วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

จำเลยรัก ตอนที่ 1-5

จำเลยรัก ตอนที่ 1


การตายของหริณน้องชายคนเดียว ทำให้หฤษฎ์ โกรธแค้นหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุ เขาดูจากบันทึกของน้องชาย ซึ่งเหลือเพียงรูปของโศรยาเพื่อนสนิท เพราะเผารูปของศันสนีย์หมดแล้ว หฤษฎ์ตามล่าจับตัวโศรยาซึ่งเขาคิดว่าคือศันสนีย์มา เพื่อลงโทษให้หายแค้น ด้วยความช่วยเหลือของนายใบ้คนสนิท โศรยาพยายามบอกว่าเธอไม่ได้ชื่อศันสนีย์แต่หฤษฎ์ไม่เชื่อ คิดว่าเธอกลัวจึงเปลี่ยนชื่อ หฤษฎ์พาโศรยาขึ้นรถมาถึงริมป่าละเมาะ

หฤษฎ์เดินวนรอบตัวโศรยาพลางมองหยามเหยียด

ฉลาดนี่ รักตัวกลัวตาย รีบบอกว่าไม่ได้ชื่อศันสนีย์ ใครๆ เขาก็รู้ทั้งซอยแหละ ว่าบ้านนั้นน่ะ มีลูกสาวคนเดียว หนุ่มๆ เข้าออกหัวกะไดไม่แห้ง รวมทั้งนายหริณ“

“แก แกรู้จักหริณด้วยเหรอ” “นี่ไง ถ้าไม่ได้ชื่อศันสนีย์ แล้วจะสนใจชื่อหริณทำไม”

หฤษฎ์เหวี่ยงโศรยาไปปะทะรถ

หยุดนะ

คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ผมหยุด“

ขอบอกอีกครั้งนะว่าฉันไม่ได้ชื่อศันสนีย์”

“งั้นก็จะบอกอีกครั้งหนึ่งนะว่า ไม่เชื่อ!! ไปอมพระมาสาบานก็ไม่เชื่อ”

“หริณเป็นเพื่อนฉัน” ??

เพื่อนประสาอะไรที่ไล่ให้เพื่อนไปตาย เพื่อนสนิท หรือว่าเพื่อนนอน?”

“หยุดนะ”?!! ผมไม่ใช่นายหริณ ที่จะให้คุณสั่งซ้ายหันขวาหัน รูปร่างหน้าตาก็งั้นๆ ถามจริง ทำเสน่ห์หมอไหน ผู้ชายถึงได้เชื่อฟังหัวปักหัวปำ”

พาฉันไปหาหริณเดี๋ยวนี้

“ทีแรกก็ว่าจะพาหรอก แต่ตอนนี้เกิดเปลี่ยนใจ จะขอ” หฤษฎ์มองโลมเลียทำท่าหื่น เขย่าขวัญสั่นประสาท “สักทีก่อน”

โศรยาตกใจ ตะโกนลั่นให้ช่วย แต่ร้องไม่ทันจบคำก็โดนฝ่ามือโตๆ ของหฤษฎ์ตะปบปาก ลากเข้าไปในพงหญ้า โศรยาดิ้น หฤษฎ์ลากโศรยามาที่รก

“ปล่อยนะ หริณไม่ปล่อยแกไว้แน่ ถ้านายทำอะไรฉัน”

“มั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะ จะบอกให้นะ ว่านายหริณมันไม่กล้าขัดใจพี่มันหรอก”

“พี่เหรอ? แก นายน่ะเหรอเป็นพี่หริณ”

ถ้าแกรู้จักหริณจริงๆ ไปถามเขาเลย ว่าฉันเป็นใคร”

หฤษฎ์ฉวยจังหวะที่โศรยาอึ้ง บีบข้อมือโศรยาสองข้างไขว้ไปข้างหลัง หน้าคนทั้งสองจึงแทบชนกัน

“อึ้งไปเลยสิ ไม่เคยรู้รึไง ว่าหริณมันมีพี่ชาย ที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้น้อง ใครหน้าไหนทำให้หริณเจ็บ มันต้องเจ็บยิ่งกว่า”

โศรยากัดฟันใจดีสู้เสือ “หริณอยู่ที่ไหน ฉันอยากพบหริณ ฉันมีอะไรหลายอย่างจะพูดกับเขา”หฤษฎ์ใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มโศรยาเล่น ข่มขวัญ

“อยากพบจริงๆ เหรอ” โศรยาพยักหน้า สลักแขนสองข้างที่เพิ่งได้รับอิสระอย่างเจ็บๆ

“หริณมันก็อยากพบคุณเหมือนกัน ศันสนีย์!”

“แต่ฉันไม่ใช่”

หฤษฎ์ขัดขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว

“ถ้าพูดอีกทีว่าไม่ใช่ศันสนีย์ ผมจะหั่นคุณเป็นชิ้นๆ หมกไว้ในป่านี่แหละ”

หฤษฎฺ์ตะคอกจนโศรยาต้องหุบปาก

จากนั้นโศรยาก็ถูกมัดมือปิดตาพาขึ้นรถไปไว้ที่กระท่อม

เวลาเดียวกันนี้ศันสนีย์ก็รับรู้จากเตยเด็กรับใช้ว่าโศรยายังไม่กลับทั้งที่เริ่มมืดแล้ว ทั้งที่ไม่รู้ว่าไปไหน ศันสนีย์ไม่ได้สนใจยังคงคุยกับธวัชชัยที่โทรมาชวนไปเป็นเลขา แต่เธอก็ปฏิเสธตำแหน่ง เธอยินยอมคบหาธวัชชัยเหนือคำว่าเพื่อนเพราะเห็นว่าธวัชชัยมีฐานะดี

เช้าวันใหม่ โศรยาตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในกระท่อมเก่าๆ เธอร้องขอความช่วยเหลือแต่ทุกอย่างก็เงียบ หฤษฎ์ว่ายน้ำกลับขึ้นมา ได้ยินเสียงก็หยุดยืนมองมาทางกระท่อม

เขาเห็นคือโศรยากระเสือกกระสนออกมา ปากร้องหาคนช่วย พลางก้มดึงเชือกมัดขาที่แกะปมออกแล้วเหลือชายยาวรุ่ยร่าย พยายามเดินกระโดดๆ ลงบันได พอถึงพื้นก็สะดุดล้มลง

หฤษฎ์เดินตรงไปยืนค้ำถามว่ารู้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน

โศรยาบอกว่าไม่มีป้ายบอก หฤษฎ์ฉุดดึงมือโศรยาขึ้นมา ลากพาเดินกลับกระท่อม

โศรยาฮึดฮัด“ไหนว่าจะพาฉันไปหาหริณ แล้วเอาฉันมามัดไว้ในบ้านนี่ทำไม”

“เรียกอะไรก็ช่าง แต่หริณไม่ได้อยู่ที่นี่ บอกมานะว่านายเป็นใคร”

“ก็บอกแล้วว่าเป็นพี่ของหริณ คนบ้านนอกที่คุณดูถูกว่ากระจอกนั่นแหละ”

โศรยาอึ้ง เพิ่งรู้ว่าพี่สาวพูดกับหริณอย่างนี้ หฤษฎ์ได้ทีสำทับ

“ยอมรับแล้วใช่มั้ย ว่าคุณคือศันสนีย์ของนายหริณ”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ นายจะเชื่อฉันมั้ยล่ะ”

“ไม่เชื่อ”

“งั้นก็ป่วยการที่จะสีซอ”

“คุณว่าผมเป็นควาย?!!”

“คนบ้านนอกอย่างนาย รู้จักคำพังเพยดีๆ ด้วยเหรอ”

“คุณจะเรียกฉันว่านังหมูนังหมาอะไรก็ได้ แต่ที่ฉันยอมมาด้วยเพราะอยากพบหริณ พาฉันไปพบเขาเดี๋ยวนี้”

หฤษฎ์ขัดใจกับเสียงออกคำสั่งก็จ้องโศรยาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

“ไม่!”“นายเป็นใครกันแน่“

มันจะมากไปแล้วนะ ศันสนีย์”?”

โศรยาพยายามดึงมือจากแรงจับที่แข็งอย่างกับคีมเหล็ก แต่หฤษฎ์ยิ่งบีบแน่นเข้า เขาจับโศรยาล่ามโซ่ข้อมือล็อคไว้กับแคร่

“ผมจะเป็นคนบอกเอง ว่าคุณเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร จำไว้นะ ผมไม่ใช่ผู้ชายที่คุณจะมาออกคำสั่งได้”

“ฉันขอร้องต่างหากล่ะ ได้โปรดเถอะ ฉันไม่รู้ว่านายจับฉันมาทำไม ถ้าคิดจะเรียกค่าไถ่ นายคิดผิดมหันต์เลย เพราะฉันไม่ได้ร่ำรวยหรือมีค่าพอที่ใครจะหาเงินมากๆ มาแลก”

“ฉันไม่ใช่นักโทษนะ”

“ผมไม่ได้ต้องการเงิน”

“ผมต้องการความยุติธรรม”

หฤษฎ์มองโศรยาอย่างเหยียดๆ ก่อนผละออกแล้วเดินไปทางประตู

“ความยุติธรรมอะไร ฉันไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรกับใคร ทำไมนายต้องจับตัวฉันมาอย่างนี้ หริณล่ะ หริณอยู่ที่ไหน ฉันอยากพบหริณ”

หฤษฎ์ชะงักฟังโดยไม่หันมาหาโศรยา แล้วเดินออกไปจากกระท่อม

ปล่อยให้โศรยานั่งฮึดฮัด ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรกับชีวิตนักหนา เธอคิดว่าหฤษฎ์เป็นคนบ้าจริงๆ ก็ชักกลัวขึ้นมา

ที่บ้านศันสนีย์ หญิงสาวกำลังหงุดหงิดที่อาหารไม่ถูกปาก เตยจึงบอกว่าโศรยายังไม่กลับมา แล้วเธอก็ออกไปถามคนรอบๆ บ้านแล้วไม่มีใครเห็นเลย พอดีสายสมรกับศุภฤกษ์ พ่อกับแม่ของศันสนีย์กลับจากต่างประเทศมาก็ถามหาโศรยา แต่ศันสนีย์เองก็ไม่รู้ว่าโศรยาหายไปไหน เธอโดนพ่อต่อว่าเล็กๆ จึงโพล่งไปว่าโศรยากลับไปหาแม่ที่บ้านสวนกลางวัน

โศรยาร้องโวยวายให้เอาตัวคล้ายแมงมุมยักษ์สีดำขนาดใหญ่ออกไปที นายใบ้ได้ยินก็รีบวิ่งมายืนมองที่ประตู พอเห็นสิ่งที่โศรยากลัวก็เข้าใจ นายใบ้ค่อยๆ เดินตรงเข้าหา

โศรยาได้ยินเสียงคนเดินก็หันขวับ เงยมองเห็นนายใบ้ กำลังก้มร่างใหญ่ๆ ลงมา หน้าระยะใกล้ของนายใบ้ทำให้ตกใจ นายใบ้เอื้อมมือตะปบพุงโศรยา โศรยาใจหายวาบร้องลั่น

หฤษฎ์เข้ามาก็ถามอย่างหงุดหงิดว่าอะไร โศรยาประสาทเสีย นายใบ้หันไปชูตัวบึ้งในมือให้หฤษฎ์ดู หฤษฎ์เข้าใจสถานการณ์ก็ยิ้มเยาะ

“ตัวบึ้ง!! ไม่รู้จักละสิ! ลาภปากสิแก” ใบ้ค้อมตัวเดินออกไป

“แล้วนายต้องการอะไรจากฉันกันแน่” โศรยามองตามทำท่าผะอืดผะอม แหวะ ขนลุก

”พวกนายกินตัวไอ้นี่ด้วยเหรอ อี๋ย์ แหวะ”

มันก็เหมือนที่เวลาพวกคุณกินหมูหันนั่นแหละ ศพเบ้อเร่อยังกินเข้าไปได้”

“จะไม่เหมือนกันยังไง เอาเข้าทางปาก เอาออกทางก้นเหมือนกันนั่นแหละ ทำเป็นขยะแขยง เดี๋ยวจะไปจับมาปล่อยทิ้งไว้ในห้องนี่สักสิบยี่สิบตัว”

“มันไม่เหมือนกัน” “จะบ้าเหรอ?!”

“เอ๊า จุดอ่อนคู่ต่อสู้ เมื่อรู้ก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์”

“ฉันเนี่ยเหรอ คู่ต่อสู้นาย แมนมากเลยนะ ที่เอาผู้หญิงมามัดไว้อย่างเนี้ย เล่าให้เพื่อนฝูงพ่อแม่ลูกหลานฟัง คงภูมิใจกันน่าดู”

“คงไม่ภูมิใจเท่าการได้หลอกปั่นหัวผู้ชายเล่น!”

“ใครหลอก ใครปั่น ถ้านายหมายถึงหริณละก็ ฉันไม่ได้หลอกอะไรเขา ไม่เชื่อนายไปตามเขามาคุยกับฉันเลยดีกว่า หริณเขารู้มั้ย ว่านายจับฉันมา

““รู้”

“รู้“

เขาคงไม่อยากเห็นหน้า”

“ไม่จริง หริณไม่มีเรื่องโกรธเคืองอะไรกับฉัน”

“แน่ใจเหรอ” หฤษฎ์ไม่ทันตอบ

นายใบ้ถือไม้กวาดและถังน้ำเข้ามา หฤษฎ์กับโศรยาหันไปมอง หฤษฎ์พยักหน้ากับนายใบ้ นายใบ้ก้มหน้าถือของเข้ามาวางข้างแคร่

“จะทำอะไร”“รู

ม เซอร์วิส เขาคงเห็นว่ามันรกมั้ง เดี๋ยวจะอยู่ไม่ได้”

“หมายความว่ายังไง” หฤษฎ์ตรงเข้าไปไปไขกุญแจที่คล้องโซ่เส้นเล็กกับแคร่ โศรยามองแอบดีใจ พอปลดโซ่ออกได้ หฤษฎ์ก็กระตุกลากโศรยาออกไปจากกระท่อม เธอถามว่าจะพาไปไหน หฤษฎ์ก็ไม่ตอบ จูงเธอออกไป

“ฉันถามว่าจะพาฉันไปไหน”

“ออกกำลัง”

“นายสติดีรึเปล่า”

หฤษฎ์ไม่ตอบ แต่หันมาทำหน้าหื่นใส่ โศรยาตกใจ

“หริณมันหัวอ่อน รักใครก็ถวายชีวิต”

“นายยังคิดว่าฉันเป็นคนรักของหริณอีกเหรอ”

“ใครมันทำน้องผม ผมจะทำให้เจ็บยิ่งกว่า”

“สมมตินะ ว่านายจับฉันมาผิดตัว นายจะทำยังไง”

“ผมไม่โง่ปล่อยคุณไปง่ายๆ เพราะเรื่องสมมติบ้าๆ นั่นหรอก หรือสมมติว่าผมจับมาผิดคน ผมก็จะหมกคุณไว้ที่นี่ แล้วไปตามล่าดูทุกที่ ว่ามีคนหน้าตาแบบนี้อยู่ที่ไหนอีกรึเปล่า แล้วก็จับมาใหม่ พอใจมั้ย”

“นายพูดจริงหรือพูดเล่น”

“เสียงผมเหมือนพูดเล่นมั้ย”

“แปลว่า ยังไงคุณก็ไม่ปล่อยฉัน”

“อย่าพยายามหลอกล่อเลย ศันสนีย์ จำไว้นะ ที่นี่ผมเป็นเจ้าชีวิตคุณ เมื่อผมพิพากษาแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์”

“ศาลเตี้ย”

“ใช่ และตรงนี้คือลานประหาร”

หฤษฎ์หยุดเดิน กระชากให้ศันสนีย์หยุด ดึงตัวมาใกล้ จับไหล่สองข้างจากด้านหลัง ผลักให้เดินนำออกไปพ้นแนวไม้ชายป่า โศรยาอ้าปากค้าง เพิ่งรู้ว่าที่นี่คือริมทะเล

ตรงหน้าคือสะพานไม้ทอดออกไปสู่ท่าเรือเล็กๆ ที่ขณะนี้ไม่มีเรือสักลำโศรยาถูกหฤษฎ์จับมัดอีกครั้งกับเสาสะพาน เท้าที่เหยียบทรายพยายามเตะ ดิ้น แต่หฤษฎ์อยู่ด้านหลังเสา โศรยาเตะไม่โดน

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”

“ร้องไป มีแรงเท่าไหร่ร้องไป”

“ฉันจะกลับบ้าน ได้โปรดเถอะ ให้ฉันกลับบ้าน นายอยากได้อะไรฉันจะให้”

“เมื่อกี้ยังบอกว่าที่บ้านไม่มีเงินทองจะมาไถ่ตัว ตอนนี้เปลี่ยนคำพูดกลับขาวเป็นดำ ผู้หญิงปากพล่อยปลิ้นปล้อนแบบนี้ นายหริณมันโง่มารักได้ยังไง”

“ก็ถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่น้องชายนายรัก นายก็ไม่ควรทำอย่างนี้ ช่วยด้วย น้ำ น้ำมา” โศรยาเต้นเร่า

“เป็นโรคกลัวน้ำรึไง ดี ให้น้ำเค็มมันชะเนื้อตัวโสโครกให้สะอาดขึ้น แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน

ถ้าผมมาช้าหน่อยก็อย่ารีบจมน้ำตายซะก่อนนะ บังเอิญช่วงนี้น้ำขึ้นเร็วสะด้วย”หฤษฎ์หัวเราะเยาะโศรยาที่ยืนหน้าซีด มองน้ำที่ซัดเท้าอย่างหวั่นๆ ก่อนจะเดินกลับไปทางฝั่ง

“นายจะไปไหน อย่าทิ้งชั้นไว้อย่างนี้ ได้โปรด กลับมานะ ทำไมทำอย่างนี้”

โศรยาตะโกนเท่าไหร่ หฤษฎ์ก็ดุ่มเดินหน้าเครียด ไม่หันกลับมามอง หฤษฎ์ไปสั่งให้นายใบ้คอยเฝ้าโศรยาไว้ เขาจะกลับไปทำงานสักครู่

โศรยายืนแช่น้ำอย่างหวาดกลัว มองไปรอบๆ เงียบ ไม่มีคน เธอนึกถึงแม่แล้วก็หลับตปี๋ นึกถึงตอนที่เธอจะจมน้ำที่ริมสระบัว แต่ศันสนีย์มาช่วยไว้ได้ทัน ขณะที่น้ำทะเลขึ้นสูงเหนือเอว โศรยาร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว

“คุณพี่ขา ถ้าการรับโทษจากคนบ้า มันช่วยทดแทนบุญคุณคุณพี่ได้ โศก็ยอมค่ะ โศยอมทุกอย่าง แม่ขา หนูคิดถึงแม่”

โศรยาแหงนหน้ามองฟ้า แดดยามเย็นสาดแสง นัยน์ตาโศรยาพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำกว่าหฤษฏ์จะมาปล่อยโศรยา น้ำทะเลก็ขึ้นมาสูงมากแล้ว หฤษฎ์เดินช้าๆ ลุยน้ำเข้าไปหา โศรยาหันมาเห็นก็ดีใจ แต่ยังกัดฟันฮึดจ้องอย่างโกรธๆ

“ขอโทษทีนะ ลืมไปว่าช่วงนี้น้ำทะเลขึ้นเร็ว”

“เก็บคำขอโทษของนายไว้ในปากเน่าๆ นั่น แล้วแกะฉันออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย ไอ้คนบ้า” น้ำที่ขึ้นมาถึงอก ซัดเข้าหน้า จนโศรยาสำลัก หฤษฎ์จ้องหน้าโศรยาอย่างถือไพ่เหนือกว่า แล้วหันหลังกลับ

“เดี๋ยวก่อน!! กลับมาแก้มัดพาฉันขึ้นไปด้วย ได้โปรด ฉัน ยังไม่อยากตาย”หฤษฎ์ชะงัก หันกลับไปหาโศรยา

“แค่นี้แหละ!”

หฤษฎ์ลุยน้ำไปแกะโศรยาออก พอหลุดจากพันธนาการ โศรยาก็ทุบหฤษฎ์เข้าที่ไหล่ แล้วตัวเองก็ถลาจะล้มลงในน้ำเพราะขาอ่อนแรง หฤษฎ์ฉวยมือไว้ทั้งสองข้าง ลากถูลู่ถูกังเข้าฝั่ง พอหฤษฎ์ปล่อยมือ โศรยาก็ล้มลง หฤษฎ์ยืนมอง แล้วเดินไปคว้าผ้าห่มจากมือนายใบ้มาโยนใส่

“ถ้าไม่อยากเป็นปอดบวมตาย ก็ห่มไว้ แล้วตามมา”โศรยาลุกขึ้นทุลักทุเล ลากผ้าขึ้นมาปิดตัวซับหน้า หฤษฎ์สบตานายใบ้ นายใบ้รีบวิ่งนำหน้าไปทางกระท่อม โศรยาเดินช้า หฤษฎ์เดินไปคว้าแขนกึ่งจูงกึ่งลากให้เดินมาด้วยกัน พอถึงหน้ากระท่อมหฤษฎ์โยนโศรยาที่ห่อผ้าเป็นมัมมี่โครมลงที่เตียง

“โอ๊ย เจ็บนะ”

“มีแรงนี่ แต่ทำเป็นล้มแข้งขาอ่อน มารยาแบบนี้ ได้มากี่คนแล้วล่ะ”

“ทุเรศ! ฉันอยากรู้นักว่านายเอาฉันไปมัดทรมานไว้ เพื่ออะไร”

“เพื่อให้คนอย่างคุณได้มีโอกาสเฉียดเข้าใกล้ความตายบ้างไงล่ะ เป็นไง สนุกดีมั้ย นี่แค่บทเริ่มต้นเท่านั้น”

“เริ่มต้นบ้าบออะไร” หฤษฎ์ไม่ตอบ เดินไปหยิบขวดน้ำที่วางไว้บนโต๊ะหลายขวดขึ้นเปิดดื่ม มองหน้าโศรยา

“กินได้นะ น้ำเนี่ย ผมไม่นิยมวางยา”

โศรยาขยับลุกขึ้นจากเตียง หฤษฎ์หันขวับไปประชิดตัวจนโศรยากระเด็นล้มลงไปใหม่ เธอตกใจ หฤษฎ์ก้มมอง เขี่ยผ้าที่คลุมตัวแล้วแหวกดึง ทำท่ามองทะลุเข้าไปในเสื้อ โศรยาขยะแขยง

“ไม่ต้องทำท่าขยะแขยงผม ผมต่างหากที่ต้องขยะแขยงคุณ เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้ง เดี๋ยวขี้เกลือขึ้น วันนี้ยังไม่มีน้ำให้อาบ”

โศรยามีปฏิกิริยากับคำพูดเรื่องไม่มีน้ำ พาลจะคันขึ้นมา แม้เปลี้ยก็ฝืนทนปัดเนื้อตัว นายใบ้ถือถาดวางแก้วนมเข้ามา หฤษฎ์ผละออกหันมอง

“แต่โชคดี มีของให้กิน หิวมั้ยล่ะ ตั้งแต่มายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”

“ไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน ผมยังไม่อยากให้คุณตายเร็ว นมแพะอุ่นๆ ไปได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

หฤษฎ์บอกนายใบ้ ใบ้ออกไป หฤษฎ์หันกลับมาจ่อแก้วนมที่ปากโศรยา

“ไม่”

“กินเข้าไป!”

หฤษฎ์จ้องหน้าขู่บังคับโศรยาดื่มนมในแก้วจนหมด โศรยาแทบสำลัก หฤษฎ์ยิ้มสะใจ มองแก้วนมเปล่า ขณะโศรยาปาดหลังมือและผ้าห่ม เช็ดปากอย่างขัดใจ

“นายเป็นใครกันแน่ ไอ้คนโรคจิต !” หฤษฎ์หัวเราะลั่น เดินออกไปจากห้อง ปล่อยโศรยาลงนั่งทรุดบนเตียง กุมหัวกลุ้มใจชะตากรรม

.............................

จำเลยรัก ตอนที่ 2

เช้าวันใหม่ พอนายใบ้เอาอาหารมาให้ โศรยาไม่ยอมทานแล้วปัดข้าวของไปที่นายใบ้ ก่อนจะผลักนายใบ้แล้ววิ่งหนีแต่นายใบ้ตามไปจับตัวไว้ได้ โศรยาถูกมัดไว้ หฤษฎ์มาเห็นก็โมโหถามขึ้น

“ศันสนีย์! คุณทำอะไรคนของผม ใบ้ แม่นี่ทำอะไรแก?”

“อ้อ ชื่อใบ้ พูดไม่ได้จริงๆ น่ะเหรอ” โศรยาถาม

“ใช่! เขาพูดไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าเจ็บไม่เป็น ฝีมือคุณใช่มั้ย ศันสนีย์” โศรยาไม่ตอบ “ถามหน่อยเถอะ คุณทำร้ายทุกคนที่เขาดีกับคุณอย่างนี้ใช่มั้ย”

“แบบนี้น่ะเหรอ เรียกว่าทำดีกับฉัน” โศรยากระแทกตัวให้เห็นชัดๆ ว่าโดนมัด

หฤษฎ์ตะคอก “แค่นี้ก็ดีเกินไปแล้ว สำหรับผู้หญิงร้ายกาจอย่างคุณ นางสาวศันสนีย์ ศุภอรรถ ใบ้มันจัดห้องหับให้อยู่ ขุดส้วมหลุมให้ใช้ หาข้าวให้กิน ไม่รู้จักบุญคุณคน”

“ฉันเนี่ยเหรอไม่รู้บุญคุณคน

“หมายความว่ายังไง?!!

ถ้าฉันเป็นคนไม่รู้บุญคุณคน ฉันไม่ยอมรับสภาพที่นายยัดเยียดให้หรอก”?”

“ไม่ต้องมาสนใจ เอาเลย อยากจะฆ่าจะแกงกันยังไงก็เชิญ”

“ปากเก่งนักนะ” หฤษฎ์มองเยาะเย้ย สายตาดุน่ากลัว ก้มลงมาจนชิด

โศรยาเบี่ยงตัวหนี หฤษฎ์กุมมือกดแน่นกับไหล่ข้างหนึ่งของโศรยา “ท้าใช่มั้ย ?”

หฤษฎ์มันเขี้ยวซุกหน้าลงเข้าไปใกล้ ทำเหมือนจะไซ้เข้าไปถึงซอกคอ ปัดผมโศรยาเปิดออก โศรยาหลับตาปี๋ก้มหลบสุดองศาที่จะทำได้

หฤษฎ์ระปลายจมูกแกล้งไล่เรื่อยจากปลายผมขึ้นถึงแก้มแล้วเริ่มจะซุกไซ้ โศรยารังเกียจจนตัวสั่น อยากจะกลั้นใจตาย ขยะแขยงจนร้องกรี๊ดออกมา หฤษฎ์หยุดกึก ผลักไหล่โศรยาเก้าอี้แทบกระเด็น หัวเราะเยาะสะใจ

โศรยาพูดไม่ออก เมื่อพยายามตีความคำพูดหยาบคายของหฤษฎ์ มองหฤษฎ์อย่างแค้นใจ หฤษฎ์ถอยออก หัวเราะเยาะอีกครั้ง ชี้นิ้วใส่หน้าโศรยา

“ถ้าแผลงฤทธิ์อีก ผมจะให้ไอ้ใบ้เอาไปผูกไว้ที่ท่าเรืออีก ยกไปปักทรายไว้ทั้งเก้าอี้นี่แหละ จะได้นั่งลอยคอแช่น้ำตากแดดจนยันพระอาทิตย์ตกเลยไม่เชื่อจะลองก็ได้นะ”

หฤษฎ์เดินออก โศรยากำมือแน่นด้วยความแค้นใจ

ช่วงกลางวัน หฤษฎ์เข้ามาแกะผ้าออกให้โศรยา เธอรีบดึงมือออก ฮึดฮัดกระชากรื้อผ้าที่พันหลายทบให้คลายออกไปพ้นๆ ตัว แล้วลุกยืน หฤษฎ์กดไว้

“จะไปไหน”

“ฉันจะไปไหนได้ นายพูดเองว่าที่นี่เป็นถิ่นนาย ฉันแค่อยากลุกจากเก้าอี้นักโทษบ้าๆ นี่เท่านั้นแหละ”

“หิวละสิ”

โศรยามองถาดอาหาร “ไม่กิน!! นายก็อยากให้ฉันตายอยู่แล้วนี่”

“ใครว่า ถ้าอยากให้ตายง่ายๆ ผมไม่ลากคุณมาถึงที่นี่หรอก”

“นายบอกว่าที่นี่เป็นเกาะ อยู่ทางใต้ ใช่มั้ย”

“แค่มีสะตอ มีแกงเหลือง มีลูกเนียง ก็คิดว่าอยู่ภาคใต้เหรอ”

หฤษฎ์ลุกไปหยิบจานอาหารมาล่อตรงจมูก โศรยายกมือจะปัด หฤษฎ์ถลึงตาใส่

“อย่านะ!! ถ้าคุณปัดข้าวหกอีกที ผมตบคุณแน่ ผมรู้นะว่าคุณหิว เอางี้ เรามาเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกัน ถ้าคุณทายถูกภายในยี่สิบคำถาม ผมจะให้คุณกิน”

“ฉันไม่เล่น”

“ไม่อยากรู้เหรอ ว่าที่นี่ที่ไหน”

“ฉันรู้แล้วน่า ว่าเป็นเกาะ”

“ถูกต้อง

“ภาคใต้แหงอยู่แล้วละ”

“ถูกต้องอีกแล้ว แหม เก่งจริง สองข้อแล้ว ง่ายจะตาย คุณน่ะฉลาดนะ” โศรยาขยับจะพูดอะไร หฤษฎ์ขัดขึ้นก่อน “เดี๋ยว ลืมกติกาสำคัญ”

“อะไรอีกล่ะ”

“ไม่

“ถ้าผิดเมื่อไหร่ คุณจะต้องถอดผ้าทีละชิ้น”!

กติกาอุบาทว์!”

“ทุเรศ กติกาทุเรศ ไอ้บ้ากาม”

“จะด่ายังไงก็ได้ แต่ต้องทำตามกติกาของผม”

“ไม่”

นึกว่าพิศวาสนักเหรอ ผู้หญิงแบบคุณ ผมเจอมานักต่อนักแล้ว ดัดจริตทำเป็นไม่เคย เชอะ กลัวเหรอ จริงๆ น่ะใจสั่นริกๆ กลัวปล่อย!”

“แก แกถือดีอะไรมาดูถูกฉัน”

“แล้วถูกมั้ยล่ะ?!”

“ถ้าแกทำอะไรฉัน แกจะเสียใจ” ?? โอ๊ย ไม่ต้องถ่อมตัวขนาดนั้นหรอก” หฤษฏ์มองโศรยาทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างโลมเลียแกมหยามหยัน “ไว้ทำจริงๆ ก่อน ผมถึงจะรู้ ว่าเสียใจ รึว่า เฉยๆ งั้นๆ” ! เห็นมั้ย 1 ข้อแล้ว”

“จะเล่นอย่างมีกติกานี้ หรือว่าอยากจะโดนถอดผ้าโดยไม่มีกติกาอะไร?”

หฤษฎ์กระเถิบเข้าใกล้โศรยา เอื้อมมือแตะชายเสื้อเป็นการคุกคาม

“อย่านะ! ฉันจะ ฉันจะทาย ไอ้บ้าเอ๊ย เกาะเนี้ย อยู่ในอ่าวไทยใช่มั้ย”

“ผิด!” หฤษฎ์เงื้อมือสูงกระตุกผ้าโพกผมโศรยาออก โศรยาสะบัดหน้าหงาย “ชิ้นที่หนึ่ง สามคำถามแล้ว ว่าต่อเลย เร็ว” ?”

“ถูก เก่งนี่ ภาคใต้ ถ้าไม่ใช่อ่าวไทยก็ต้องอันดามัน แต่คุณใช้คำถามไปสี่ข้อแล้วนะ ชิ้นต่อไป น่าจะเป็นเสื้อตัวนี้แหละ”

“อย่านะ ไอ้คนลามก นี่ถ้าหริณรู้ว่าฉันโดนนายทำแบบนี้ เขาต้อง”

หฤษฎ์สวนทันควัน “หริณรู้ทุกอย่างที่ผมทำ”

“ฉันไม่เชื่อ หริณไม่ใช่คนหยาบ กักขฬะ ลามกจกเปรตอย่างนาย”

“โอ๊ย ผมยังไม่ได้ปล้ำคุณสักหน่อยเลย หรือว่ารำคาญอยากให้ปล้ำทำอะไรๆ สักที มัวเล่นเกมส์อยู่ได้ ไม่ทันใจ ใช่มั้ย งั้นเริ่มดีกว่า มา”

หฤษฎ์จับต้นแขนโศรยาดันไปจนชนผนัง โศรยาร้องลั่นโวยวายให้ปล่อย หฤษฎ์กำลังจู่โจมเมามัน ใบ้เข้ามา หฤษฎ์รู้สึกว่ามีคนมาข้างหลังก็หยุดกึก หันมอง

“มีอะไร?”

ใบ้ทำท่าทำทางชี้บอกไปทางท่าเรือไกลๆ หฤษฎ์รับรู้ หันมามองกำราบสะใจใส่โศรยา ก่อนผละออกไป โศรยาหอบเหนื่อยมองตามโกรธๆ

ระหว่างที่หฤษฎ์ไปรับของจากกวิน พร้อมสั่งงาน โศรยาก็แอบถามนายใบ้ โดยให้เขาพยักหน้ากับส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอถามว่าหฤษฎ์ทำงานสุจริตหรือไม่ นายใบ้พยักหน้า แต่พอโศรยาถามว่าหรินอยู่ที่นี่รึเปล่า นายใบ้ไม่ตอบแต่กลับมองไปเห็นงู จึงใช้ขวานกว้างไปปักฉึกที่คองู โศรยาถึงกับช็อคไป พอหันไปเห็นงูก็ร้องว้ายถลาพรวดออกห่าง ก่อนจะหันมาหาใบ้อย่างโกรธๆ โวยลั่นที่ไม่ยอมบอกเธอก่อน นายใบ้รำคาญจึงหันมารวบข้อมือโศรยา พอดีหฤษฎ์เดินถือกระเป๋าผ้ามา ยืนมองโศรยาออกฤทธิ์หยิกตีใบ้

“ฤทธิ์เยอะอีกแล้วเหรอ ศันสนีย์”

โศรยาหยุดมือ ใบ้มองนายแล้วหยุดเดิน หฤษฎ์ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ใบ้ปล่อย โศรยาสะบัด กระฟัดกระเฟียด มองตาขวางใส่ทั้งนายทั้งบ่าว หฤษฎ์จับแขนโศรยาพาลากเข้าห้อง ผลักกระเด็น

“ทีหลังอย่าออกงิ้วออกลายกับไอ้ใบ้มากนัก ยังไงมันก็ผู้ชาย โดนมันปล้ำทำเมียแล้วจะรู้สึก” หฤษฎ์โยนกระเป๋าผ้าลง “เอ้า! เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ไม่ต้องตามแฟชั่นนักหรอก เพราะไม่ต้องไปโชว์รูปร่างยั่วใคร”

โศรยามองกระเป๋าอย่างเหยียดๆ “ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะ ถ้าอยากเน่าทั้งนอกทั้งใน เมื่อกี้เห็นรึเปล่า ว่านายใบ้มันหาบน้ำมาให้ใช้น่ะ”

“จะให้ไปไหว้ขอบคุณมั้ยล่ะ”

“ทำได้ก็ดี” หฤษฎ์เดินตรงไปที่กระเป๋า รูดซิปเปิดออก ดึงผ้าซิ่นและผ้าขนหนูออกมา โยนใส่โศรยา “ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ตอนเนี้ยนะ?”

“ก็ตอนนี้ละสิ ผมจะได้ดูด้วย”

โศรยาตาเขียวใส่ “ลามก!”

หฤษฎ์รำคาญ รวบผ้าซิ่นและผ้าขนหนูยัดใส่มือโศรยา ลากชายเสื้อโศรยาให้เดินออกไป

หฤษฎ์ไปเฝ้าโศรยาอาบน้ำและแต่งตัว ทั้งนี้ยังเอาเสื้อผ้าชุดเก่าของโศรยากลับไปด้วย

โศรยาในชุดเสื้อแบบเรียบกับซิ่นลายชาวบ้าน ยืนขยี้เช็ดผมอย่างหงุดหงิด เหวี่ยงผ้าขนหนูลงเตียงด้วยความโมโหหฤษฎ์ เธอฮึดฮัดเดินไปยืนริมระเบียง มองออกไปเจอแต่ต้นไม้ชายป่า กระรอกพวงชมพูวิ่งผ่านกิ่งไม้ โศรยามองตามเอะใจ คิดถึงหริณเพราะเธอเคยเห็นหรินพาพวงชมพูไปที่มหาวิทยาลัย

“กระรอกของนายหริณมันชอบวิ่งอยู่แถวนั้นแหละ” โศรยาหันมาฉงน “ชื่อพวงชมพู คุ้นๆ มั้ย”

“คุ้น เขาเคยเอาไปที่มหาวิทยาลัย”

“แต่คุณไม่ชอบ”

“เหรอ”

“ไม่ต้องมาย้อน หริณเอามันมาให้ใบ้เลี้ยง สัตว์ป่าก็เหมาะจะอยู่ป่า”

“คุณล่ะ เป็นคนป่ารึเปล่า ถึงได้ไปลากฉันมาแบบนี้ คุณคิดว่ากฎหมายบ้านเมืองมาไม่ถึงที่นี่รึไง”

“ผมไม่สนใจกฎหมาย ที่นี่ผมมีกฎของผม”

“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าหริณมีพี่ชายแบบนาย ต่างกันราวฟ้ากับเหว”

“งั้น เหรอออ”

โศรยาหันขวับ “ฉันพูดผิดน่ะ อย่างนาย ไม่ใช่เหวหรอก นรกต่างหาก”

หฤษฎ์หัวเราะ ทั้งขำคำเปรียบเทียบ และสะใจที่ได้เยาะเย้ย

“เปรียบเทียบได้ดีนี่ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอก ว่านรกจริงๆ เป็นยังไง จนกว่าจะได้เจอของจริง”

“นายจะกักขังฉันไว้บนเกาะบ้านี่อีกนานแค่ไหน”

“จนกว่าผมจะทรมานคุณสาแก่ใจ หรือไม่ก็จนกว่าคุณจะทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายไปสะ”

หฤษฎ์จ้องหน้าเยาะเย้ยแล้วหมุนตัวกลับไป โศรยายืนมองแล้วยอมไม่ได้ เดินตามติด หฤษฎ์เดินมาก้มหยิบไม้ กวัดไกวนำทาง เดินดุ่ม โศรยาเร่งฝีเท้าตามมา

“คนอย่างฉันไม่มีวันจะฆ่าตัวตาย”

“ผมจะคอยดู”

“นายจะทรมานฉันด้วยวิธีไหน ฉันก็ไม่ยอมแพ้ เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

หฤษฎ์หันกลับมา โยนไม้ทิ้ง “ความผิดของคุณ มากเกินกว่าจะชดใช้ได้ด้วยการตายเพียงครั้งเดียว”

หฤษฎ์จับข้อมือสองข้างของโศรยารวบไว้แน่น ขมขู่ “เพราะฉะนั้น คุณต้องเป็นนักโทษของผมไปอีกนาน ศันสนีย์”

“ตลกสิ้นดีเลย นายกับฉันไม่เคยรู้จักกันสักนิด แม้แต่ชื่อนาย ฉันก็ยังไม่รู้ อยู่ๆ นายก็จับฉันมาเป็นนักโทษ”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักผมหรอก ผมรู้จักคุณก็พอแล้ว”

“ฉันอยากเจอหริณ”

“คุณจะไม่มีวันได้เจอ จนกว่าคุณจะสำนึกผิดในสิ่งที่คุณทำไว้กับเขา”

โศรยาเซ็ง คร้านที่จะโต้แย้ง คิดว่าคงต้องปล่อยไปตามยถากรรม หฤษฎ์กระชากโศรยาโดยแรงให้ตามเขาไปที่เล้าไก่ สั่งให้โศรยาเก็บไข่ไก่

“นั่นแหละ ถ้าไม่อยากอดตาย ก็เดินมาขอนังพวกนี้เอง มันคงมีให้หรอกวันละฟองสองฟองน่ะ”

โศรยามองหน้าหฤษฎ์แล้วก้มมองไข่ไก่สองฟองในมือ หิวจะแย่

หน้ากระท่อม นายใบ้ยกหม้อข้าวใบเล็กๆ ที่ดงเสร็จลงจากเตา พอดีกับที่หฤษฎ์เดินคุมโศรยากลับมา ใบ้เงยมอง

“ไปได้แล้วใบ้ ไปทำงานอื่น เดี๋ยวนักโทษเดนตายของฉันจะจัดการต่อเอง”

โศรยาตาขวางมองหฤษฎ์ ไม่ชอบคำว่านักโทษ ใบ้เดินไปหฤษฎ์เดินไปนั่งสบายที่เปล มองดูโศรยาเตรียมจัดการกับไข่สองฟองในมือ

“มีปัญญาทำอะไรกินเองได้มั่งล่ะ”

โศรยาเดินไปรื้อกองภาชนะที่สุมๆ ได้กระทะดำๆ 1 ใบ ยกมาตั้งบนเตาที่ถ่านฟืนยังแดงอยู่ แต่ไม่มีน้ำมัน หฤษฎ์ยักไหล่หลับตาไม่สนใจ เธอจำใช้น้ำแทน เป็นไข่ดาวในน้ำ

หฤษฎ์นอนแกว่งเปลเล่นอยู่ด้านหนึ่งมาถึงโต๊ะหน้ากระท่อม โศรยาตักข้าวกับไข่ดาวคำสุดท้ายเข้าปาก บนโต๊ะมีหม้อข้าวใบเล็กเปิดฝา ข้าวจวนหมดหม้อ มีขวดน้ำปลาเล็กๆ ขวดหนึ่ง หฤษฎ์ลุกเดินมามอง

“ทำกินเองได้อย่างนี้ก็ดี คนของผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาบริการ”

“ฉันไม่ได้ร้องขอ นายจับฉันมาเอง”

“อยู่ด้วยกันนานๆ แล้วกัน อย่าเพิ่งรีบตาย”

“ถ้าฉันตาย นายจะบอกหริณว่ายังไง”

“ถ้าคุณตาย อย่างมากที่ผมต้องทำก็แค่เอาศพไปทิ้งทะเล”

“งั้นก็อย่าหวัง ว่าฉันจะไม่หนี”

“พูดอย่างนี้ อยากโดนล่ามโซ่ใช่มั้ย”

“อยากล่ามก็ล่าม ศาลเตี้ยของนาย ฉันคงไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์อ้อนวอนอะไร”

“รู้ก็ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากโดนล่ามเป็นวัวเป็นควาย ก็อย่ายั่วโมโหผม อิ่มแล้วใช่มั้ย จะได้ไปทำงาน”

“จะไปทำอะไรก็ไป ไม่ต้องมาบอกฉันหรอก”

“ผมหมายถึงคุณนั่นแหละ ต้องไปทำงาน

โศรยาถอนใจคิดถึงอดีต หันเดินกลับจากระเบียงเข้ามาในกระท่อม เห็นว่ามีตะกร้าผลไม้เล็กๆ วางอยู่ที่โต๊ะ โศรยาเดินทั่วมองหาที่มา มองไปด้านล่าง เห็นนายใบ้นั่งตอกตาข่ายติดบานประตูเล็กๆ โศรยาหยิบชมพู่ในตะกว้ามาดมๆ ก่อนจะเช็ดกับเสื้อแทะกินด้วยความหิว

“หาอะไร”

เช้าวันใหม่ โศรยาถือชมพู่ ยืนแหงนมองต้นไม้ มองชะเง้อหากระรอก หฤษฎ์เดินมายืนมองข้างหลัง!”

โศรยามองหน้าหฤษฎ์อย่างฉงน หฤษฎ์สั่งให้โศรยาถางหญ้า เพื่อทำแปลงผักไว้กินเอง

......................................


จำเลยรัก ตอนที่ 3

ศันสนีย์พูดถึงธวัชชัยให้พ่อกับแม่ฟังบ่อยๆ จนทั้งสองอยากเจอหน้า สายสมรบอกให้ลูกสาวพามาแนะนำให้รู้จักบ้าง และวันนี้ศันสนีย์ก็ไปที่ออฟฟิศหรูของธวัชชัย หญิงสาวบอกเรื่องที่พ่อกับแม่เธออยากพบ ธวัชชัยเองก็อยากพบท่านทั้งสอง ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกันชนิดาก็เข้ามาเชิญธวัชชัยประชุม ชายหนุ่มหันมาเชิญศันสนีย์ประชุมด้วย ชนิดายิ้มให้ศันสนีย์ ทั้งที่ลึกๆ ในใจซ่อนความรู้สึกดูหมิ่นไว้ ธวัชชัยยังชวนศันสนีย์มาเป็นบ.ก.หนังสือที่เขาจะทำ แต่ศันสนีย์เล่นตัวว่าขอคิดดูก่อน ชนิดาบอกว่าถ้าช้าเธอจะยึด ทำให้ศันสนีย์ตอบรับทันที

โศรยาจัดการดายหญ้าเสร็จ เธอเดินสลัดผมขยี้สะบัดเศษดินเศษทรายพลางบ่น หฤษฎ์เข้ามากระชากแขนโศรยา

“นึกว่าดายหญ้าเหนื่อยจะหมดแรงที่แท้ก็ยังปากเก่งคุณยังอยู่ในฐานะนักโทษนะอย่าลืม”

“ถ้าไม่อยากได้ยินคำด่าอาฆาตจากฉัน ก็ปิดปากฉันไว้สิ”

“ท้าเหรอ ศันสนีย์”

โศรยายิ้มเซ็งๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนความเข้าใจเรื่องชื่อได้ “นายจะคิดยังไงก็ได้ ไอ้โรคจิต”

“คำก็บ้า สองคำก็โรคจิต อยากรู้นักว่าจะสรรหาสรรพนามอะไรมาเรียกผมได้อีก”

“ฉันหาคำเลวๆ เรียกนายได้อีกเป็นร้อย เพราะไม่ว่าคำไหน ก็ใช้แทนชื่อนายได้ทั้งนั้น”

“อ้อ พูดอย่างนี้ อยากรู้จักชื่อผมละสิ” หฤษฎ์ผลักโศรยาลงกระแทกเก้าอี้แล้วยืนคร่อม “ปกติคุณเรียกผู้ชายของคุณว่ายังไงบ้างล่ะ ผมอนุญาตให้คุณเรียกอย่างที่เคยปาก ที่รัก หวานใจ เบบี๊ หรือว่า ผัวขา”

โศรยากรี๊ดแล้วตบหน้าหฤษฎ์ฉาดใหญ่ หฤษฎ์สะบัดหน้ากลับมา เงื้อจะตบโศรยา เธอหลับตาปี๋เตรียมรับ หฤษฎ์ค้างไว้แค่นั้น แล้วบีบคอโศรยาแหงนสบตากร้าว

“คิดว่าตบแล้วจะโดนจูบแบบในละครน้ำเน่าโบราณเหรอ ผมไม่รับเดนนายหริณตอนนี้หรอก อดอยากไปก่อนนะ ศันสนีย์”

หฤษฎ์กระแทกไหล่โศรยาแรงๆ แล้วผละออก โศรยาโกรธจนพูดไม่ออก

ยามเย็นใกล้ค่ำ ตะเกียงเจ้าพายุติดแล้ว หฤษฎ์นั่งแทะกินเนื้อย่างกับข้าวท่าทางอร่อย โศรยาเดินเช็ดผมออกมาจากด้านในยืนมอง หฤษฎ์บุ้ยพยักหน้าเรียก

“จะกินรึเปล่า ข้าวน่ะ หรือว่าซัดน้ำหมดโอ่ง อิ่มแล้ว”

โศรยาหน้างอลงนั่ง “อะไร”

“จะกินก็กิน ไม่ต้องถาม อภินันทนาการจากนายใบ้ มันอุตส่าห์ทำให้กิน”

โศรยาหันไปมองใบ้ที่กวาดลานหน้ากระท่อมอยู่ แล้วเดินมาลงนั่งตักอาหารกิน เผ็ดแต่ก็ทน หฤษฎ์มองโศรยาอย่างหมั่นไส้ โศรยาเปลี่ยนไปตักเนื้อสัตว์อีกจาน แทะกระดูกยากลำบาก เพราะชิ้นเล็ก

“งูรึเปล่าเนี่ย”

“หนู!” โศรยาชะงักนิดหนึ่ง หฤษฎ์จ้อง อยากเห็นท่าพิพักพิพ่วน แต่โศรยายิ้มเยาะๆ กินต่อหน้าตาเฉย หฤษฎ์เขม้นมอง โศรยาไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตากิน

“มองอะไร นายกินได้ ฉันก็กินได้ ยังไงฉันก็ต้องตุนพลังงานไว้พรวนดินปลูกผักแปลงนั้นอีก”

หฤษฎ์รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ร้าย เกินกว่าจะเล่นไม้นวมด้วยนานๆ คงต้องแกล้งทรมานให้แรงขึ้น

คืนนั้นโศรยานอนพักด้วยความเหนื่อยอ่อนเพลีย แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นตอนฟ้าสว่าง เพราะเสียงเคาะข้างฝากระท่อมและเสียงหฤษฎ์

“ตะวันแยงก้นแล้ว ตื่นขึ้นมาทำมาหากิน เร็ว ศันสนีย์”

“โว้ย! คำก็ศันสนีย์ สองคำก็ศันสนีย์ เอาวะ ฉันจะรับบทคุณพี่จนถึงที่สุด คอยดู”

หฤษฎ์ทุบประตูแรงขึ้นร้องสั่งให้ออกมาเร็วๆ โศรยาลุกจากที่นอน เดินเซ็งมาล้างหน้าล้างตาแล้วออกไป ชายหนุ่มสั่งให้เธอมุดไปเก็บไข่ในเล้า แต่พอเดินออกมาเขาก็แกล้งผลักเร่งให้เธอเดินเร็วๆ จนเธอเสียหลักหกล้มไข่ใบหนึ่งแตกเละ อีกใบหนึ่งร้าว

“นายแกล้งฉัน”

หฤษฎ์ยักไหล่ โบกมือให้โศรยาเดินต่อ โศรยาเก็บความเจ็บใจกัดฟันเดินประคองไข่ ไม่อุทธรณ์อีก

โศรยาก็ไม่ละความพยายาม เธอนำไข่ที่เหลือไปตุ๋นกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่อจากนั้นหฤษฎ์ก็ใช้ให้เธอไปพรวดดิน เธอก้มหน้าก้มตาอย่างไม่ย่อท้อ หฤษฎ์คอยควบคุมอยู่ห่างๆ แล้วก็คอยเร่ง เมื่อพรวดดินเรียบร้อยแล้วเขานำห่อเมล็ดพันธ์ผักมาให้เธอหว่าน เรียบร้อยแล้วโศรยาถามหานายใบ้

“ผมไม่มีหน้าที่ต้องรายงานคุณ เดินไป”

ฉันแค่อยากรู้”

“เผื่อจะหนีงั้นเหรอ ถึงไม่มีผม ไม่มีนายใบ้ คุณก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก”

“นายไม่เบื่อรึไง ที่ต้องมาตีหน้ายักษ์บังคับให้ฉันทำโน่นทำนี่”

“ผมไม่ได้ตีหน้ายักษ์ ผมเป็นยักษ์จริงๆ สักวัน ผมอาจจะฉีกเนื้อคุณก็ได้”

“ถ้าคุณทำร้ายฉัน คุณจะเสียใจทีหลัง”

“ผมเสียใจมามากพอแล้ว ตอนเนี้ย ผมกำลังสะใจ สาวสังคมลูกผู้ดี ต้องมาขุดดินทำสวน ขี้ดินขี้โคลนบนหน้าคุณมันช่างเหมาะกับเนื้อในหัวใจเน่าๆ ของคุณจริงๆ”

หฤษฎ์เงยหน้าแค่นหัวเราะ จู่ๆ เปลือกกล้วยก็ปลิวหวือมาแปะหน้า หฤษฎ์ตกใจ โศรยาอยากจะขำ ลิงตัวหนึ่งนั่งตบมืออยู่บนชายคากระท่อม ส่งเสียงเจี๊ยกจ๊าก

“กาหยู!!” ลิงน้อยได้ยินชื่อตัวเองก็แยกเขี้ยว โผตัวโดดลงมาใส่ หฤษฎ์รับแทบไม่ทัน

ที่หน้ากระท่อม นายใบ้ยกสำรับกับข้าวมาวางให้ที่โต๊ะ หฤษฎ์กำลังส่งกล้วยให้กาหยู ขณะที่โศรยาตักน้ำราดหน้าล้างเนื้อตัว หันมองสำรับ

“ใบ้ไปเอาของกินมาจากไหน”

“จากไหนก็ช่าง วันนี้ผมเลี้ยงต้อนรับกาหยู ถือว่าคุณก็ได้อานิสงค์ไปด้วย น่าจะขอบใจมันสะหน่อย”

“บ้า”

“บ้าอะไร ลิงเป็นสัตว์ฉลาดเกือบเหมือนคน ที่อื่นเขาจัดโต๊ะจีนลิงด้วยซ้ำ นี่แค่ข้าวสำรับเดียว มากินเร็วเข้า”

โศรยาเดินเช็ดผม “ลิงของนายมันว่ายน้ำไปเที่ยวนอกเกาะมารึไง”

“จะอาศัยมันพาหนีเหรอ คงยากหน่อยนะ กาหยูมันไม่ชอบน้ำ มันเตลิดเข้าไปในป่า ตั้งแต่ตอนที่หริณ” หฤษฎ์อึ้งไปเมื่อเอ่ยถึงน้องชาย

“หริณทำไม”

หฤษฎ์ตาขวางขึ้นมา ลุกฮึดฮัดไปยืนมองกาหยู โศรยาตักข้าวค้าง

“ใบ้! แกดูแลกาหยูนะ เฝ้านักโทษอย่าให้คลาดสายตาด้วย” หฤษฎ์ใช้ภาษามือประกอบ ใบ้รับคำ หฤษฎ์เดินหุนหันออกไป โศรยามองตามงง

หฤษฎ์เข้ามายืนมองรูปถ่ายหริณที่มีกาหยูเกาะอยู่ข้างๆ หน้าตาหริณมีความสุข

“เพื่อนนายกลับมาแล้วนะ หริณ มันคงตกใจเสียงปืน แล้วก็คงไปตามหานายในป่ามั้ง ไม่ต้องห่วงนะ ใบ้มันคงไม่ปล่อยให้หนีไปไหนอีก ตอนนี้ผู้หญิงของนาย มือพอง หน้าโทรมไปเยอะ นายคอยดูต่อไปแล้วกัน”

โศรยากินข้าวอิ่มก็ออกมาจะล้าง เธอเหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนี พอเห็นโอกาสเหมาะ กาหยูไปเรือนใหญ่ ส่วนนายใบ้ก็ไปตามกาหยู แต่พอคิดทบทวนแล้วก็เห็นว่าควรหนีกลางดึก คืนนั้นเธอเข้านอนโดวยมีมีดพร้าที่ใช้ดายหญ้าเป็นอาวุธ

ตกดึกโศรยาก็แอบย่องออกจากกระท่อม แต่โชคไม่ดีอากาศเย็นจัดทำให้เธอจามออกมา นายใบ้ตื่นขึ้นมาคว้าตัวกลับเข้ากระท่อม

“ฉันไม่ได้จะไปไหนนะ ก็แค่ จะไปห้องน้ำ” โศรยาคัดจมูกจาม แล้วเลยนึกได้ “เออ ใช่ ฉันเป็นหวัด อยากได้ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูกก็ได้ นายมีเก็บไว้มั้ย ที่บ้านเจ้านายน่ะ มีมั้ย?”

“มี!” โศรยาสะดุ้ง หฤษฎ์มายืนมองอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาส่งยาให้ “กินเข้าไป ยาแก้หวัด จะได้หลับๆ ไปสะ”

“ยายี่ห้ออะไร”

“กิน เข้า ไป

!! หรือจะให้กรอก?”

โศรยาจำใจกินยา ดื่มน้ำตาม แล้วลงนอน หฤษฎ์ก้มลงมาพูดกรอกหู ข่มขู่

“อย่านึกว่าจะทำอุบายป่วยไข้อะไรมาเรียกร้องความเห็นใจได้นะ แล้วถ้าลุกออกไปเพ่นพ่านข้างนอกอีกละก็ ไม่รับรองความปลอดภัย!”

เช้าวันต่อมา โศรยารดน้ำผักกาดที่งอกขึ้นมาแล้ว ใบ้ถางหญ้าอยู่ไกลๆ โศรยาเดินมาถึงสุดคันดิน ลากนิ้ววาดแผนผังที่ตั้งกระท่อม ทะเล ป่า คิดทางหนี

หฤษฎ์กับกาหยูเดินมาด้วยกัน โศรยาเงยเห็นก็รีบลบ หยิบถังลุกยืนแล้วแกล้งปวดท้อง

“จะทำปุ๋ยก็ทำแถวนี้ได้นี่”

“ทุเรศไปรึเปล่า อูย ฉันจะไปละ หลีก”

หฤษฎ์พยายามจะดึงแขนรั้งไว้ แต่โศรยาสลัด วิ่งพรวดไป หฤษฎ์โบกมือเรียกใบ้ ชี้ให้วิ่งตาม ใบ้วิ่งไปติดๆ หฤษฎ์มองไม่ไว้ใจ

ในห้องน้ำ โศรยายืนพิงฝา ตักน้ำราดให้เสียงน้ำกลบความสงสัย ตาเธอก็มองหาทางออก แหงนขึ้นมองฟ้าโล่งด้านบนก็เห็นกาหยูเกาหัวอยู่บนต้นไม้ มองอยู่ เธอโบกมือไล่ กาหยูโดดออกไป ศันสนีย์ก้มมองที่พื้น เห็นช่องโหว่ของสังกะสี

โศรยามุดออกจากช่องโหว่ต่ำเตี้ย พอยืนได้ก็มองไปรอบๆ ดูเป็นป่ารกก็จริง แต่พอมองดีๆ ก็เห็นรอยทางเดินแคบๆ ที่น่าจะเป็นทางเดินของนายใบ้ออกไปด้านนอก โศรยาชะเง้อ

“นี่ต้องเป็นทางไปน้ำตกแน่ๆ”

โศรยามองระแวดระวังหลัง แล้วแหวกทางเดินมุดเข้าไปหว่างพุ่มไม้รก ดุ่มเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปทางไหน แต่ก็ยังเดินไปเรื่อยๆ แม้จะถลกผ้าซิ่นทะมัดทะแมง แต่ก็โดนกิ่งไม้เกี่ยวเสื้อผ้าขาดสองหน แขนเสื้อหลุดลุ่ย ชายลูกไม้เกะกะรุ่ยเป็นทางยาวเกี่ยวหนาม โศรยาเด็ดทึ้งออกทิ้ง

พอพ้นดงไม้ โศรยาก็ได้ยินเสียงน้ำตก ยิ้มออก วิ่งไปตามทาง มีลำธารอยู่เบื้องหน้า โศรยาดีใจมองเส้นทางน้ำจากที่สูงไปจนไหลลงด้านที่ต่ำกว่า โศรยาลงนั่งแช่เท้า รู้สึกลิงโลดในอิสรภาพครึ่งๆ กลางๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินข้ามลำธารไป

ด้านหฤษฎ์ยืนมองช่องโหว่และรอยเท้าโศรยาที่เดินดุ่มไปในทางเดินรกหลังห้องน้ำ ใบ้ท่าทางตกใจ กาหยูโดดลงจากต้นไม้ มาหาหฤษฎ์ ท่าทางเหมือนฟ้อง ชี้มือหันหน้าไปในป่า

................................

จำเลยรัก ตอนที่ 4

โศรยาตกน้ำ แต่เธอก็หาทางขึ้นมาได้สำเร็จ แม้จะมีอาการเคล็ดขัดยอกบ้าง แต่ก็ยังเดินหน้าสู้ต่อไปท่าทางเด็ดเดี่ยว จนถึงกระท่อมของบุญทาย สาวสวยที่ปากเสีย เป็นฝ่ายมาหลงรักหฤษฎ์ แล้วเที่ยวแอบอ้างกับใครต่อใครว่าเป็นเมียของหฤษฎ์ โศรยาไม่เจอใคร เธอเข้าไปในกระท่อมก็พบเครื่องใช้ผู้หญิง เธอทรุดตัวนั่งด้วยความอ่อนเพลีย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นภาพถ่ายเก่าๆ ของหฤษฎ์เสียบอยู่ที่หัวเตียง เธอหยิบมาดูแล้วใจหาย โศรยาจึงคิดว่าหญิงสาวคือเหยื่อรายก่อนเธอ โศรยาตกใจรีบผุดลุกยืน แต่ข้อเท้าเจ็บต้องเซทรุดลงนั่งอีก

หฤษฎ์ นายใบ้และกาหยูตามรอยมาจนเจอ หฤษฎ์ได้ยินเสียงกุกกัก โศรยาเองก็รู้ว่าหฤษฎ์ตามมาทัน เธอหาที่หลบซ่อนแต่ก็ไม่พ้นมือชายหนุ่ม หฤษฎ์พุ่งเข้ามาราวกับคีมเหล็กกระชากคอโศรยาออกจากที่ซ่อนตัวกระจอกๆ นั่น!!

”คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ บอกแล้วไง ว่าเกาะนี้ทั้งเกาะน่ะ ของผม”

“โอ๊ย หฤษฎ์ปล่อยมือ โศรยาลงนั่งกุมข้อเท้า หฤษฎ์มองเห็นแผลก็ยิ้มสะใจ

“ลุกขึ้น! ใบ้ มาเอาตัวไป”

ใบ้รีบเข้ามาช่วยคว้าตัวโศรยา พาออกไปจากกระท่อมเล็กๆ นั้น

“กินอยู่สบาย ยังคิดหนี เดี๋ยวก็ขุดรูฝัง แล้วให้โผล่แค่คอขึ้นมาหายใจ ดีมั้ย”

“ก็เพราะนายมีความคิดบ้าๆ แบบนี้ไง ฉันถึงต้องหนี ใครจะรู้ว่าวันดีคืนร้ายนายอาจจะเอาฉันไปผูกไว้ในทะเลอีก”

“เลยหนีเข้าป่าข้ามน้ำตกมานี่! โธ่เอ๊ย สมองน่ะมีมั้ย

“ลิงมันบ้าเหมือนเจ้าของไง มันถึงต้องกลับมาอยู่ด้วยกัน”

“งั้นคุณก็ต้องกลับไปอยู่กับผม เพราะผมเป็นเจ้าของชีวิตคุณ”

โศรยาโมโหสะบัดดิ้นจนหลุดจากการจับกุมของใบ้ มายืนจ้องหน้าหฤษฎ์ เถียงเสียงดัง

“เรื่องอะไรนายจะมาเป็นเจ้าของชีวิตฉัน

ใบ้รี่เข้ามาคว้าโศรยา หฤษฎ์แย่งคว้าโศรยากระชากไป รวบแขนไพล่หลังไว้

“อย่าลืมสิ ว่าคุณยังเป็นจำเลยของผมอยู่ ผมพิพากษาแล้วว่าคุณเป็นนักโทษ คุณก็ต้องเป็น กลับไปเนี่ย คุณโดนหนักแน่ ไป!”

ภายในกระท่อม หฤษฎ์โยนโศรยาลงที่เตียง โศรยาเจ็บ ก้มลงจับข้อเท้า เลือดยังซิบๆ โศรยากัดฟันไม่ร้อง หฤษฎ์เข้าไปกระชากไหล่ จับหัวผลักจนแทบหงาย

“เจ็บละสิ! สมน้ำหน้า รนหาที่ ให้แผลมันเหวอะเน่าไป จะได้ตัดขาทิ้ง ทีนี้จะได้หนียากขึ้น”

“ต่อให้ฉันขาด้วนหรือเป็นง่อย ต้องถัดไปกับพื้น ฉันก็จะหนี”

“ดี จะรอดู เฮ้ย ใบ้ ไปไหนวะ ขังไว้ ส่งข้าวส่งน้ำเท่าที่จำเป็น ถ้าแผลเน่าจนต้องตัดขาก็บอกใบ้มันนะ มันลับขวานไว้คมกริบ พร้อมตลอดเวลา”

หฤษฎ์ถอยออก ชี้หน้าโศรยาอย่างคาดโทษ พอหันหลังจะออกไป โศรยาก็ร้องถาม

“นายทำอะไรผู้หญิงที่กระท่อมหลังโน้นล่ะ กักขังทรมาน หรือว่าฆ่าทิ้งแล้ว”

หฤษฎ์ชะงัก “หลังไหน

หฤษฎ์ลากโศรยาถูลู่ถูกัง ทั้งๆ ที่เห็นว่าเท้าเจ็บ ใบ้มองกลับไปทางกระท่อมที่ไม่มีคน แล้วรีบตามนายไป โศรยายังดิ้น ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางหลุด หฤษฎ์เห็นหญิงสาวเดินไม่ไหว จึงอุ้มเธอไปที่กระท่อม หฤษฎ์ไม่ทันสังเกตว่าบุญทายแอบมองด้วยความแปลกใจว่าโศรยาคือใคร นายใบ้เห็นก็ยกมือห้ามบุญทาย กาหยูก็แยกเขี้ยวใส่ทำให้บุญทายชะงักไป? ใคร?!”

“ก็กระท่อมที่ฉันไปเจอน่ะ เป็นกระท่อมผู้หญิง นายคงไปฉุดมาขังไว้แบบฉันใช่มั้ย ฉันเห็นรูปนายที่นั่นด้วย”

“ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างคุณจะต้องรู้”

“ถ้าฉันเป็นคนนอก นายไปจับตัวฉันมาทำไมล่ะ ปล่อยฉันไปสะทีสิ”

“ไม่มีวัน บอกแล้วไงว่าคุณต้องอยู่ที่นี่จนตาย นอกเสียจากจะมีผัวมีลูกสังขารโทรมทุเรศทุรังนั่นแหละ ผมถึงจะปล่อย ต้องการแบบนั้นมั้ยล่ะ จะให้ไอ้ใบ้รีบๆ สงเคราะห์ให้ ใบ้ มานี่”

ใบ้โผล่หน้าเข้ามาใกล้อีก โศรยาหันไปเห็นหน้าดุๆ ก็กระถดตัวหนี “อย่านะ ถ้าแกเข้ามา ฉันจะกัดลิ้นตายเดี๋ยวนี้”

หฤษฎ์หัวเราะสมเพช แล้วบอกให้ลองทำดู

หฤษฎ์ยิ้มร้ายชายหางตามองใบ้ที่เดินออกไป ลงนั่งจับไหล่โศรยา ทำท่าจะจูบ โศรยาร้องกรี๊ด เสียงร้องยิ่งยั่วให้มันเขี้ยว หฤษฎ์โน้มตัวประกบปากปิดปากโศรยาแน่น ไม่ปล่อยให้เสียงลอดออกไปอีก

โศรยายังพยายามดิ้น แต่มือแข็งแรงของหฤษฎ์รั้งทั้งร่างเข้ามาแนบสนิทชิด ขาที่เจ็บข้างหนึ่งไม่มีแรงพอ โดนหฤษฎ์กดร่างนอนลง โศรยาได้แต่อึกอัก ครู่หนึ่งก็หมดแรงขัดขืน หฤษฎ์กระหยิ่ม

บุญทายแนบลูกนัยน์ตากับฝากระท่อม แล้วผงะตาโต เพราะภาพที่เห็น รีบวิ่งอ้อมไปที่ประตู ใบ้โผล่มายืนถมึงทึง ปิดปากดันบุญทายออกก่อนที่จะถึงประตู รีบลากบุญทายไปไกลๆ กาหยูนั่งตบมืออยู่บนที่สูง มองแยกเขี้ยวเจี๊ยกจ๊าก กลบเสียงฮึดฮัดของบุญทาย แล้วโผโดดลงมาเลียนแบบใบ้ด้วยการช่วยดึงแขนบุญทายอีกข้าง

“มันเป็นใคร นังนั่นมันเป็นใคร

ใบ้ตอบไม่ได้อยู่แล้ว ลากบุญทายไปพ้น มีกาหยูทึ้งดึงอีกข้าง ?!

โศรยาได้จังหวะเหมาะ พลิกหันหน้ามางับหูหฤษฎ์ร้องจ๊าก! หฤษฎ์บีบไหล่โศรยาจนเจ็บ ต้องร้องจ๊ากขึ้นมาบ้าง สองคนผละออกจากกัน หฤษฎ์กุมหูแน่น นึกว่าขาด โกรธจัด เงื้อจะตบ โศรยาชี้หน้าตวาด

“นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย! ทำร้ายคนไม่มีทางสู้”

หฤษฎ์ชะงักมือ แต่ยังโมโหค้าง เลยตะปบขยุ้มไหล่โศรยายกขึ้นแล้วผลักโครมกลับไปที่เตียง

หรือว่าเมื่อกี้ยังไม่ถึงใจใช่มั้ย ก็ได้ ผมจะลองใหม่ ชอบแบบไหน บอกมา แบบนี้ดีมั้ย?”

หฤษฎ์คว้าเสื้อโศรยาที่มีรอยขาดอยู่แล้ว ดึงกระชาก โศรยายื้อไว้ เธอถูกหฤษฎ์กอดปล้ำ ยังไม่ทันทำอะไรต่อ กายูโดดเข้ามาเกาะขาหฤษฎ์ ส่งเสียงเจี๊ยกจ๊าก หฤษฎ์หยุด โศรยาเห็นดังนั้นก็ผลักหฤษฎ์ จะวิ่งสวนออกประตูไป หฤษฎ์ได้แต่ประกาศฝากไว้ก่อน แล้วสั่งให้นายใบ้ดูโศรยาดีๆ ก่อนที่เขาจะเดินไป

โศรยาเห็นเสื้อผ้าเธอถูกฉีกขาดเกือบทุกตัว เธอคิดว่าเป็นฝีมือของกาหยู แต่จริงๆ เป็นบุญทายที่เข้ามาก่อนหน้า

เธอนั่งกุมหัวใช้ความคิดอย่างเคร่งเครียดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

หฤษฎ์กลับมาที่เรือนใหญ่ หยิบรูปถ่ายของหรินขึ้นมา พูดกับรูปน้องชายว่า

“หริณ แกรู้มั้ย วันนี้ผู้หญิงคนนั้นคิดลองดีกับฉัน แต่หนีไม่รอดหรอก ฉันลากตัวกลับมาแล้ว ไอ้ใบ้เฝ้าอยู่ตอนนี้ ข้ามฝั่งเข้าเมืองเมื่อไหร่ ฉันจะหอบขนมมาฝากเพื่อนแก”

กาหยูเหมือนรู้เรื่อง เข้ามาเกาะประจบ หยิบรูปหริณไปดูมั่ง เสียงโทรศัพท์ดัง หฤษฎ์เดินไปรับ เขาฟังข้อความจากกวิน แล้วก็ตรงไปที่ท่าเรือขับออกไปอย่างเร็ว บุญทายวิ่งมาไม่ทันได้แต่บ่นเสียดาย

บุญทายกลับมาที่กระท่อมของโศรยา นายใบ้รีบปราดเข้ามาขวาง บุญทายตวาดถามนายใบ้ว่าโศรยาเป็นใคร แล้วเธอก็ไม่สนใจนายใบ้ ก้าวพรวดขึ้นไปบนกระท่อม โศรยาสะดุ้งหันมามองตกใจ เพราะสีหน้าของบุญทายเหมือนนางยักษ์

“นี่เหรอ ผู้หญิงของนายแก ไอ้ใบ้ มันเป็นใคร บอกมานะ”

“เธอล่ะเป็นใคร?”

“ฉันชื่อบุญทาย! ฉันเป็นเมียคุณหฤษฎ์!”

โศรยางง “คุณ หฤษฎ์?”

บุญทายลากโศรยาออกมา “ออกมาเลย ออกมา หนอย พูดมาได้ ไม่รู้จักคุณหฤษฎ์ มานอนให้เขากก อยู่ในนี้นานแค่ไหนแล้วล่ะ”

พอพ้นกระท่อม โศรยาก็สลัดออก ทนเจ็บขายืนจ้องหน้าบุญทาย ใบ้ยืนมอง กลัวมีเรื่อง

“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดนะ แล้วถ้าคนบ้าโรคจิตที่จับตัวฉันมานั่น”

“อย่าบังอาจเรียกคุณหฤษฎ์อย่างนั้นนะ!”

“เออ!! ถ้านายหฤษฎ์เป็นสามีเธอ เธอก็ช่วยบอกให้เขาเอาฉันไปส่งคืนได้มั้ยล่ะ นี่ฉันโดนจับตัวมานะ ไม่ได้สมยอม”

“ตอแหล!” บุญทายผลักโศรยากระเด็น “ไม่สมยอม! ฉันเห็นอุ้มกันมาจากในป่า แล้วคุณหฤษฎ์ยังหายเข้าไปในนั้นกับแกตั้งนาน แถมในกระท่อมก็มีเสื้อผ้าเป็นโหลๆ ถ้าไม่ได้เตรียมตัวมาอยู่ แกจะขนเสื้อผ้ามาทำไม”

“เธอเองเหรอ ที่เข้าไปฉีกเสื้อผ้าพวกนั้น”

“ใช่

! ฉันไม่ยอมให้แกมาตีท้ายครัวฉันหรอก”!”

“ตีท้ายครัว เขาใช้กับผู้ชายนะ แล้วฉันก็บอกแล้วไง ว่าไม่ได้อยากมา”

“ไม่เชื่อ

บุญทายก้มลงถลึงตาใส่โศรยาที่พยายามลุก ใบ้เข้ามากั้น กลัวบุญทายอาละวาด บุญทายผลักใบออกแล้วถามโศรยาว่าชื่ออะไรมาจากไหน

“ฉันชื่อโศรยา อยู่กรุงเทพฯ เป็นเพื่อนกับหริณ”

บุญทายหน้าเจื่อนนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินชื่อคนตาย แต่ความหน้ามืดหวงผัวมีมากกว่า

“เป็นเพื่อนคุณหริณก็ช่าง บอกมาก่อน ว่าแกมีอะไรกับคุณหฤษฎ์รึยัง”

“ให้ฉันตายสะดีกว่า ที่จะมีอะไรกับไอ้คนโรคจิตนั่น”

บุญทายกรี๊ด “เรื่องอะไรมาว่าคุณหฤษฎ์ของฉัน เดี๋ยวแม่ตบ!” บุญทายเงื้อ โศรยาเบี่ยงหลบ บุญทายรู้สึกเป็นต่อก็ลดมือลง “แต่ก็ ดี! อย่ามายุ่งก็แล้วกัน ถ้าฉันรู้ว่าแกโกหก แกตายแน่ นังตัวดี”

“งั้นเธอก็ช่วยให้ฉันออกไปจากเกาะนี้สิ”

บุญทายขยับจะตอบตกลง แต่ใบ้เข้ามาขวาง ส่ายหน้า โยกมือห้าม จับแขนบุญทาย สบตาอ้อนวอนห้าม บุญทายสบตาตอบ เบี่ยงตัวไปเชิดหน้า วางฟอร์มว่าถือไพ่เหนือกว่าโศรยา บอกให้โศรยาทำตัวดีๆ แล้วจะจัดการให้ จากนั้นก็ให้นายใบ้พาโศรยากลับเข้ากระท่อม โศรยาดิ้น

“ช่วยฉันหนีไปตอนนี้ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้! แล้วก็อย่าบอกคุณหฤษฎ์เด็ดขาดนะ ว่าเธอเจอฉัน เข้าใจมั้ย”

ใบ้ลากโศรยาไป โศรยาพยายามหันกลับมาพูดกับบุญทายว่าอยากกลับบ้านจริงๆ บุญทายสั่งเสียงเข้มให้อยู่เงียบๆ บุญทายยืนรอใบ้ใส่กุญแจล็อกไม่ให้โศรยาหนีไปได้ แล้วเธอก็ยั่วยวนนายใบ้อย่างคนเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน นายใบ้พาบุญทายไปส่งที่กระท่อม

............................

จำเลยรัก ตอนที่ 5

ด้านหฤษฎ์ขับเรือไปคนเดียว แต่เครื่องเรือเกิดดับ เขาพยายามแก้แต่ยังสตาร์ทไม่ติด เขาหยิบวิทยุมาเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ วิทยุก็ขัดข้องอีกด้านบนฝั่งตัวเมืองภูเก็ต ศันสนีย์และธวัชชัยเดินเคลียคลอกันชมตัวเมืองราวกับคู่รักหวาน เมื่อถึงโชว์รูมไข่มุกของบริษัทเพิร์ลก็แวะเข้าไป กวินปราดเข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บอกว่าหฤษฎ์กำลังมา ให้รอสักครู่ แต่ทั้งคู่ชมสินค้าอยู่ครู่ก็ขอตัวกลับเพราะใกล้เวลาเครื่องบินจะออก ธวัชชัยบอกว่าคราวหน้าจะมาคุยอีกที“น่าเสียดาย เพราะเรื่องจะเอาทัวร์ไปลงที่ฟาร์มมุก ผมตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ซะด้วย ต้องเจ้านายครับ” กวินว่า “แล้วผมจะโทรมานัด เก็บนามบัตรผมไว้นะครับ” ธวัชชัยส่งนามบัตรให้ ก่อนจะลากลับ ศันสนีย์ยิ้มลาทุกคน ทั้งที่ในใจบ่นธวัชชัยขี้เหนียวไม่ซื้อสร้อยมุกให้เธอสักเส้น

หฤษฎ์มาถึงบริษัทก็เย็นแล้ว เขาดูนามบัตรของธวัชชัยจากกวินแล้วสงสัยว่าบริษัททัวร์คิดยังไงถึงอยากพานักท่องเที่ยวมาดูฟาร์มมุกของเขา กวินคิดว่าอยากสร้างมูลค่าเพิ่มตามประสานักธุรกิจ แต่หฤษฎ์คิดว่า

“ที่จริงผมอยากอยู่เงียบๆ นะ แต่คิดดูอีกที ชาวบ้านน่าจะได้ประโยชน์ ก็เลยบึ่งเรือมา”

“คุณหฤษฎ์เห็นประโยชน์ของคนอื่น มาก่อนความพอใจของตัวเองเสมอนะครับ”

หฤษฎ์นิ่งไปนิดหนึ่ง “ไหนๆ มาแล้ว มีเอกสารอะไรให้ดู เอาไปที่ห้องนะ”

หฤษฎ์ลุกเดินออกไป กวินมองตาม ชื่นชมเจ้านาย

หฤษฎ์นึกถึงคำชมขอกวิน ทำให้เขาคิดถึงอดีตเมื่อ 7-8 ปีก่อน ตอนนั้นเขาเรียนอยู่เมืองนอก กำลังจะสอบจบปริญญา ก็ได้รับข่าวร้ายทางโทรศัพท์จากน้าสาวที่เมืองไทยว่าบิดามารดาของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เขาจึงรีบเดินทางกลับเมืองไทย เพื่อจัดงานศพพ่อกับแม่ แล้วก็ดูแลกิจการการ ทั้งดูแลหริณน้องชายคนเดียว โดยไม่ไปเรียนต่อ แต่วันนี้หริณก็ตายจากเขาไปเสียแล้ว

หฤษฎ์สะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อคิดถึงความตายของน้องชาย เขารู้สึกแค้นผู้หญิงที่ชื่อศันสนีย์ขึ้นมาอีก

หฤษฎ์ให้กวินไปซื้อข้าวของเครื่องใช้และยา จากนั้นเขาก็กลับมาที่เกาะฟาร์มมุกตอนกลางดึก กว่าเขาจะถึงก็เช้าพอดี เขาตรงไปที่กระท่อมของโศรยา มองแผลที่ข้อเท้าเธอ แล้ววางกล่องยาโครมพร้อมบอกเสียงห้วนๆ ว่า

“ยาแก้อักเสบ เรียนหนังสือมานี่ รู้ใช่มั้ยว่าต้องกินก่อนอาหาร”

“ไหนล่ะ อาหาร ฉันต้องออกไปเก็บไข่ไก่เองไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ต้อง ป่านนี้ใบ้มันไปจัดการแล้ว”

โศรยากระเดกมาหยิบยาอื่นๆ มองหฤษฎ์อย่างอาฆาต เดินกลับสะดุดขาเตียง ร้องอูย หฤษฎ์ไม่สนใจเดินออก โศรยาเผลอกระแทกเท้า แล้วก็เจ็บ แต่ไม่กล้าร้องดัง

นายใบ้ต้มข้าวทอดไข่มาให้หฤษฎ์กับโศรยานั่งกินกันสองคน หฤษฎ์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า

“ถามจริงๆ หริณเคยบอกคุณใช่มั้ย ว่ามีพี่ชาย”

“ฉันคบกับหริณ ไม่เคยสนใจว่าเขาจะมีญาติพี่น้องที่ไหน”

“จะบอกว่าไม่สนใจชาติตระกูล รักกันด้วยใจ อ่อยให้ผู้ชายหลงคิดว่าตัวเป็นนางเอกในนิยายน่ะเหรอ”

“คุณนี่ ตอนเด็กๆ ที่บ้านเลี้ยงด้วยอะไร ปากคอถึงได้ร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงอีก”

โศรยาสะบัดหน้า หฤษฎ์แกล้งกระตุกผ้าที่พันคอไว้ร่วงลง โศรยาหน้าคะมำ

“ไม่ร้ายเท่าคุณ!! ขนาดขาเจ็บยังปากดี” โศรยาค้อน “แล้วนั่นน่ะ เสื้อผ้าขาดขนาดนี้ ทำไมไม่เปลี่ยนสะ ถ้าคิดจะยั่วผมแต่เช้าน่ะ ไม่ได้ผลหรอกนะ ผมยังไม่มีอารมณ์”

“บ้า! ฉันไม่มีเสื้อจะเปลี่ยนแล้วต่างหาก! มันขาดหมด”

“อ้อ มันไม่สวยถูกใจ เลยแกล้งทำขาด”

“นี่ ฉันไม่ได้เป็นโรคจิตนะ จะได้แกล้งฉีกเสื้อผ้าตัวเอง แต่ว่าเมื่อวานนี้มันมีคน”

โศรยากำลังจะฟ้องเรื่องบุญทาย แต่เสียงบุญทายก็ดังในหัวว่าห้ามบอก โศรยาจึงเปลี่ยนใจบอกว่าเป็นฝีมือของกาหยู แต่หฤษฎ์ไม่เชื่อ โศรยาบอกให้ไปตามกาหยูเอง หฤษฎ์ถามแต่กาหยูส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง

“มันบอกว่า คุณโกหก!”

! เรื่องอะไรมาว่าฉัน”?”

“เอ๊ะ ใบ้เดินถือกล้วยมาส่งให้กาหยู กาหยูโดดไปรับ หฤษฎ์หันไปเห็นใบ้ ว่าสวมเสื้อกระดุมขาด แถมติดกระดุมเบี้ยวผิดเม็ดก็ถามว่าไปทำอะไรมา ใบ้ตกใจหันหลัง รีบขยับเสื้อ หฤษฎ์หันมาหาโศรยาที่เดินหนีไป

“จะไปไหน

“ฉันต้องทำงานแลกข้าวไม่ใช่เหรอ”

“จะไปทำสวนทั้งๆ เสื้อขาดทุเรศทุรังนี่รึไง ในบ้านมีกล่องเครื่องเย็บจัดการสะก่อน ยังไงผมก็ไม่ซื้อให้คุณใหม่ แต่ผมว่าผู้หญิงอย่างคุณเย็บผ้าไม่เป็นหรอก”

โศรยาหันมามองหฤษฎ์อย่างโกรธๆ แล้วเดินเป๋เข้าไปทางกระท่อม หฤษฎ์ลุกยืนสั่งให้ใบ้ไปเฝ้าไว้ ส่วนตัวเขาจะไปฟาร์ม

ตอนสาย หฤษฎ์ขับเรือไปที่เกาะมะพร้าว ซึ่งเป็นเกาะฟาร์มหอยมุก เพื่อพบกับกวินที่นั่น ทั้งสองคุยเรื่องงานเรื่องการรับรองกรุ๊ปทัวร์ กวินบอกว่าถ้าธวัชชัยนัดมา เขาจะให้หฤษฎ์คุย หฤษฎ์รู้สึกว่ากวินกระตือรือร้นเป็นพิเศษ จึงถามว่าทำไม กวินแก้ตัวว่าเพราะฟาร์มเรากำลังไปได้สวย แต่หฤษฎ์รู้ว่าเป็นเพราะสาวที่มากับธวัชชัยมากกว่า กวินรีบแก้ตัว

“โอย คุณศันสนีย์น่ะแฟนเขานะครับ”

หฤษฎ์ชะงัก “ชื่ออะไรนะ

หฤษฎ์นิ่งอึ้ง คิดถึงศันสนีย์ที่ถูกจับมาขังไว้ กวินสงสัยท่าทางเจ้านาย หฤษฎ์รีบกลบเกลื่อน “คนชื่อนี้มีเยอะจริงนะ”

“ครับ เยอะ คุณหฤษฎ์คงรู้จักใครที่ชื่อศันสนีย์อีกละสิครับ”

กวินจะคุยต่อ พอดีคนงานมาทำท่าเรียก กวินหันไปเห็นก็ขอตัวไปดูคนงาน เหลือหฤษฎ์ยืนคิดถึงศันสนีย์อยู่คนเดียว

เวลาเดียวกัน บุญทายก็มาอาละวาดเหยียบย่ำแปลงผักและคาดคั้นโศรยาจนเชื่อว่าโศรยาไม่ได้เป็นเมียของหฤษฎ์ จากนั้นบุญทายก็เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอกับหฤษฎ์ให้โศรยาฟัง โดยไม่ปิดบังความจริงที่เธอผิดพลาดไปคบชู้กับนายเทพ คนงานแล้วหฤษฎ์จับได้

โศรยาขอร้องให้บุญทายเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นเมียของหฤษฎ์ แล้วช่วยบอกให้เขาปล่อยตัวเธอได้ไหม บุญทายกลับตอบว่าไม่ได้ โศรยางงว่าทำไม บุญทายบอกว่าตอนนี้เธอยังเข้าหน้าหฤษฎ์ไม่ได้ โศรยายุให้เธอง้อ บุญทายบอกว่าเธอรู้ แล้วก็ย้ำกับโศรยาอีกครั้งว่าห้ามให้หฤษฎ์รู้ว่าเธอมาที่นี่ ก่อนบุญทายจะกลับเธอยังส่งสัญญาณทางเพศให้นายใบ้อย่างรู้กัน

หฤษฎ์กลับมาเห็นแปลงผักกระจุยก็โกรธ แล้วไปกราดเกรี้ยวกับโศรยาที่นั่งเย็บผ้าอยู่ หฤษฎ์ยังแกล้งนุ่งผ้าขาวม้าแล้วถอดกางเกงโยนให้เธอเย็บ หญิงสาวรับไว้ด้วยสีหน้ารังเกียจ

“ทำไมฉันต้องเย็บตอนนี้ด้วย ซักก่อนไม่ได้รึไง”

หฤษฎ์เดินออกมาจากหลืบ เห็นว่านุ่งผ้าขาวม้าลอยชาย สวมเสื้อตัวเดิม

“ไม่ได้ ผมจะใส่ตัวนี้อีกหลายวัน”

“แหวะ แล้วดูสิเนี่ย กระเป๋าก็รั่ว กระดุมก็รุ่ย ตะเข็บก็ปริ มีเกาะส่วนตัว ทั้งเกาะ แต่กางเกงใหม่ซักตัว ซื้อไม่ได้รึไง”

“ผมไม่ใช่เศรษฐีไร้สติ ที่ต้องหุ้มเปลือกทองไว้อวดรวยนี่ กว่าจะหาได้แต่ละบาท ไม่ใช่ง่าย ที่ผ่านมา ผมเก็บเงินมีเป้าหมายว่าจะส่งน้องชายไปเรียนเมืองนอก ทุกอย่างผมหาให้เขา ไม่ใช่ตัวเอง”

หฤษฎ์พูดย้ำเรื่องเดิม หวังให้โศรยาสำนึกผิด “แล้วเป็นยังไง คุณทำลายมันทั้งหมด”

หฤษฎ์เดินเข้าไปทำท่าจะขย้ำคอโศรยา โศรยาหลบเอี้ยวตัวหนี ลุกไปยืนตั้งหลักห่างออกไป

“คุณจะให้ฉันเย็บกางเกงให้ หรือว่าจะฆ่าฉันให้ตายก่อน”

“คุณยังตายไม่ได้หรอก นักโทษอย่างคุณ ต้องโดนใช้งานไปจนกว่าจะถึงวันประหารนั่นแหละ”

“วันหนึ่ง คุณจะต้องเสียใจ ที่ทำกับฉันอย่างนี้”

“ไม่มีวัน

“อย่านะ!” โศรยาถือเข็มกระชับมือ จะแทงสวน หฤษฎ์มองปลายเข็มจ้อย แล้วหัวเราะเยาะ

หฤษฎ์ตะโกนเรียกใบ้ โศรยาสะดุ้ง มองไปทางประตู ใบ้รีบวิ่งมา หฤษฎ์สั่งให้ใบ้ไปเอากางเกงทั้งหมดมาให้โศรยาซ่อม แล้วหันมาบอกโศรยาว่า

“มีเวลาทั้งวันทั้งคืน จะได้ไม่ฟุ้งซ่านคิดออกไปทำอะไรข้างนอกอีก”

โศรยานั่งเย็บกางเกงให้หฤษฎ์จนค่ำ ชายหนุ่มก็นั่งเฝ้าเธอไม่ยอมไปไหน แล้วคว้ากางเกงตัวหนึ่งมาดูรอยเย็บ พอยกแขนสูง แขนเสื้อไปเกี่ยวกับราวไม้ขาดดังแควก เขาถอดเสื้อออกมาให้เธอซ่อมอีกตัว เธอตกใจเมื่อเขาเปลือยร่างกายท่อนบนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรง และท่อนล่างก็มีผ้าขาวม้าเพียงผืนเดียว

ขณะเดียวกันด้านนอก บุญทายแอบดูอยู่ตลอดเวลา เห็นหฤษฎ์ถอดเสื้อก็เต้นผางจะร้องกรี๊ดออกมา แต่นายใบ้มาปิดปากเสียก่อน แล้วลากบุญทายไป

เช้าวันต่อมา หฤษฎ์ไปที่เกาะเล็ก เขาดำน้ำว่ายไปช้าๆ ดูแนวเชือกที่ทอดลงมาเป็นสายให้หอยมุกเกาะเกี่ยว ก่อนจะผลุบโผล่ขึ้นมาสูดอากาศเหนือน้ำ นายหวายหัวหน้าคนงานเดินมาดู หฤษฎ์ส่งสัญญาณว่าโอเค พอใจ แล้วก็ว่ายไปที่ท่าเหนี่ยวตัวขึ้นฝั่ง

เวลาเดียวกันนี้บุญทายก็มาเกรี้ยวกราดกับโศรยาว่าโกหกเรื่องที่ไม่มีอะไรกับหฤษฎ์ แล้วบุญทายก็ตบโศรยา

แต่โศรยาสู้ ทำให้ทั้งคู่ตบกันอุตลุด นายใบ้วิ่งเข้ามาแยกก็โดนบุญทายถีบกระเด็นไป นายใบ้จึงคว้ากระติกสาดโครมใส่บุญทายเต็มหน้า โศรยาผลักบุญทายออกแล้วปาดเหงื่อผสมน้ำปัดดินโคลนเดินเขยกมาใกล้อธิบายว่าหฤษฎ์เอาเสื้อผ้ามาให้เธอซ่อม ไม่มีอะไร แต่บุญทายบอกว่าไม่เชื่อ

“จริงๆ นะ กางเกงตั้งหลายตัว แถมเสื้อที่เขาใส่ก็ดันมาขาดตอนที่จะกลับ แต่ฉันรู้ว่าเขาแกล้งฉัน จะให้ฉันทำงานจนกว่าจะพอใจ ถ้าไม่เสร็จ เขาก็ไม่ยอมออกไปจากห้อง”

“แล้วอยู่ในห้องกันสองต่อสองกับคุณหฤษฎ์ ไม่รู้สึกอะไรมั่งรึไง”

“แหวะ แล้วเขาก็เกลียดฉันยังกะอะไร รู้มั้ย

ก่อนที่เธอจะเห็นน่ะ เขาเกือบจะฆ่าฉันตาย ที่แปลงผักนี่โดนเหยียบกระจุย เขาหาว่าฉันทำ”? ก็เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าฉันไม่บอกเขาเรื่องเธอกลับมา เธอก็จะช่วยฉันหนี”

“แล้วเธอบอกรึเปล่า ว่าใครทำ”

“บอกแล้วฉันจะได้อะไร

บุญทายมองหน้าโศรยา ชั่งใจว่าจะเชื่อและช่วยดีมั้ย ขณะที่โศรยามองบุญทายอย่างอ้อนวอน บุญทายรู้สึกเป็นมิตรมากขึ้น พูดคุยอวดอ้างอีก โศรยาได้จังหวะจึงถามถึงหริณ ทำให้เธอรู้ว่าหริณตายแล้ว โศรยาตกใจมากจ้องหน้าบุญทาย

บุญทายพาโศรยามาถึงหลุมศพหริณ โศรยามองรูปและชื่อหริณตรงหน้า ไม่อยากเชื่อสายตา

“คุณหฤษฎ์เสียใจแทบบ้า ตอนที่น้องชายยิงตัวตาย”

โศรยตกใจหนักขึ้นอีก “ยิงตัวตายเหรอ”

“ใช่ เอ๊ะ หรือว่าเป็นเธอนี่เอง ที่ทำให้คุณหริณคิดสั้น”

“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้เป็นต้นเหตุ ไม่ใช่ฉัน”

“จะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม บอกสะก่อนนะ น้องตายไปแล้ว อย่าวกมาคว้าพี่ เพราะถ้าคิดแย่งผัวฉันละก็ เธอไม่ตายดีแน่”

โศรยาคุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพ มองรูปหริณนิ่ง

……………………………………….

หฤษฎ์เตรียมตัวจะกลับก็พอดีมีคนงานคนหนึ่งมีอาการปวดท้อง เขาจึงขับเรือพาไปส่งโรงพยาบาล เมื่อเรียบร้อยก็ออกเดินดูสินค้าในตัวเมือง เขาพบหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาคล้ายโศรยาแต่งตัวหวือหวาเดินสวนทางไป เขาเหลียวหลังมองแล้วหวนคิดถึงคำพูดของเธอที่ต่อว่าเรื่องเสื้อผ้าของเขา ชายหนุ่มจึงเดินไปซื้อเสื้อผ้าสำหรับตัวเองแล้วซื้อเสื้อผู้หญิงตัวหนึ่ง ก็พอดีกวินเดินมาเรียก เขาจึงถามอาการของคนงาน กวินบอกว่าปลอดภัยแล้ว และเขาก็เห็นว่ามืดแล้วจึงแวะมารับ

หฤษฎ์เข้าบ้านพักของเขาในเมือง เขาหยิบเสื้อออกจากถุง พลันสายตาเห็นภาพถ่ายของตัวเองคู่กับหริณ ความโกรธแค้นก็วูบขึ้นมาอีก เขาขยำเสื้อใส่ถุงแล้วโยนลงถังขยะ

จนรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะหฤษฎ์กำลังจะออกเรือ กวินก็วิ่งนำถุงมาให้บอกว่าเขาลืม หฤษฎ์มองแลบ้วถอนใจเซ็งๆ ก่อนจะโบกมือให้กวินแล้วออกเรือไป

เมื่อถึงเกาะเขาก็ตรงไปหาโศรยา พอจะขึ้นไปบนกระท่อม เขาก็ถูกเธอขว้างด้วยไข่เข้าเต็มหน้า ทำให้เขาโกรธของขึ้นโยนถุงเสื้อที่ถือมาแล้วปราดเข้าไปจะขย้ำเธอ

“เป็นบ้าอะไร ศันสนีย์”

“ทำไมไม่บอกว่าหริณตายแล้ว ทำไม”

หฤษฎ์กอดปล้ำ จับไหล่โศรยาบีบเขย่า ลากเข้าไปทางระเบียง

“ก็มันยังไม่ถึงเวลา ใบ้ แกปล่อยแม่นี่เดินไปที่หลุมศพน้องฉันเหรอ”

ใบ้ออกมายืนทำอะไรไม่ถูก โศรยาดิ้นทุบหฤษฎ์ หฤษฎ์ลากโศรยาเข้าไปด้านใน กดโศรยาลงนอนกับเตียง โศรยาพยายามเด้งตัวหนี แต่หฤษฎ์ลากจับข้อเท้าไว้แน่น อย่างตั้งใจให้เจ็บจนโศรยาร้องออกมา

“เจ็บสิดี ที่คุณเจ็บเนี่ย หริณมันเจ็บกว่า และผมเจ็บที่สุด ที่ต้องยืนดูน้องตัวเองตายต่อหน้า เลือดนองพื้นภาพมันยังติดตาผมจนทุกวันนี้”

“แค่ผู้หญิงสลัดรัก หริณไม่น่าต้องคิดสั้น”

“ยังพูดอย่างนี้ได้อีกเหรอ แสดงว่าไม่ได้สำนึกผิดเลยใช่มั้ย”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด หริณไม่ได้เสียใจเพราะฉันสักนิด เขาเสียใจเพราะ”

หฤษฎ์สวนทันควัน “เพราะมันโง่เองใช่มั้ย โง่ที่ไปหลงรักคุณ”

“แต่หริณกับฉันไม่ได้มีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนเลยนะ”

หฤษฎ์ดุมากขึ้น “ไม่มากกว่าเพื่อนเหรอ งั้นมานี่”

หฤษฎ์ลากโศรยาอออกไปจากกระท่อม ใบ้ยืนมอง ไม่รู้จะทำยังไง เห็นถุงกระดาษตกอยู่ ก้มเก็บขึ้น แล้วรีบเดินตามไปห่างๆ หฤษฎ์ฉุดกระชากโศรยามาถึงหน้าเรือน โศรยาถลาไปตามแรงโทโสของหฤษฎ์

หฤษฎ์รวบแขนโศรยา ผลักเข้าไปในบ้าน โศรยาถูกผลักให้นั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง ทั้งเจ็บทั้งเหนื่อย หฤษฎ์เดินผ่านวืดไปหยิบของบนชั้นสมุดบันทึกของหริณ ถูกโยนลงบนตักโศรยา หฤษฎ์ชี้นิ้ว

อ่านสะ รำลึกความหลังสิ ว่าเคยทำอะไรไว้กับหริณมันบ้าง”

โศรยาค่อยๆ เปิดอ่าน สีหน้าค่อยๆ เข้าใจ หฤษฎ์ยืนมอง หมั่นไส้ จนต้องหันหน้าหนี

“ฉันไม่นึกว่าหริณกับ”

หฤษฎ์หันขวับ “กับผู้หญิงใจร้าย จะรักกันจริงจังใช่มั้ย ใช่สิ เพราะคุณคงไม่เคยจริงจังกับมัน เวลาพลอดรักกัน คุณคงคิดว่าไม่มีใครรู้” หฤษฎ์กระชากสมุดคืน “แต่หริณมันจดทุกอย่าง กอดกัน จูบกัน เรื่องมันจะไม่เลยเถิดขนาดนี้ ถ้าผู้หญิงจะไม่ให้ความหวัง หริณมันจริงจังกับความรักมาก”

“คุณพูดเหมือนน้องคุณเป็นเด็กหกขวบ คุณคงโอ๋เขามากเกินไป เลยทำให้เขาอ่อนแอ”

หฤษฎ์ยั๊วะ เขวี้ยงสมุดบันทึก เฉียดหน้าโศรยาไป “คุณมันก็ใจหินเกินไป ศันสนีย์ ตีได้หลายหน้านัก ผมไม่แปลกใจเลย ที่ลูกผู้ดีอย่างคุณ แสดงบทแม่บ้านนั่งเย็บผ้า ทำอาหารได้อย่างกับมืออาชีพ แถมยังออกไปทำสวนได้อีกเพราะคุณมันแม่มดดีๆ นี่เอง ฝึกนานมั้ย วิชาการใช้เล่ห์กลหลอกผู้ชายน่ะ”

“คุณไม่เคยมองฉันในแง่ดีเลย”

“คุณทำให้หริณตาย ยังจะให้ผมมองคุณในแง่ไหนได้อีก”

โศรยาฮึดจะลุก “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงจะฆ่าฉันให้ตายไปเลยตอนนี้มั้ย”

หฤษฎ์ผลักกระแทกลงนั่ง “ไม่ต้องตอนนี้ แต่ผมจะให้คุณตายอย่างทรมาน”

หฤษฎ์ก้มลงจ้องหน้าโศรยาจนชิด สายตามีแต่ความชิงชัง

.............................

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆค่ะ
อยากได้เรื่องย่อมากอ่านอยู่พอดี

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

Can I ask, if its whole book? and does anyone have intention to translate this to eng?? it would be so so great, I really love the story, and Im very sad to not be able to read it.. Thank you

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Powered By Blogger