้วบอกว่า

“ผมมีเรื่องจะบอก ผมว่าคุณควรจะรับทราบไว้”

“มีอะไรก็รีบพูดครับ ผมมีเวลาไม่มาก”

“วันนี้ผมพาผู้ใหญ่เข้าไปพูดจากับคุณศุภฤกษ์และคุณสายสมรเรื่องสู่ขอลูกสาวบ้านนั้น”

ธวัชชัยหน้าถอดสีด้วยความโกรธ “แล้วคุณโทรมาบอกผมทำไม คุณต้องการอะไรกันแน่คุณหฤษฎ์”

“ผมพาผู้ใหญ่เข้าไปสู่ขอโศรยา ไม่ใช่ศันสนีย์!”

ธวัชชัยอึ้งไปเลย ได้สติก็โกรธ “แก! นี่แกกำลังทำอะไรของแกกันแน่”

“ผมรักโศรยา รักมาตลอด ไม่ใช่ศันสนีย์ ผมแค่จะโทรมายืนยันคำพูดของผม ว่าผมไม่เคยคิดจะแย่งผู้หญิงคนนั้นมาจากคุณเลย” ธวัชชัยไม่ฟังต่อ กระแทกหูโทรศัพท์

หฤษฎ์เพิ่งวางโทรศัพท์ นิ่งคิดสักพัก เสียงรถบีบแตรอยู่หน้าประตู ลุงแจ่มเดินออกมาจากหลังบ้านจะเลยไปเปิดประตู หฤษฎ์ยกมือห้าม

“ไม่เป็นไรลุง เดี๋ยวผมไปเปิดเอง” ลุงแจ่มมองงงๆ แต่ก็ไม่กล้าขัด เสียงแตรรถดังขึ้นอีก หฤษฎ์หันไปมองแล้วเดินออกไป

หฤษฎ์เดินมาที่หน้าประตู ศันสนีย์เห็นก็ทนไม่ได้ รีบลงมาจากรถ พอหฤษฎ์เปิดประตูได้ ศันสนีย์ก็ถลาเข้ามา ร้องไห้โฮ

“คุณหฤษฎ์ นี่มันอะไรกันคะ คุณบอกศันมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หฤษฎ์เอาความสงบสยบทุกอย่าง “อะไรกันครับคุณศัน คุณศันเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ”

ศันสนีย์เห็นหฤษฎ์นิ่งก็ชักไม่แน่ใจ แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด “เลยร้องไห้ใหญ่เลย เป็นอะไรครับ”

“ศันเจ็บใจค่ะ”

“ใครทำคุณศันครับ”

“ก็คุณพ่อ คุณแม่ศันสิคะ ท่านโกหกศัน ท่านบอกศันว่าคุณน่ะพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอนังโศ ไม่ใช่ศัน”

หฤษฎ์มองนิ่ง ไม่ปฏิเสธ “ไม่จริงใช่ไหมคะ คุณจะไปสู่ขอนังนั่นได้ยังไง คุณบอกศันสิคะว่าคุณไปขอศัน คุณพ่อคุณแม่เข้าใจผิด คุณบอกศันสิคะ”

พูดจบก็โผเข้าไปกอดหฤษฎ์ไว้ ร้องไห้ หฤษฎ์ปล่อยให้ร้องสักพัก ก่อนจะตอบ

“ผมจะพูดอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คุณบอกเป็นความจริง”

ศันสนีย์หยุดร้อง ผละออกมามองหน้าหฤษฎ์ ไม่เชื่อ “ผมไปสู่ขอโศรยาจริงๆ ไม่ใช่คุณ”

“คุณหฤษฎ์!! คุณ คุณหมายความว่า”

“ครับ ผมหมายความว่า ผมมีความตั้งใจจริงที่จะแต่งงานกับคุณโศรยา คนรักของผม”

ศันสนีย์ตะลึงตัวแข็ง มือกำแน่น ความเคียดแค้นฉายอยู่ในดวงตา น้ำตาหยุดไหล มีแต่ความโกรธ ศันสนีย์พยายามปรับเสียงไม่ให้สั่น ประคองสติสุดชีวิต

“ไม่จริง คุณโกหก ก็คุณเป็นคนพาศันมาแต่งเรือนหอ พาไปซื้อแหวน”

“คุณเป็นคนเก่ง เทสต์ดี แล้วอีกอย่างผมคิดว่าคงไม่มีรู้ใจคุณโศรยามากไปกว่าพี่สาวของเธอเอง ว่าเธอชอบอะไร แบบไหน”

“คุณหลอกศัน”

“ผมไม่เคยหลอกใคร ลองนึกดูดีๆ นะครับ ผมไม่เคยพูดเลยว่าที่เตรียมการณ์ไว้ทั้งหมดนี้เพื่อใคร”

ศันสนีย์อึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอไม้นี้ ศันสนีย์เงียบไปนาน หฤษฎ์กะว่าศันสนีย์จะกรีดร้อง แต่เปล่า ศันสนีย์นิ่งสนิท ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย แต่มือกำแน่น ตาแข็ง ก่อนจะหันมาพูดกับหฤษฎ์ด้วยเสียงเรียบเย็น

“นังโศรยามันโชคดีนะคะ แต่คุณต่างหากที่น่าสงสาร ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะได้ของมีตำหนิ เหลือเดนจากคนอื่น!!”

หฤษฎ์หน้าตึง ไม่ชอบที่ศันสนีย์พูดถึงโศรยาแบบนี้

“ศันไม่ได้อยากจะพูดหรอกนะคะ แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว คงต้องเตือนคุณไว้เอาบุญ ไม่อยากเห็นคุณโดนสวมเขา นังโศน่ะมันหนีตามผู้ชายไปตั้งนาน เพิ่งจะถูกเขาเฉดหัวกลับบ้านมาเมื่อไม่นานนี้เอง รู้อย่างนี้แล้วยังอยากจะหลับหูหลับตาแต่งงานกับมันอยู่ก็ตามใจคุณนะคะ”

หฤษฎ์มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างสมเพช “ผมยืนยัน ผมรักโศรยา รักมาตลอด แล้วก็จะแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุด”

ศันสนีย์กระตุกเล็กๆ ตาขวางเหมือนใกล้จะสติแตก เกร็งไปทั้งตัว มองหน้าหฤษฎ์ด้วยความเคียดแค้นอย่างที่สุด ก่อนจะหมุนตัวกลับและเดินไปขึ้นรถอย่างช้าๆ ศันสนีย์ขับรถออกไป หฤษฎ์มองตามสมเพช

0000000000000

เช้าวันใหม่ ธวัชชัยมาหาศันสนีย์แต่เช้า แต่เตยบอกว่าออกไปแล้ว เขาถามว่าไปไหน เตยบอกว่า

“บอกจะไปต่างจังหวัดค่ะ หนูว่าคงหนีไปพักผ่อนที่ไหนสักพัก”

ธวัชชัยหนาวหลังขึ้นมากะทันหัน “ไปต่างจังหวัด!”

ธวัชชัยขับรถออกมาก็โทรหาหฤษฎ์ ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน

“ผมกำลังขับรถไปหาโศรยาที่นครสวรรค์ครับ”

“ผมว่าคุณเร่งหน่อยก็ดี”

“ทำไมครับ มีอะไร”

“ผมสังหรณ์ว่าคุณศันก็กำลังไปหาคุณโศเหมือนกัน ออกไปนานแล้วด้วย” หฤษฎ์ฟังแล้วใจหายวาบ เป็นห่วงโศรยา

ที่บ้านโศรยา สอางค์รับโทรศัพท์จากศุภฤกษ์แล้วยังงงๆ โศรยาเข้ามาเห็นก็ถามว่าแม่เป็นอะไร

“แม่ก็งงไปหมดเหมือนกันลูก แต่คุณลุงยืนยันว่าเขาไปสู่ขอหนู ไม่ใช่หนูศัน!”

โศรยาสับสน เป็นห่วงศันสนีย์ “คุณพี่”

“ยายโศ ฟังแม่นะลูก แม่สอนหนูมาตลอดว่าคุณลุงคุณป้าเป็นผู้มีพระคุณที่สุดของหนู แต่วันนี้คุณลุงบอกแม่ว่าที่เขาตกลงยกหนูให้คุณหฤษฎ์ก็เพราะเขาเชื่อว่าคุณหฤษฎ์รักหนูจริงๆ คุณลุงฝากบอกว่าขอให้หนูตัดสินใจเพื่อตัวเอง ไม่ต้องเอาใครเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งนั้น การตัดสินใจครั้งนี้มันเป็นการตัดสินใจครั้งที่สำคัญที่สุด”

โศรยานิ่งฟัง คิดก่อนจะตอบแม่ “ถึงคุณลุงคุณป้าจะเข้าใจ หนูก็เนรคุณคุณพี่ไม่ได้หรอกค่ะ คุณพี่เป็นคนช่วยชีวิตหนูไว้ หนูทำร้ายเธอไม่ได้ค่ะแม่ ให้หนูตายซะดีกว่า”

โศรยาพูดจบก็ลุกเดินออกไป เธอมานั่งอยู่ริมสระบัว นึกถึงเหตุการณ์ตอนเด็กที่ตกลงไปแล้วศันสนีย์มาช่วยเอาไว้ ทันใดนั้นเสียงศันสนีย์ดังมาจากด้านหลัง

“ฉันนึกแล้วว่าแกต้องอยู่ที่นี่!!!”

โศรยาตกใจ หันกลับมา ศันสนีย์ยืนจ้องอยู่ สายตาศันสนีย์วันนี้เหมือนคนขาดสติไปแล้ว โศรยากลัว สองคนมองหน้ากัน

เวลาเดียวกันที่หน้าบ้านโศรยา หฤษฎ์จอดรถเอี๊ยด วิ่งลงมา นุกูลเดินมาหาหน้ากวนๆ

“นุกูล โศรยาอยู่ไหน?!”

“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย”

“ผมไม่มีเวลามาพูดเล่นกับคุณนะ บอกมาว่าโศรยาอยู่ไหน”

นุกูลเห็นหน้าหฤษฎ์ซีเรียสก็ชักสงสัย รถธวัชชัยพุ่งเข้ามาจอดอีกคัน ธวัชชัยพุ่งลงมาอีกคน

“คุณศันมาที่นี่หรือเปล่า” นุกูลงง ตั้งรับไม่ทัน

“นุกูล ผมขอร้อง โศรยาอยู่ที่ไหน?”

บริเวณสระบัวศันสนีย์กับโศรยายืนประจันหน้ากันอยู่ ศันสนีย์ขยับเดินเข้ามา

“โศรยา แกนี่มันเกิดมาเพื่อเป็นมารความสุขของฉันจริงๆ ฉันน่าจะปล่อยให้แกตายๆ ไปซะตั้งแต่วันนั้น ไม่ควรยอมให้แกมีชีวิตอยู่แล้วมาเผยอแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน”

“คุณพี่ขา โศไม่รู้เรื่อง โศไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย โศยอมให้คุณพี่ได้ทุกอย่าง”

“ไม่ต้องมาพูดดี! ฉันทนความดัดจริตของแกมามากแล้ว ทำเป็นผู้หญิงไร้เดียงสา ไร้เดียงสาภาษาอะไร คุณหฤษฎ์เขาถึงมาสู่ขอแก แทนที่จะเป็นฉัน”

“โศไม่ทราบ โศไล่เขาไปแล้ว”

“อ๋อ จะบอกว่าไล่เท่าไหร่เขาก็ไม่ไปใช่ไหม เสน่ห์แกมันแรงเองใช่ไหม โศรยา แกนี่มันหน้าด้านกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ”

“คุณพี่”

ศันสนีย์ตาขวาง “แกคิดว่าแกจะได้ทุกอย่างอย่างที่แกต้องการใช่ไหมล่ะ ไม่มีทาง คนอย่างศันสนีย์ ไม่เคยต้องยอมแพ้ใคร!!!”

ศันสนีย์ก้าวเร็วเข้ามาหาโศรยา ตบโศรยาล้มลงไปนอน แล้วบีบคอ

“ถ้าฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครหน้าไหนมันจะได้มีความสุขเลย”

โศรยากระเสือกกระสนสู้จนหลุดตะกายลุกขึ้นยืน จะหนี แต่ศันสนีย์ลุกขึ้นเร็วกว่า ขวางไว้

“เราอย่าอยู่ร่วมโลกกันอีกเลย โศรยา”

พูดจบศันสนีย์ก็โผเข้าผลักโศรยาเต็มแรง โศรยาตกลงไปในสระบัว ตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด

“ช่วยด้วย!! คุณพี่!!”

ศันสนีย์ยืนมองอย่างเลือดเย็น หน้าตาเหมือนคนโรคจิตหลอนๆ “กลับไปอยู่ในที่ๆ แกสมควรจะอยู่เถอะ นังโศรยา!!”

โศรยาตะเกียกตะกายจนหมดแรง นิ่งจมหายไป ศันสนีย์หัวเราะออกมาเบาๆ จนค่อยๆ ดังขึ้น หฤษฎ์วิ่งเข้ามา เห็นศันสนีย์ยืนอยู่ แต่ไม่เห็นโศรยา ก็กระโจนลงน้ำไป ศันสนีย์ตกใจกับเสียงน้ำ เห็นหฤษฎ์กระโดดลงไปก็ได้สติคืนมา

“คุณหฤษฎ์!!” จากตกใจก็กลายเป็นโกรธ กรี๊ดออกมา

ธวัชชัยกับนุกูลวิ่งตามเข้ามา “ลงไปช่วยมันทำไม คุณหฤษฎ์!! ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ”

ธวัชชัยวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือศันสนีย์เขย่า “ศันสนีย์ นี่คุณทำอะไรลงไป”

ศันสนีย์สะบัด แต่ไม่หลุด “มาทำไม แกมาทำไม ปล่อยฉันนะ!”

“คุณรู้ตัวหรือเปล่า คุณกำลังจะฆ่าน้องสาวคุณเองนะ!!”

ศันสนีย์ได้ยินคำว่าฆ่าก็ได้สติคืนมา มองหน้าธวัชชัย แล้วหันไปมองทางสระบัว

หฤษฎ์กำลังพาร่างที่ไม่ได้สติของโศรยาขึ้นมา ศันสนีย์เห็นโศรยาสลบก็นึกว่าตาย ความกลัวและสำนึกผิดชอบแล่นกลับมา ศันสนีย์ตาเหลือกด้วยความกลัว

“ยายโศ!!”

หฤษฎ์ปั๊มหัวใจโศรยา น้ำตาไหล “โศรยา!! ฟื้นสิ คุณอย่าเป็นอะไรนะ โศรยา!!”

นุกูลเห็นหน้าหฤษฎ์ที่กำลังช่วยโศรยาอยู่ เห็นความรักที่หฤษฎ์มีให้ นุกูลชะงักเท้าที่จะเข้าไปช่วยยอมรับความพ่ายแพ้เงียบๆ ศันสนีย์กลัวสุดขีด สมองสั่งให้หนี ศันสนีย์สลัดธวัชชัยหลุดจะวิ่งไป แต่นุกูลก็เข้ามาสกัดไว้ นุกูลลากศันสนีย์กลับมา

“จะหนีไปไหน ศันสนีย์!!”

“ปล่อย ปล่อยนะ ฉันไม่ได้ทำอะไร ยายโศมันโง่เดินตกลงไปเอง!!”

“หุบปากเน่าๆ ของเธอเดี๋ยวนี้เลย ศันสนีย์ ถ้าโศรยาเป็นอะไรไป คุณอย่าหวังว่าจะได้ผุดได้เกิดอีกเลย”

โศรยาสำลักน้ำออกมา หฤษฎ์ดีใจที่สุดในชีวิต “โศรยา โศรยา”

โศรยาลืมตาขึ้นมา เห็นหฤษฎ์ “คุณหฤษฎ์”

หฤษฎ์ดีใจ รวบโศรยามากอดไว้แน่น ศันสนีย์เห็นก็ปรี๊ดขึ้นมาอีก

“ดัดจริต!! แน่จริงทำไมไม่ตาย ทำไมแกมันถึงตายยากตายเย็นนัก นังโศรยา!!”

หฤษฎ์สุดทน “หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ศันสนีย์ ผมไม่นึกเลยว่าคุณมันจะอำมหิต เลือดเย็นได้ขนาดนี้

ธวัชชัยได้ยิน ผิดหวังในตัวศันสนีย์ที่สุด คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะรักผู้หญิงอย่างนี้

“คุณฆ่าน้องชายผมไปคนหนึ่งแล้ว คุณยังจะฆ่าผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักอีก จิตใจของคุณมันทำด้วยอะไร มันถึงได้หยาบด้านนัก”

ธวัชชัยกับนุกูลได้ยินเรื่องน้องชายก็อึ้ง งง ศันสนีย์ไม่รู้เรื่อง

“น้องชาย น้องชายที่ไหน ฉันไม่รู้จัก”

“หริณไง จำได้ไหม หริณที่เขารักคุณที่สุด ที่คุณไล่ให้เขาไปตายไง ศันสนีย์ หริณน้องชายคนเดียวของผม!! หริณยิงตัวตายก็เพราะคุณสั่งให้เขาไปตายซะ จำได้บ้างไหม ศันสนีย์!”

ศันสนีย์อึ้งไป พอๆ กับนุกูล ธวัชชัยมองศันสนีย์ ทั้งเสียใจ ทั้งขยะแขยง

“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ นี่ คุณหลอกฉันมาตลอด ไอ้เลว ไอ้คนชั่ว แกกล้าดียังไงมาหลอกฉัน ดี ดีแล้ว คนอย่างแก มันก็สมแล้วที่จะได้กับนังนั่น มันหายไปกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เป็นเดือน มันคงเหลืออะไรไว้ให้คุณหรอก” ศันสนีย์หัวเราะสะใจ

“ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ที่คุณพูดถึง ก็คือผมเอง ผมเป็นคนพาโศรยาไปเอง”

ศันสนีย์อึ้งค้าง นุกูลมองหน้าโศรยาที่ตอนนี้น้ำตานองหน้า

“ไม่จริง! ไม่จริง! คุณจะพามันไปทำไม คุณโกหก!”

“ผมไม่ได้โกหก ที่จริงผมตั้งใจจะพาคุณไป เพราะผมแค้นที่คุณฆ่าหริณ แต่ผมเข้าใจผิด ผมจับโศรยาไปเพราะนึกว่าเป็นคุณ แล้วตลอดเวลา โศรยายอมรับทุกอย่างก็เพื่อปกป้องผู้หญิงเลวๆ อย่างคุณ”

ศันสนีย์กลัว แต่ก็ทำสู้ “ดี ช่วยไม่ได้ โง่เองนี่ ใครใช้ให้แกมารับแทนฉันล่ะ”

“คุณพี่ขา โศไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณพี่ โศทำทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณที่คุณพี่เคยช่วยโศให้รอดตาย ที่คุณพี่ลงไปช่วยโศในสระบัวนั่น”

ศันสนีย์กระตุก หันไปมองนุกูล นุกูลไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“อะไรนะ โศ โศว่าใครลงไปช่วยโศนะ?”

ศันสนีย์ร้อนตัว “หุบปากเลยนะ ไอ้บ้านนอก แกอย่าพูดอะไรออกมานะ”

“เธอนั่นแหละ หุบปาก ศันสนีย์! โศ เราเป็นคนลงไปช่วยโศ ไม่ใช่ศันสนีย์!”

โศรยามองหน้านุกูล นุกูลพยักหน้า “นุกูล ทำไมเธอไม่เคยบอกเราเลย ตลอดเวลาเรานึกว่าคุณพี่เป็นคนช่วยเรา”

หฤษฎ์สวนทันที “นี่น่ะเหรอ บุญคุณท่วมหัว ทำให้คุณยอมเขาทุกอย่าง”

“มันไม่จริงเลยใช่ไหมคะ คุณพี่ ที่คุณพี่พร่ำทวงบุญคุณโศมาตลอด มันไม่จริงเลยใช่ไหมคะ”

“ช่วยไม่ได้ แกมันโง่เอง แต่ก็สมควรแล้วนี่ แกได้อาศัยใบบุญพ่อแม่ฉัน แกก็ต้องเป็นคนคอยรับใช้ฉัน ไม่ใช่สะเออะขึ้นมาเป็นมารความสุขฉันอย่างนี้!!”

โศรยามองหน้าศันสนีย์อย่างผิดหวัง หมดความนับถือ แค้นใจจนน้ำตาคลอ

“นุกูล เราอยากกลับบ้าน นุกูลพาเรากลับบ้านหน่อย”

นุกูลมองหน้าหฤษฏ์ แต่ก็เดินไปประคองโศรยา นุกูลประคองโศรยาเดินผ่านไป โศรยาไม่เงยหน้ามามองใครเลย หฤษฎ์มองตาม ศันสนีย์สะใจ

“ไงล่ะ สุดท้ายมันก็ไปกับแฟนบ้านนอกของมัน ไม่ใช่คุณ”

หฤษฎ์หันมามองศันสนีย์อย่างรังเกียจ “ศันสนีย์ ผู้หญิงอย่างคุณ ผมอโหสิกรรมให้”

ศันสนีย์แทบกรี๊ด หฤษฎ์เดินมาที่หยุดที่ธวัชชัย ธวัชชัยเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็เข้าใจว่าเหตุผลของหฤษฎ์คืออะไร สองคนมองตากัน ลูกผู้ชายด้วยกันเข้าใจกันได้ไม่ต้องอธิบาย หฤษฎ์ยื่นมือออกมา ธวัชชัยมองก่อนจะเอื้อมมือมาจับ หฤษฎ์เดินตามโศรยาออกไป

“โง่ โง่กันทั้งหมดเลย ไอ้พวกบ้า”

ธวัชชัยหันมามองศันสนีย์อีกครั้ง ศันสนีย์มองกลับคิดว่ามีความหวัง “คุณธวัชชัย!”

“ลาก่อน ศันสนีย์!”

ธวัชชัยเดินออก ศันสนีย์ค้าง ไม่คิดว่าทุกคนจะทิ้งไปหมด มองไปรอบๆ ไม่มีใครก็เริ่มร้องไห้โหยหวน กรี๊ดออกมาด้วยความคับแค้นใจ

000000000000000

นุกูลในชุดเดิมนั่งอยู่คนเดียวคิดถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น โศรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินเข้ามาหา ลงนั่งใกล้ๆ

“ทำไมนุกูลไม่เคยพูดอะไรเลย”

“เรานึกว่าโศรู้ แล้วอีกอย่างเราก็ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหนว่าใครเป็นคนช่วย”

นุกูลมองหน้าโศรยา “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวันนี้โศยังมีชีวิตอยู่ นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด”

โศรยาซึ้งใจเพื่อน “เราไม่รู้จะขอบคุณนุกูลยังไงดี”

“ก็ขอบคุณด้วยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองสิ”

โศรยามองหน้านุกูลนิ่ง ซึ้งใจเพื่อนที่สุด “เราไม่อยากหลอกตัวเองเหมือนศันสนีย์ ผลสุดท้ายก็มีแต่ความเจ็บปวด เราดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนโศ ความผูกพันอันนี้ มันเอาอะไรมาแลกไม่ได้แล้วก็ไม่มีวันหายไปด้วย”

โศรยากอดเพื่อนด้วยความขอบใจอย่างสุดซึ้ง นุกูลสะท้อนในใจว่าวันที่ได้กอดผู้หญิงที่รักก็คือวันที่ต้องปล่อยไป นุกูลลืมตามาเห็นหฤษฏ์เดินเข้ามาหา นุกูลดึงโศรยาออกแล้วขอสัญญา

“สัญญากับเรานะ ว่าต่อไปนี้ โศจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง”

โศรยาพยักหน้า ยิ้มให้ นุกูลลุกขึ้นเดินมา หยุดอยู่ตรงหน้าหฤษฏ์ สองคนมองกันอย่างเข้าใจ ทันใดนั้น นุกูลก็ชกหฤษฏ์เปรี้ยงลงไปกอง โศรยาตกใจหวีดออกมา หฤษฏ์งง

“สำหรับที่นายทำกับเพื่อนเรา”

นุกูลหันไปมองโศรยานิดหนึ่งแล้วหันกลับมา “ที่เหลือ ไปจัดการกันเอง”

หฤษฎ์ลุกขึ้นมา “ผมฝากเพื่อนผมด้วย”

นุกูลเดินออกไป หฤษฎ์มองโศรยา สายตาสบกันนิ่ง หฤษฎ์เดินเข้ามาหาโศรยา ไม่มีใครหลบตา ไม่มีการหลอกตัวเองอีก หฤษฎ์เดินเข้ามาถึง สองคนก็โผเข้ากอดกันแน่น โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ อีกแล้ว สองคนโอบกอดกันอยู่ในสวนสวย ท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปพร้อมกับเรื่องร้ายๆ ทั้งหมด

ที่เกาะหฤษฎ์วางดอกไม้แล้วถอยออกมา โศรยาลงนั่ง บรรจงวางดอกไม้ให้เพื่อน

“หริณ ช่อนี้พี่ศันสนีย์ฝากมาให้เธอ เขาไม่ลืมเธอหรอกนะ สักวันเขาจะมาด้วยตัวเอง”

“พี่สัญญาหริณ พี่จะรัก และดูแลเพื่อนนายคนนี้ให้ดีที่สุดไปตลอดชีวิต”

หฤษฎ์หันมามองโศรยา โศรยายิ้มเหี้ยม “เริ่มต้นตั้งแต่นาทีนี้!”

หฤษฎ์ถือจอบพรวนดิน เหงื่อหยดติ๋งๆ โศรยานั่งแต่งตัวสวย นั่งเก้าอี้เอนหลังอย่างสบาย กาหยูนั่งหันมองคนนั้นที คนนี้ที ไม่รู้จะอยู่ฝ่ายไหน

“ทำไป อย่าขี้เกียจ ถ้าไม่อยากกินแค่ไข่ ก็ปลูกผักไป”

หฤษฎ์มองโศรยา ยิ้มในหน้า ใบ้เดินยกถาดน้ำเข้ามาจะให้หฤษฎ์ โศรยาแหว! “ใบ้!”

ใบ้หันมา โศรยาพูดพร้อมส่งภาษามืออย่างถูกต้องคล่องมาก ฝึกมาเป็นนายหญิงเต็มตัว

“ห้ามให้น้ำจำเลยจนกว่าฉันจะสั่ง เข้าใจมั๊ย?”

ใบ้ถอยหลังกรูดจากหฤษฎ์ หฤษฎ์มองใบ้ประมาณว่า อ้าวมึงยังไง ใบ้ยกมือโบกว่าไม่ได้ โศรยายิ้มอย่างผู้ชนะ กาหยูตัดสินใจเดินมาอยู่ฝ่ายนายหญิง หฤษฎ์หันไปทำงานต่อแต่หน้าตาแฮปปี้

บริเวณลานบ้าน โศรยานั่งเหมือนเก้าอี้ชายหาด อ่านหนังสืออยู่ ที่เก้าอี้อีกตัว กาหยูนั่งใส่แว่นตาอยู่ใกล้ๆ อ่านหนังสือด้วย หฤษฎ์เดินหอบถังน้ำเข้ามา ถึงตรงโศรยาก็วางลง ปาดเหงื่อ โศรยาเห็นก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่เท้าขยับมาดันถังน้ำล้ม น้ำหกกระจายหมด หฤษฎ์มองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา โศรยาทำไม่รู้ไม่ชี้

ใบ้เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟโศรยากับกาหยู หฤษฎ์มอง ใบ้หันมาเจอสายตาหฤษฏ์ก็หลบ ไม่กล้าหือนายหญิง หฤษฎ์ส่งซิก ใบ้ดึงขวดน้ำมาจากกระเป๋ากางเกงจะแอบส่งของ กาหยูหันมาเห็นก็กระโดดส่งเสียงฟ้อง สองหนุ่มสะดุ้งเฮือก โศรยาลดหนังสือลง

“อย่าแม้แต่จะคิด!!” โศรยามองแล้วยิ้มสะใจ กาหยูตบมือขำ

หฤษฏ์ปีนเช็ดกระจกอยู่เก้ๆ กังๆ โศรยามองอย่างสะใจแต่ก็รัก ใบ้อุ้มกาหยูยืนอยู่หลังโศรยา

“เช็ดให้สะอาดนะ”

โศรยาพูดจบก็หันหลังเดินลงบันไดมาที่ลาน หฤษฎ์เห็นโศรยาหันหลังก็หันไปมองใบ้ ใบ้รู้ทันก็ยิ้มให้ อุ้มกาหยูย่องออกไป ก่อนออก ใบ้หันมามองนายทั้งสอง ดีใจที่สองคนลงเอยกันได้ก่อนออกไป หฤษฎ์ย่องมาข้างหลังโศรยา กอดเอาไว้แล้วหอมแก้ม

“เหม็น”

“หอม”

สองคนมองตากันด้วยความรัก หลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มา ดีใจที่วันนี้มีกัน

“ผมรักคุณ โศรยา”

โศรยายิ้มให้ กอดตอบ “ฉันก็รักคุณค่ะ”

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เห็นสองคนยืนกอดกันและจะไม่มีวัยพรากจากกันอีก

จบบริบูรณ์

....................................
Powered By Blogger