วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

บ้านเล็กในไร่กว้าง..บทที่ 2



บ้านเล็กในไร่กว้าง..บทที่ 2

......นริศราเริ่มโครงการของตัวเองทันที



“ผมชื่อคมกริช เรียกสั้นๆ ว่าคมก็ได้ ผมเห็นป้ายปิดประกาศที่ปากทางว่ารับสมัครคนงานที่มีความรู้ด้านการเกษตร”
ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มผมยาวปะบ่ารูปร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเคราครึ้ม ใส่กางเกงยีนส์เก่าๆ กับเสื้อแขนสั้นลายสก๊อตตาห่างๆ สีน้ำตาลด้านหลังสะพายเป้ใบเล็กสีน้ำตาลเข้ม ที่ยืนตรงหน้าของนริศรานั้น ทำให้หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อยเพราะผิวพรรณของบุรุษตรงหน้าถึงจะเข้มแต่ก็เนียนดูราวกับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการทำงานหนัก

“ใช่ค่ะ ทางเราต้องการคนงานที่จะมาช่วยทำงานหนักในไร่ แต่ท่าทางนายเหมือนไม่เคยทำงานหนักมาเลย”

“ผมเรียนจบเกษตรมา แต่ไปทำงานด้านก่อสร้าง พอดีเห็นป้ายปิดประกาศ และผมก็อยากใช้วิชาความรู้ที่ได้เรียนมา ผมอยากทำงานที่ไร่นี้จริงๆนะครับ . ผมเห็นว่าไร่คุณเพิ่งจะเริ่มต้น ..ผมจะพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะช่วยคุณพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็น พื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่คุณจะปลูกมันขึ้นมา“

นริศรามองใบหน้าเข้มๆ ที่พูดกับเธอด้วยความมั่นใจ ไม่มีรอยยิ้ม แต่สายตาคมกล้านั้นมีประกายแน่วแน่ จริงจัง

“ชั้นขอดูหลักฐาน พวกบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษาที่คุณบอกว่าจบเกษตรน่ะค่ะ” คมกริชยื่นหลักฐานทั้งหมดที่เขาพกติดตัวมาให้หญิงสาวตรงหน้า

เขาเพ่งมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใบหน้าเนียนใสไร้ร่องรอยของเครื่องสำอางค์ อายุไม่น่าจะเกิน 20 ปี ผมตัดยาวประบ่ารวบไว้ลวกๆ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีเดียวกับเสื้อขนาดพอดีตัว สวมรองเท้าบู๊ทครอบชายกางเกงไว้ สองข้างแก้มแดงระเรื่อจากความร้อนของอากาศมิใช่จากเครื่องสำอางค์ ทำไมผู้หญิงสวยใส..ต้องมาทำไร่ไกลถึงขนาดนี้ ท่าทางผิวพรรณเหมือนคุณหนูมากกว่าที่จะมาเป็นสาวชาวไร่แบบนี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“ค่ะงั้นฉันตกลงรับนายเป็นคนงานของเรา นายมีประสพการณ์ด้านก่อสร้างคงจะช่วยเร่งสร้างบ้านพักของพวกเรา คือบ้านพักของฉัน และบ้านพักของนาย....ฉันชื่อนริศราค่ะ แต่เรียกสั้นๆ ว่านิดดีกว่า”

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับคุณนิด”คมกริชยื่นมือออกไปจับมือหญิงสาวเบาๆ อย่างแสดงความยินดี

“ค่ะฉันก็ยินดีที่ได้นายคมมาช่วยทำงาน” นริศรายื่นมือออกไปจับมือใหญ่ที่ยื่นออกมานั้นเช่นกัน

“นายคม ฉันขอบอกนายก่อนนะว่า นายจะได้กินอาหารอย่างเต็มที่ 3 มื้อส่วนค่าจ้าง…นายจะได้รับในอีก 3 เดือนข้างหน้า เมื่อเริ่มมีผลผลิตออกมา แต่ถ้าหากมีความจำเป็นจริงๆ ก็สามารถมาบอกฉันก่อนได้ “

“ครับผมเข้าใจ ตอนนี้ผมยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ขอแค่กินอิ่มมีงานทำก็พอ” คมกริชพูดเรียบๆ อย่างไม่ยินดียินร้าย

……………………..


เช้าวันแรกของการเริ่มงาน ที่เต้นท์พักชั่วคราวของนริศรา

“นายคมบ้านพักของพวกเราที่ฉันจ้างหัวหน้าช่างจากในเมืองมาทำและให้พวกคนงานที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ช่วยกันทำ..ยังไม่ไปถึงไหนเลยเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว นายมีความเห็นว่ายังไงบ้าง นายช่วยไปดูส่วนนี้ให้ฉันก่อนแล้วกัน”

“ครับคุณนิด ผมว่าเราควรสร้างระบบน้ำปะปา โดยเราทดน้ำมาจากลำธารด้านหลังเขาแล้วทำเป็นระบบประปาโดยใช้วิธีเก็บพักไว้แล้วกรองก่อนนำมาใช้ ส่วนระบบไฟฟ้าผลิตจากแสงอาทิตย์โดยใช้แผงโซล่าเซล.”

“เรื่องนี้ฉันก็คิดไว้เหมือนกัน แต่มันต้องใช้ทุนจำนวนมาก ช่วงนี้ฉันใช้ระบบแบตเตอรี่อยู่ เราจะเปิดใช้ในเวลาจำเป็นเท่านั้น เมื่อบ้านพักสร้างเสร็จ ฉันจะเอาเครื่องปั่นไฟมาใช้ พรุ่งนี้ฉันอยากจะปรึกษานายคมเรื่องแผนการทำงานของฉันทั้งหมดและความน่าจะเป็นไปได้ เพื่อที่จะไปยังเป้าหมาย”


……………………………..

แผนการทำงานและเป้าหมาย

นริศราแบ่งพื้นที่ เป็น ส่วนส่วน คือ ส่วนไร่องุ่น 200 ไร่ ส้มสายน้ำผึ้ง 150 ไร่ ลำใยจัมโบ้กับลิ้นจี่จักรพรรดิ์อย่างละ 100 ไร่ …ไร่ลำใยกับลิ้นจี่นี้จะปลูกขนุนหนังแซมอยู่ห่างๆ ทั่วทั้งหมด

และแบ่งพื้นที่เป็นโรงเพาะต้นกล้าจำนวน 10 ไร่ ซึ่งส่วนนี้ต้องเริ่มทำก่อน เพื่อจะนำต้นกล้าของพืชแต่ละชนิดไปยังส่วนต่างๆ ต่อไป จึงเป็นเหมือนหัวใจในการผลิตในตอนแรกนี้

สำหรับส่วนเลี้ยงสัตว์ทำฟาร์มโคนม 50 ไร่ โดยปลูกอาหารสัตว์ไว้ในส่วนนี้ด้วย แบ่งพื้นที่ท้ายไร่จำนวน 1 ไร่เลี้ยงไก่ไข่จำนวน 1.000 ตัว นริศราไม่คิดจะ เลี้ยงวัวเนื้อ ไก่เนื้อหรือเลี้ยงปลา เพราะเธอไม่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

นริศรา ไถถนนเข้าไปยังพื้นที่ในแต่ละส่วน และซื้อรถจิ๊บกับรถกระบะไว้อย่างละคันสำหรับหัวหน้าคนงานและพาคนงานไปลุยงานในไร่

…..10 ไร่สำหรับทำพืชผักสวนครัวที่ปลูกง่ายอายุสั้น โดยยกเป็นแปลงๆ มีสาระพัด พวกพริกขึ้หนู พริกชี้ฟ้า พริกเหลือง ผักชี ผักชีฝรั่ง ขึ้นไช่ โหระพา กระเพรา สาระแหน่ มะเขือพวง มะนาว มะเขือเปราะ มะเขือยาว หอม กระเทียม กระหล่ำปลี ผัดกาดขาว คะน้า มะเขือเทศ แครอท หัวใชเท้า ข่าวโพดและทำเป็นค้างให้กับพวกพืชไม้เถาไว้รอบๆ พวกถั่วฝักยาว ถั่วพลู มะระ ฟักเขียว ฟักทอง แตงกวา แตงร้าน พริกไทย ทำเหมือนสวนโรงครัวที่ผลิตอาหารไว้กิน ส่วนที่เหลือก็จะนำไปขาย


……………………


บ้านเล็กในไร่กว้าง..บทที่ 3

1 เดือนผ่านไป บ้านหลังเล็กชั้นครึ่งบนเนินก็สร้างเสร็จด้วยแบบที่เรียบง่ายแต่ดูอบอุ่นน่า อยู่ ถัดลงจากเนินไปเป็นบ้านหลังเล็กๆอีก 2 หลังลักษณะเหมือนโบกี้รถไฟ 2 ตู้สร้างไว้ติดๆ กัน สำหรับหัวหน้าคนงานและข้างๆ ก็สร้างเป็นสำนักงานซึ่งที่นี่จะเป็นที่ทำงานของนริศราและหัวหน้าคนงานที่จะ มาปรึกษาปัญหาต่างๆ และวางแผนงานภายในไร่

ลุงเกียรติ นายคมและคนงานที่รับเข้ามา อีก ประมาณ 10 คน ช่วยกันไถปรับ พื้นที่ยกแปลงพืชพักสวนครัวนานา ชนิดเป็นอันดับแรก นำปุ๋ยคอกที่ซื้อมาใส่คลุกเคล้าลงไปจนทั่ว พร้อมทั้งนำเมล็ดพรรณผักของแต่ละชนิดนั้นลงไปปลูกตามที่วางแปลนไว้ (โดยนำเมล็ดนั้นแช่น้ำไว้ 1 คืนแล้วนำไปหยอดใส่หลุมที่ขุดเตรียมไว้ แล้วรดน้ำ โดยทำเป็นระบบสปริงเกอร์เปิดปิดตามเวลา นายคมให้ทุกคนช่วยกันทำหลังคาด้วยตาข่ายเพื่อไม่ให้แดดส่องได้เต็มที่นัก เพียงไม่ถึงอาทิตย์ต้นอ่อนที่ปลูกไว้ก็ขึ้นโพล่พ้นจากดิน


นริศรา ปรึกษากับคมกริชเรื่องการปลูกองุ่น

“นายคม ฉันคิดว่า ถ้าเราไถกลบแล้วพลิกดินขึ้นมาอีกครั้งแล้วใส่ปูนขาวพร้อมปุ๋ยคอก เราน่าจะนำต้นกล้าขององุ่นมาปลูกได้เลย ขั้นแรกฉันสั่งซื้อต้นกล้าไว้ หมื่นต้นเพื่อไร่องุ่น 50 ไร่ แล้วส่วนที่จะขยายต่อไปอีก 150 ไร่ ฉันสั่งเมล็ดพันธ์มาเพาะต้นกล้าเอง นายเห็นว่าเป็นยังไง” หญิงสาวปรึกษากับคมกริชด้วยใบหน้าจริงจัง ชายหนุ่มมองสบตานั้นแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ เช่นกันว่า

“ครับแต่ว่า พื้นดินเราน่าจะใส่ปูนขาวแล้วตากแดดทิ้งไว้สัก 2 วันเพื่อปรับสภาพดินแล้วค่อยใส่ปุ๋ยคอก แล้วถึงลงต้นกล้านะครับ”

“อื่ม งั้นเอาตามนายแล้วกัน ส่วนส้มสายน้ำผึ้งฉันว่าจะซื้อพันน์มาปลูกสัก 1,000 ต้น แล้วพอส้มโตเต็มที่เราจะขยายพันธ์โดยการตอน หรือไม่ก็จัดหาส้มพันธุ์พื้นเมืองที่มีลำต้นแข็งแรง แล้วนำพันธ์ส้มสายน้ำผึ้งมาทาบกิ่ง เพื่อที่เราจะได้ส้มที่อร่อยและแข็งแรงทนทานกว่าเดิม”

ชายหนุ่มมอง หญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ชื่นชม ผู้หญิงคนนี้เก่งและแกร่ง มีความคิดก้าวไกล ตอนแรกที่ได้พบเขาคิดว่าคงไม่เท่าไหร่ก็หอบของล้มเลิกโครงการณ์กลับกรุงเทพ ไป แต่บัดนี้เวลาผ่านไปเดือนกว่าแล้ว เธอยังมุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของนักสู้ที่ไม่คิดจะท้อถอย

นริศ ราพูดต่อว่า”ส่วนลิ้นจี่กับลำใยก็จะทำเหมือนกับส้ม โดยเริ่มทดลองโครงการก่อนอย่างละ 5 ไร่ เมื่อดูแล้วไปได้เราค่อยเพิ่มผลผลิตต่อไป ฉันว่าเราค่อยๆเป็นค่อยๆ ไปทีละนิด ทีละเก้า นายคมเห็นว่าเป็นยังไง”

“ก็ดีครับ แต่ผมคิดว่าเราควร รับคนงานเพิ่มขึ้นโดยให้ดูแลตามความถนัดเป็นส่วนๆ ไป และจัดระบบน้ำให้ดี เพราะถ้าผลผลิตเราเพิ่มมากขึ้นเราต้องใช้น้ำมากขึ้น เราควรสร้างถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ ไว้ใช้อย่างน้อยๆ ถ้าเกิด วิกฤติขึ้นมา เราก็จะมีน้ำใช้ตลอด”

“ฉันอยากขุดเป็นบึงน้ำขนาดปานกลาง กว้างสัก 5X5 ไร่ ไว้สำหรับปลูกพืชน้ำ พวกบัวสาย บัวหลวง ผักกระเฉด และเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาโดยวิธีตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งพักผ่อนวันหยุดของทุกๆ คนในไร่ ถ้าเราทำบริเวณรอบๆ บึงให้ร่มรื่น นายคมคิดว่าเราพอจะทำได้ไหม”

ชาย หนุ่มมองใบหน้าใสๆ นั้นอย่างทึ่งที่ได้ฟังแนวคิดของหญิงสาว

“ผมชอบ จัง อยากจะทำทุกๆ อย่างที่คุณนิดบอกให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ”


“ค่ะฉันก็อยากให้ ความฝันเป็นจริงขึ้นมา อยากให้อาณาจักรของพวกเราทุกคน สามารถเป็นจริงและทำให้ทุกๆ คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรามาร่วมมือกันนะคะนายคม”

หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้กับชายหนุ่มตรงหน้า


…………………………………


สภาพ พื้นที่ในเขตไร่ของนริศราเป็นดินร่วนปนทราย ขาดความอุดมสมบูรณ์ จึงต้องมีการจัดการวางแผนผังฟาร์ม การปลูกพืช และการปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมกับการปลูกพืชต่างๆ เป็นอย่างดี


ทุกๆ เช้านริศราจะตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 และออกไปดูงานว่าไปถึงไหนแล้ว จะกลับเข้ามาอีกทีก็เกือบแปดโมงทุกวัน เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ ก็จะเข้าห้องทำงานเพื่อวางแผนงานของไร่ คำนวนค่าใช้จ่ายและปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไข

นริศราจะเข้าตัวเมือง อาทิตย์ละครั้ง เพื่อไปหาหลานๆ ที่เข้าโรงเรียนประจำในตัวจังหวัดเนื่องจากการเดินทางที่ไกลจากไร่ถึง โรงเรียน จึงไม่สะดวกที่จะเช้าไปเย็นกลับได้ แต่หญิงสาวจะไปหาหลานทั้ง 2 คนทุกอาทิตย์ และเมื่อปิดเทอมก็จะรับเข้ามาที่ไร่

เพราะหญิงสาวไม่เลี้ยงสัตว์ที่กินเนื้อ ฉะนั้นจึงต้องจ่ายกับข้าวพวกเนื้อสัตว์มาไว้ให้พอเพียงในแต่ละอาทิตย์ จำพวกเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ปลา กุ้ง ซึ่งป้าแป้นของเธอจะนำไปทำถนอมอาหารเป็นหมูอบ เนื้ออบไว้เป็นหม้อๆ แล้วแบ่งไปปรุงอาหารในแต่ละมื้อบางครั้งก็เป็นไข่พะโล้หม้อใหญ่ บางส่วนก็ใส่ตู้แช่เย็นไว้ พวกผักต่างๆ ตอบแรกก็ซื้อมาจากในเมือง แต่เมื่อผลิตผลที่ไร่เริ่มเก็บได้..ก็จะเก็บจากที่ปลูกไว้ที่ไร่ เพราะมีสาระพัดผัก

“ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ เลยสำหรับการเริ่มต้นในครั้งนี้ นะคะลุงเกียรติ ป้าแป้น แต่พอจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ นิดรู้สึกดีจังค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกกับลุงกับป้าที่หอบหิ้วกันมา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส


…………………………………..
2 เดือนผ่านไป

ส่วนของแปลง พืชผักสวนครัวที่ปลูกเป็นพืชสวนผสม จำนวน 10 ไร่ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา พืชผักต่างๆ ที่ปลูกไว้โตขึ้น จนเก็บมากินได้บ้างแล้ว

คมกริช ออกไปทำงานไร่ตั้งแต่เช้าตรู่ทุกๆ วัน อย่างไม่ย่อท้อเขาคิดเสมอว่า นริศรา นายจ้างของเขาแม้เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ดูบอบบาง ทำงานอย่างไม่ย่อท้อ อดทน เข้มแข็ง ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เขาจึงทุ่มสุดกำลังตัวเองเพื่อให้กับไร่บนผืนดินนี้

ชายหนุ่มคุมและ นำคนงานยกร่องแปลงองุ่นออกเป็นช่วง พร้อมทั้งทำค้างเพื่อให้องุ่นได้เติบโตขึ้นไปยึดเป็นหลัก เมื่อคนงานสามารถทำได้ดีแล้วเขาก็ นำคนงานอีกกลุ่มทำแปลง ยกเป็นไร่ส้ม ลิ้นจี่ และลำไย ตามลำดับ โดยไม่ลืมให้คนงานช่วยกันขุดบ่อน้ำ(น่าจะเรียกว่าบึงมากกว่าเพราะจะกว้าง เป็นรูปวงรีด้านหนึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำที่ไหลผ่านด้านข้างของไร่..แต่ที่ ตรงนี้เป็นดินที่ไม่อุ้มน้ำนัก

ชายหนุ่มจึงให้คนงานทำเป็นบ่อโบกปูนด้านล่างแล้วนำดินใส่ลงไปอีกทีเพื่อปลูก พืชน้ำ จำพวกบัวสาย ผักกะเฉด ผักบุ้งไทย ปลูกมะพร้าว กับมะม่วงสลับกันจนรอบบ่อน้ำ

ทำท่อเปิดปิดน้ำด้านล่างเป็นระบบหมุนเวียน เตรียมการไว้ตอนหน้าน้ำหลากจะสามารถระบายน้ำเข้าออกได้ ยามหน้าแล้งก็สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้

บึงน้ำแห่งนี้เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้งตามธรรมชาติ และทำเป็นที่พักผ่อนสำหรับทุกๆ คนในไร่ รอบๆ บึงน้ำนอกจากจะปลูกมะพร้าวและมะม่วงล้อมรอบแล้ว ก็ยังปลูกดอกไม้สวยงามนานาพันธุ์ พวกมะลิ กระดังงา สายหยุด ฟอร์จูริกาหรือคุณนายตื่นสาย บานชื่น ดาวเรือง เฟื่องฟ้าสีชมพู สีแดง สีส้ม สีขาว แต่งเป็นซุ้มๆ รอบบริเวณบึงกว้าง เมื่อต้นไม้เหล่านี้เติบโตขึ้น ก็ทำให้ทั่วบริเวณดูร่มรื่นสบายตา

“นาย คม ฉันขอปรึกษาหน่อยค่ะ” นริศราเดินเข้ามาหา คมกริชที่ไร่องุ่น ซึ่งเค้ากำลังช่วยคนงานตกแต่งค้างให้เข้ารูปเข้ารอย คมกริชยิ้มให้นริศราที่หน้าแดงกร่ำ ด้วยความร้อนของอากาศและเดินตากแดดเข้ามา

“มีอะไรครับคุณนิด”

“คือ ฉันเห็นว่าที่ด้านข้าง 200 ไร่ยังไม่ได้เอาต้นไม้ลง ถ้าเราจะปูลกข้าว นายคมคิดว่ายังไง ฉันไม่มีความรู้ด้านปลูกข้าวเลย แต่ถ้าเราสามารถปลูกข้าวเอาไว้กินกันได้ เราก็จะครบวงจรการผลิต แล้วตอนนี้ข้าวก็ราคาแพงขึ้นมาก ใช้เวลาไม่นานนักก็ได้ผลผลิตแล้ว ”

“….” คมกริชไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่รับฟังอย่างตั้งใจ
“บอกตามตรงนะ ตอนนี้ทุนฉันก็เหลือน้อยเต็มที ถ้าเราสามารถปลูกข้าวไว้กินและแบ่งไปขายบ้าง เราก็ยังพอมีเงินไว้หมุนเวียนเวลาฉุกเฉิน “

“คุณนิด ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“นายคมจะถามอะไรฉันล่ะ”

“ผม สงสัยว่า ทำไมคุณถึงมาทำไร่ที่นี่คนเดียว คุณพ่อคุณแม่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ?”
นริศ ราเงียบไปนิดนึงแล้วก็ค่อยๆ เล่าให้คมกริชฟังอย่างไม่ปิดบังว่า

“บริษัท เราล้มละลาย เอ่อ คือบริษัทคุณพ่อน่ะนายคม ล้มละลาย พ่อแม่ฉันเลยไปอยู่ที่อเมริกากับพี่ชายของฉัน ..เอ่อ ..ท่านคงตกใจน่ะค่ะ ฉันคิดว่าเมื่อท่านทำใจได้ท่านคงกลับมา ฉันรักที่นี่มากกว่า ฉันซื้อที่ไว้เพราะว่าชอบอยากทำงานด้านเกษตร มานานแล้วแต่ไม่มีโอกาส พอดีเกิดเรื่อง เลยได้โอกาสมาทำเกษตรอย่างเติมตัว”

“คุณนิดไม่กลัว ลำบากหรือครับ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอ ชอบความสบายกันทั้งนั้น”

“ฉัน ไม่กลัวค่ะ ถ้าลำบากแล้วสบายใจ และถ้ามันสำเร็จ ฉันคงภูมิใจในตัวเองมากๆ คงมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก”

นริศรา เล่าไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายเจิดจ้า มั่นคงมุ่งมั่นแน่วแน่ มุมปากระบายรอยยิ้มนิดๆ อย่างคนมีความสุข คมกริชมองหญิงสาว แล้วพลอยทำให้ใจตนเองเบิกบานแจ่มใสไปด้วยอย่างไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนัก

“ผม นับถือคุณจริงๆ นะคุณนิด ตัวแค่นี้แต่เข้มแข็งกว่าผู้ชายตัวโตๆ ซะอีก”
“บาง ครั้ง ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะ แต่มันเป็นที่สุดท้ายที่เดียวของฉัน ยังไงฉันก็ต้องทุ่มแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีลงไป และที่สำคัญ ฉันมีหัวหน้าคนงานอย่างนายคมทำให้ฉันเกิดความมั่นใจ และคิดว่านายคมคงจะอยู่กับฉันไปอีกนาน”

“ผมจะช่วยคุณเต็มที่ คุณนิด”

“แล้ว นายคมล่ะ ทำไมถึงมาทำงานไกลถึงที่นี่”

“ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือผมอกหักมา อดีตแฟนผมไปแต่งงานกับคนอื่น ซึ่งผมไม่เคยคิดมาก่อน ตอนผมมาจากกรุงเทพ ผมหัวใจสลาย เกือบจะเสียผู้เสียคน คิดไว้ว่าชาตินี้คงเกลียดผู้หญิงไปจนตาย เข็ดแล้วความรัก

แต่พอผมได้มาอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าชีวิตเรายังมีอะไรมากมายที่สำคญกว่า ได้เห็นความแตกต่างอีกแง่มุมหนึ่ง คุณนิดทำให้ผมทึ่ง ผมต้องหยุดคิดเสียใหม่ มีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิม

“ผมลืมรตีไปเลย ผมหมายถึงแฟนเก่าผมน่ะครับ ผมมองตัวเองย้อนกลับไปว่าทำไมผมถึงทำตัวย่ำแย่ขนาดนั้น”

“ฉันก็เกือบ ไปเหมือนกัน คนที่ฉันคิดว่าฉันชอบเขามาก คอยเอาใจฉันมาตลอด แต่เมื่อบริษัทของพ่อปิดลง พ่อแม่ไม่อยู่ เขาก็ไม่เคยติดต่อฉันอีกเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาจะมาบ้านฉันเกือบทุกวัน โทรศัพท์คุยกันตลอดเวลา ตอนแรกๆ ฉันก็รู้สึกเคว้งคว้างแต่น่าแปลก ว่าฉันไม่เคยคิดถึงเขาและคิดเสียใจ ฉันกลับรู้สึกโล่งใจ เมื่อฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระ ไร่ที่ทำถึงจะเหนื่อย แต่ก็ชื่นใจมีความสุข”

คมกริชมองหน้านริศราที่แดงระเรื่อด้วยความร้อนของอากาศแต่ดูสดใส นัยตาเป็นประกายดูมีความสุข ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างให้หญิงสาว

“ตอนแรก ผมก็หวั่นใจ กลัวว่าตัวเองจะทนทำงานหนักได้หรือเปล่า แต่เมื่อผมเห็นความแข็งแกร่งเข้มแข็งของคุณ ซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ มันทำให้ผมละอายตัวเองแล้วฮึดสู้ขึ้น”

“ฉันไม่ได้แกร่งอย่างที่นายคม คิดหรอกนะ ที่ต้องทุ่มเทเพราะมันเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตของฉัน แต่ฉันก็ยังหวั่นใจ ที่ต้องดูแลคนงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแล้วบางคนก็ส่งสายตาแปลกๆ

นายคม จำนายเทพแล้วก็นายสมาน ที่ดูแลส่วนส้มสายน้ำผึ้งได้ไหม ฉันเห็นสายตาพวกนั้นมองฉันแปลกๆ เวลาที่พวกเขาคิดว่าฉันไม่รู้ตัว ฉันก็ระวังตัวตลอดเวลา แต่ถ้าวันไหนฉันพลาด…ฉันกลัวนะนายคม แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจ”นริศราพูดเปิดใจกับคมกริช

“ผมจะคุ้มครองคุณ เอง..ถ้าผมยังอยู่ที่นี่ ใครจะมาทำร้ายคุณไม่ได้เด็ดขาด”คมกริชบอกเสียงเข้ม

“ฉัน ไว้ใจนายคมได้ใช่ไหม นายจะยอมมาเป็นเพื่อนฉันไหม ? “ นริศรามองหน้าคมกริชนิ่งเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ของคมกริชมาไว้ในอุ้งมือเล็ก ของตัวเองด้วยแววตาที่เชื่อใจและไว้ใจ นริศราโหยหาเพื่อนแท้ และความจริงใจ

คมกริชกระชับมือใหญ่ของตัวเองกับมือเล็กของนริศราเหมือนดั่งสัญญา

“เรา กลับบ้านกันดีกว่า เย็นมากแล้วป้าแป้นจะเป็นห่วงฉัน” นริศราบอกกับคมกริช แล้วเดินนำหน้าชายหนุ่มออกมาจากแปลงองุ่น ตรงไปที่รถจิ๊บ คมกริชขึ้นประจำที่คนขับ นริศราขึ้นนั่งด้านหน้าเรียบร้อย รถก็เคลื่อนออกมา

ไม่มีความคิดเห็น:

Powered By Blogger