วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

จำเลยรัก ตอนที่ 16-20

จำเลยรัก ตอนที่ 16

คืนนั้นโศรยานอนฝันร้ายถึงเหตุการณ์ที่ถูกวิเศษจับตัว เธอดิ้นรนปัดป่ายละเมอร้องเสียงดังลั่น หฤษฎ์วิ่งเข้ามาจับมือขึงไว้ ก้มลงกอด

“อย่าเข้ามานะ”

“โศรยา นี่ผมเอง หฤษฎ์”

โศรยาลืมตา เห็นเป็นหฤษฎ์อยู่ในห้องก็ตกใจ ผลักหฤษฎ์ออก ผุดลุกขึ้นนั่งมองรอบๆ “หฤษฎ์”

“คุณฝันร้าย! เสียงคุณร้องดังลั่น ผมเลยต้องพังประตูเข้ามา”

“ฉัน ฝันว่า นายวิเศษเข้ามาจับตัวฉัน”

“เมื่อกลางวันคุณคงกลัวมาก ผมขอโทษ ที่พาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ”

หฤษฎ์ห่วงใย จะเอามือแตะหน้าผากโศรยา โศรยาเบี่ยงหน้าหนี เคืองๆ เก้อๆ ไม่อยากอ่อนข้อให้

“ที่จริง มันก็ไม่ร้ายกว่าที่นายทำกับฉันเท่าไหร่”

“โศรยา ก็ตอนนั้นผมเข้าใจว่าคุณคือ”

โศรยาเขยิบหนีไปจนชิดริมฝา หฤษฎ์ค่อยๆ ลุกออก “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว นาย เอ่อ คุณออกไปเถอะ”

“ผมอยู่เป็นเพื่อนในนี้ได้นะ”

“ฉันบอกให้ออกไปไง ฉันจะนอน” หฤษฎ์ยอมรับคำขอร้องแกมสั่ง ถอยออกไปพร้อมบอกว่าพรุ่งนี้จะให้คนมาซ่อมประตู

วันรุ่งขึ้นหวายกับทิมมาซ่อมประตูให้ ทั้งสองแนะนำให้หฤษฎ์พาโศรยาไปพักที่บ้านบนเกาะดีกว่า เพราะดูเธอผวาอยู่ แต่หฤษฎ์เป็นห่วงทางนี้ หวายบอกว่าเขาจะจัดเวรยามดูแลเอง หฤษฎ์มองโศรยาด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นห่วง จนเธอต้องหลบตา

หฤษฎ์พาโศรยากลับมาที่เกาะ เห็นนายใบ้ถือพวงปลามา โศรยาเห็นก็บ่นสงสาร หฤษฎ์จึงเอ่ยว่า

“จับกุ้งก็ว่า จับปลาก็บ่น ใจคอคุณจะไม่ให้เรากินอะไรเลยรึไง”

“ใครบอกว่าไม่ให้กิน ก็ ถ้ามันไม่ถึงฆาต มันคงไม่เข้ามาว่ายให้โดนจับมั้ง”

“คงงั้น” หฤษฎ์สะกิดใบ้ให้หันมาแล้วชี้ปลา “ไปเอามาอีกตัวหนึ่ง”

ใบ้รับคำ เดินยิ้มภูมิใจนำหน้าไป “จะเลี้ยงส่งฉัน ใช่รึเปล่า?”

หฤษฎ์สะอึกนิ่ง ไม่ตอบ เดินลิ่วไป โศรยาต้องเดินตาม

ที่เรือนใหญ่ของหฤษฎ์ เขากวาดจัดเก็บเอกสารลงกระเป๋า หันมาเจอรูปหริณที่ชั้นวาง หฤษฎ์มองน้องชายอึ้งๆ รู้สึกผิด โศรยาเดินมายืนมอง นึกถึงวันที่ถูกจับมา วันที่ถูกลากกระชาก และวันที่ถูกปล้ำ หฤษฎ์รู้ตัวว่าโศรยามอง

“ตอนนี้ คุณโกรธผม หรือว่าเกลียดผม”

“ฉันอยากโทรกลับบ้าน ขอฉันใช้โทรศัพท์ได้มั้ย”

“คุณจะโทรไปบอกที่บ้าน ว่าถูกจับตัวมาน่ะเหรอ ผมไม่อนุญาต”

“กลัวละสิ ทีตอนทำ ทำไมไม่คิด”

“ความแค้นทำให้คนเราไม่คิดอะไรหรอกคุณ”

“ตอนนี้ นายหายแค้นฉันรึยัง”

หฤษฎ์หันมาสบตา อยากจะบอกความในใจ “ผมไม่ได้แค้นคุณ โศรยา”

“แล้ว กับพี่ศันสนีย์ล่ะ” หฤษฎ์ไม่ตอบ คิดหนัก แล้วหันเดินหนีไปทันที โศรยามองรูปหริณ

ที่ออฟฟิศของธวัชชัย เราประกาศแต่งตั้งศันสนีย์เป็นหัวหน้าบอกอแทนชนิดา แถมที่ประชุมเห็นชอบให้เธอถ่ายปกนิตยสารแฟชั่นเล่มแรกด้วย คืนนั้นธวัชชัยจึงขอพาศันสนีย์ไปเลี้ยงที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ชนิดาโทรเข้ามาขัดจังหวะ ธวัชชัยบอกปัดไปว่าเขาประชุมอยู่ แล้วก็กดวางสายทันที

ชนิดาเต้นเร่าๆ เพราะหลังจากธวัชชัยไล่ออกจากงาน เธอก็ถูกเจ้าของห้องพักไล่ออกเพราะเป็นห้องของธวัชชัย

ยามเย็น ที่เกาะหฤษฎ์วิ่งเหยาะๆ เลียบชายหาดออกกำลังกาย สีหน้าเขาครุ่นคิดเรื่องโศรยา เขาอยากขอโทษและพาเธอไปส่งบ้าน แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ว้าวุ่นในเรื่องหัวใจตัวเอง เขามาหยุดที่มุมหนึ่งซึ่งหริณชอบมาวาดรูป เขาตะโกนเรียกหริณเสียงดัง

บุญทายที่ยังไม่ตาย แต่หลบอยู่ในป่าสภาพน่าเกลียดได้ยินก็มองออกมา พอเห็นหฤษฎ์ก็ดีใจ เธอจะถลาออกไปหา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นโศรยาเดินมา โศรยาเห็นบุญทายก็ตกใจ แต่บุญทายเป็นฝ่ายถอยกลับไปก่อน โศรยาเข้ามาเรียกหฤษฎ์ ชายหนุ่มบอกให้เธอฉุดเขาลุก แต่เธอเดินกลับไปอย่างไม่สนใจ เขาต้องลุกวิ่งตามไปคว้ามือเธอไว้ บุญทายมองทั้งคู่ด้วยแววตาเศร้าซึม

โศรยากับหฤษฎ์มาถึงโต๊ะกินข้าวที่ตั้งสำรับไว้แล้ว มีหม้อเหยินโล้วใส่ต้มยำปลากลิ่นกรุ่นควันฉุย โศรยาตักข้าวเสิร์ฟ

“โอ้โห! นี่อะไรเนี่ย ต้มยำ ปลาเจี๋ยน ผัดเห็ดหอมสด หน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลย แต่ เอ๊ะ ขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง”

“อะไรอีกล่ะ”

“ไข่ตุ๋น!”

“ไก่นาย ตายไปเกิดเป็นดาวแล้ว จะเอาไข่ที่ไหนมาให้ตุ๋น”

“ผมพูดเล่นน่ะ แค่นี้ก็ท้องจะแตกตายแล้ว”

“อย่าเพิ่งตายเลย เพราะมื้อนี้ ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน”

“อะไรครับ”

“ฉันจะกลับบ้าน!” หฤษฎ์ตักต้มยำซดอยู่ก็พรวดหกลวกปาก “ฉันพูดจริงๆ ฉันมีคนที่ฉันรัก คอยอยู่ นายไม่เคยคิดถึงใครมากๆ บ้างรึไง คนที่นายรักสุดหัวใจ แล้วก็อยากเจอจนใจจะขาดน่ะ”

“คิดถึงจนใจจะขาด?” โศรยาพยักหน้า หฤษฎ์เจ็บในใจ ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย

โศรยาเซ็งบ่นเบาๆ “ฉันคิดถึงแม่ รู้มั้ย”

เวลาเดียวกันนี้นุกูลพาสอางค์ที่เป็นไข้หวัดไปหาหมอ แล้วเธอก็บ่นคิดถึงโศรยา นุกูลพยายามหาข่าวคราวของโศรยา จนเจอเว็บไซค์ของอาจารย์ที่เคยสอนหริณ เขาไปติดต่อที่มหาวิทยาลัย จนได้ความคืบหน้าว่าหริณมีฟาร์มมุก เขาจึงคิดจะไปตามโศรยาที่นั่น

ที่ห้องนอนเรือนใหญ่ของหฤษฎ์ โศรยายืนมองเตียงนอนซึ่งจัดใหม่ มีเสื้อผ้าวางเตรียมไว้ให้ เธอพูดโดยไม่หันมาหาหฤษฎ์

“ความจริงนายให้ฉันนอนที่กระท่อมเหมือนเดิมก็ได้”

“กลัวผมจะทำอะไรคุณอีกเหรอ” โศรยาหันมามองโกรธๆ “ไม่หรอก นะ ผมคงไม่กล้าแล้วละ ผมยอมรับ ว่าผมทำผิดต่อคุณมากเหลือเกิน”

“แล้วยังไงล่ะ? จนขนาดนี้แล้ว นายยังไม่รับปากว่าจะปล่อยฉันเลย แค่ส่งฉันข้ามเรือไปก็ได้ แล้วฉันจะหาทางกลับให้ถึงบ้านเอง อย่าเอาฉันมาทรมานอยู่อย่างนี้เลยนะ ได้โปรดเถอะ เลิกจองเวรจองกรรมกันซะที”

หฤษฎ์มองโศรยา พูดไม่ออก พอดีโทรศัพท์ดัง หฤษฎ์ดูเบอร์ที่โชว์แล้วสงสัย แต่ก็ลองกดรับ

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ คุณหฤษฎ์ จำศันสนีย์ได้มั้ยคะ”

หฤษฎ์มองโศรยาแวบหนึ่ง แล้วหลบออกมาคุยโทรศัพท์ที่มุมห้อง โศรยามองตามอยู่ด้านหลัง

“จำได้ครับ จำได้แม่นเลยครับ”

“ดีใจจังเลยค่ะ คือ ศันแค่อยากถามว่า ศันควรจะไปถ่ายแบบที่เกาะของคุณหฤษฎ์ได้หรือยังคะ”

“มาที่นี่ ใช่มั้ยครับ” หฤษฎ์ทิ้งช่วงเงียบไปพักหนึ่ง หันไปมองโศรยาที่ทำเป็นไม่ได้ฟัง อยู่ด้านหลัง

“ยินดีเลยครับ ถ้าคุณจะมาเมื่อไหร่ แค่โทรบอก ผมจะเปิดบ้านพักต้อนรับทันทีเลยครับ”

“ขอบคุณค่ะ แล้วศันจะโทรหา เร็วๆ นี้ค่ะ”

“ครับ สวัสดีครับ” หฤษฎ์วางสายแล้วนิ่งคิดว่าจะจัดการอย่างไรกับคนที่โทรมา

โศรยาเดินมามอง เห็นสีหน้าเคียดแค้นของหฤษฎ์ ก็สงสัย “มีอะไรเหรอ? ใครจะมา?”

“ไม่มีอะไรหรอก นอนซะ ดึกแล้ว”

“แล้วที่ฉันขอร้องล่ะ ตกลงจะว่ายังไง?”

หฤษฎ์ยิ้มบางๆ ไม่ตอบ เดินออกไป โศรยามองตามอย่างเซ็งๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น โศรยากำลังให้ผลไม้กาหยูกับกระรอกพวงชมพูอยู่ หฤษฎ์ก็เข้ามาบอกว่า

“ผมเสียใจที่ต้องส่งคุณกลับบ้าน!”

“อะไรนะ? ฉันไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย”

“ผมเสียใจ โศรยา” หฤษฎ์ยื่นมือให้กาหยูโดดเกาะ กาหยูกระโจนขึ้นให้หฤษฎ์อุ้ม หันหลังเดินไป

โศรยาดีใจ หันไปหาพวงชมพู “ฉันจะได้กลับบ้าน กลับบ้าน!”

โศรยาเดินเร็วๆ มาที่หลุมศพ ตื่นเต้นเหมือนมีข่าวมาเล่าให้เพื่อนรักฟัง หฤษฎ์อยู่กับกาหยูรีบหลบ

“หริณ ฉันจะได้กลับบ้านแล้วนะ พี่เธอเขาปล่อยฉันแล้ว เธออโหสิให้พี่ศันสนีย์นะจ๊ะ เกิดชาติหน้าฉันขอเป็นเพื่อนกับเธออีก แต่เธอต้องไม่มีพี่ชายโหดร้ายอย่างชาตินี้นะ”

หฤษฎ์ขมวดคิ้ว ไม่สบอารมณ์ จะเดินเข้าไปหา แต่เห็นท่าทางและฟังคำพูดประโยคต่อมา

“แต่ถึงยังไงก็ตาม” เธอก้มจับสร้อยข้อมือมุกที่สวมอยู่ “นายช่วยดูแลเขาด้วยแล้วกัน”

พูดจบอย่างเร็วแล้วก็กระดากปาก กัดริมฝีปากหันหลังกลับ หฤษฎ์ออกมาจากที่กำบัง มองตามอึ้ง

ใบ้ตรวจสอบเรือเสร็จ โดดลงมา หฤษฎ์ยืนรอที่ท่าเรือ โศรยาวิ่งมาที่เรืออย่างเร็ว ไม่มีสมบัติใดๆ ติดตัว หฤษฎ์มองสงสัย

“สงสัยอะไรเหรอ? ฉันมามือเปล่า ฉันก็ต้องกลับไปแต่ตัวแบบนี้แหละ ไปเถอะ เดี๋ยวกว่าจะถึงกรุงเทพ จะดึก ฉันไปนะใบ้ ขอบใจสำหรับการเป็นผู้คุมที่ไม่โหดร้ายนัก ฉันคงไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ไปนะ กาหยู”

กาหยูจับมือโศรยา ใบ้เดินมารับกาหยูไป กาหยูส่งเสียงโบกไม้โบกมือ โศรยาเดินไปลงเรือ หฤษฎ์ประคอง โศรยารู้สึกหวิวในใจขณะเซไปปะทะหฤษฎ์ในเรือ

“ดูแลทางนี้ก่อนนะใบ้ จำเลยถูกปล่อยตัวแล้ว” หฤษฎ์เดินไปบังคับสตาร์ทเรือ แล่นออกไป

หฤษฎ์มาส่งโศรยาถึงหน้าบ้านศุภฤกษ์ โดยให้แท็กซี่จอดห่างบ้านไปเล็กน้อย ก่อนจะลงโศรยาขอร้องชายหนุ่มไม่ให้ทำร้ายศันสนีย์ หฤษฎ์ก็ขอเธออย่างหนึ่งว่า

“งั้นผมขออะไรคุณอย่างหนึ่งเหมือนกัน เก็บสร้อยมุกไว้ อย่าถอดทิ้ง ได้มั้ย?”

โศรยานิ่ง หฤษฎ์ฉวยมือมากุมไว้ ดึงโศรยาเข้ามาใกล้ โศรยากลัวคนมอง รีบพยักหน้า สลัดมือออกจากหฤษฎ์ แล้วเดินไปโดยเร็ว

ศันสนีย์ขับรถออกจากบ้าน ผ่านโศรยาไปไม่ทันสังเกต นุกูลเดินออกมา เห็นโศรยา

“โศรยา!”

หฤษฎ์ได้ยินเสียงนุกูล หันไปมอง เขาบอกให้แท็กซี่แล่นออก หฤษฎ์เห็นโศรยายืนนิ่ง นุกูลวิ่งมาหาโศรยา พลางเหลียวมองแท็กซี่ เห็นเพียงชายคนหนึ่งที่รีบหันหน้าเมินไปอีกทาง

“นุกูล มาทำอะไรที่นี่?!”

หฤษฎ์มองกระจก เห็นนุกูลจับสองมือโศรยากุม เขาขบกรามนิ่ง ขณะรถแล่นไป


.......................


จำเลยรัก ตอนที่ 17


โศรยากราบขอโทษสายสมรกับศุภฤกษ์ที่เธอหายไปโดยไม่บอก สายสมรพูดประชดประชันอย่างไม่พอใจ ขณะที่ศุภฤกษ์ขัดขึ้นแล้วซักถามรายละเอียด โศรยาตอบความจริงไม่ได้จำต้องโกหก

เสร็จจากถูกสายสมรกับศุภฤกษ์ซักถาม เธอยังถูกนุกูลถามว่าไปกับหริณหรือเปล่า ทำให้โศรยาหงุดหงิด นุกูลจึงขอตัวกลับก่อน เพราะเข้าใจว่าเธอกลับมาเหนื่อยๆ

หฤษฎ์จะกลับเลย แต่เผอิญกวินโทรมาบอกว่าที่บ้านในกรุงเทพของเขามีเหตุร้าย เขาจึงต้องกลับมาที่บ้าน ซึ่งมีนายแจ่มคนเฝ้าบ้านบอกว่า มีขโมยปีนเข้ามาแล้วพลัดตกไปถูกเหล็กแหลมที่รั้วเสียบขาอยู่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยพาตัวหัวขโมยส่งโรงพยาบาล ตำรวจสอบปากคำหฤษฎ์ มีนักข่าวมาถ่ายภาพหฤษฎ์

หฤษฎ์เข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาไม่ได้มาพักที่นี่เป็นเวลานานมาก เขาเดินดูภาพบิดามารดาและหริณ พลางรำลึกถึงความหลัง กระทั่งนายแจ่มเข้ามาตามไปรับประทานอาหาร นายแจ่มชวนคุยว่าเมื่อไหร่เขาจะมาพักที่นี่ เขาอ้างว่าทางนู้นมีงานต้องทำ พลางบ่นไปถึงหริณที่ตอนมาเรียนกรุงเทพฯ ก็ไม่ยอมมาพักอ้างว่าไกล ขอไปพักหอแทน

“น่าสงสารคุณหริณ เห็นนายหัวกับนายหญิงทะเลาะกันทุกวัน คงฝังใจไม่ชอบบ้านนี้ตั้งแต่เล็กๆ แล้ว”

“งั้นเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยรู้”

“ช่วงที่คุณหฤษฎ์อยู่เมืองนอกน่ะครับ นายหัวอารมณ์ร้อนตีนายหญิงเรื่อย คุณหนูหริณเข้าไปกั้นก็โดนลูกหลงทู๊กที”

หฤษฎ์เพิ่งรู้ ว่าเรื่องนี้คือต้นเหตุที่ทำให้วิถีชีวิตของหริณเปลี่ยนไป และเกลียดบิดาถึงขั้นไม่ยอมใช้นามสกุลบิดา แต่ขอให้ของมารดาแทน

ดึกคืนนั้นโศรยานอนไม่หลับ จึงเดินออกมารับลมหน้าบ้าน ครู่หนึ่งศันสนีย์กลับมา เธอเห็นโศรยาก็แหวใส่

“ยายโศรยา! นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

“เมื่อตอนกลางวันค่ะ พี่ศันไปไหนมาคะ”

ศันสนีย์ตอบโศรบยาพลางเดินเข้าบ้าน โศรยาเดินตาม “ก็ ไปทำงานสิยะ ไม่ได้เหลวไหลไร้สาระอย่างเรานี่ รู้มั้ย ว่าที่แกหายหัวไปน่ะ ทำให้คนที่นี่เค้าตื่นตูมตื่นเต้นกันแค่ไหน นายนุกูลอะไรนั่นก็มาตามไม่รู้กี่หนต่อกี่หน คุณพ่อก็พาลหาว่าฉันไม่ดูแลใส่ใจ เดือดร้อนไปด้วย ถามหน่อยเถอะ ว่าไปเที่ยวไหนมา?”

“โศไม่ได้ไปเที่ยวค่ะ พี่ศัน”

สองพี่น้องเดินตามกันมาถึงในห้องโถง สายสมรนั่งดูข่าวในโทรทัศน์อยู่และอุทานขึ้น ทำให้สองสาวเข้าไปดูข่าวด้วย ทำให้เห็นข่าวหฤษฎ์ที่บ้านถูกขโมยขึ้น พอฟังข่าวจบสายสมรพอรู้จักชื่อเสียงของนายเหมดีก็ร้องอ๋อ ขณะที่ศันสนีย์กับโศรยาตะลึงด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

ศันสนีย์เข้าห้องนอนก็ฝันหวานไปถึงไหนๆ เมื่อนึกถึงว่าหฤษฎ์คือเจ้าของฟาร์มมุก เธอปลดเสื้อผ้ายิ้มกับตัวเอง แล้วฮัมเพลงคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป

เช้าวันใหม่ หฤษฎ์นั่งจิบกาแฟ นายแจ่มค้อมตัวเอาหนังสือพิมพ์มาวางให้ หฤษฎ์เปิดอ่านยิ้มๆ ที่มีข่าวตัวเองในหน้าหนังสือพิมพ์ ก่อนจะบอกให้นายแจ่มเตรียมรถให้คันหนึ่ง

หฤษฎ์คิดถึงสิ่งที่อยากทำ เขาขับรถไปจอดไม่ไกลจากรั้วบ้านของศุภฤกษ์ แล้วคอยมองที่ประตูไม่ให้คลาดสายตา

เวลาผ่านไปนานจนเห็นโศรยาเดินออกมาขึ้นรถแท็กซี่คั้นหนึ่งออกไป เขาสตาร์ทรถตามไปทันที โศรยาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต หฤษฎ์เดินช้าๆ ตามดูตลอดเวลา ขณะนั้นเองโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เขารีบหลบมุมรับสาย

“สวัสดีครับ ผม หฤษฎ์ครับ”

ศันสนีย์นั่งอยู่กับธวัชชัย ที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่สำนักงาน “สวัสดีค่ะ ศันเองนะคะ พวกเราเห็นข่าวที่บ้านคุณหฤษฎ์น่ะค่ะ”

“อ๋อ ครับ พอดีผมมาทำธุระที่กรุงเทพฯ กำลังจะกลับ บังเอิญเกิดเรื่อง”

“ยุ่งเลยสิคะ?”

“นิดหน่อยเท่านั้นครับ คุณศันสนีย์กับคุณธวัชชัย จะถามผมเรื่องที่จะไปถ่ายภาพกันที่เกาะใช่มั้ยครับ ผมไม่มีปัญหานะครับ เคลียร์พื้นที่แล้ว”

“ตายจริง เคลียร์พื้นที่ พูดเหมือนกับว่ามีสาวๆ แอบซุกไว้ที่เกาะ อุ๊บส์ ขอโทษค่ะ ศันล้อเล่น คุณหฤษฎ์ไฟเขียวเปิดเกาะค่ะ”

ศันสนีย์ดีใจหันไปยิ้มกับธวัชชัย เขาทำท่าขอโทรศัพท์ “สักครู่นะคะ คุณธวัชชัยขอคุยด้วยค่ะ”

“คุณหฤษฎ์ครับ งั้นเพื่อเป็นการขอบคุณล่วงหน้า ผมจะเชิญทานกลางวันด้วยกันสักมื้อ ได้มั้ยครับ”

หฤษฎ์รีรอ พอมองเห็นโศรยาชำระเงินพอดี ก็ตอบตกลงธวัชชัย

หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว หฤษฎ์ ธวัชชัย ศันสนีย์ ก็พากันเดินออกมาผ่านร้านแกลลอรี่ ธวัชชัยนึกถึงภาพวาดภาพหนึ่งจึงชวนหฤษฎ์เข้าไปดู ธวัชชัยบอกว่าภาพนั้นเหมือนศันสนีย์มาก หฤษฎ์จ้องดูภาพนั้น เขาเห็นลายเซ็นก็รู้ว่าเป็นฝีมือของหริณน้องชายเขาเอง เขาหันมามองศันสนีย์ซึ่งเธอยิ้มอย่างภูมิใจ ธวัชชัยพูดอวดต่อว่า

“ผมเห็นปุ๊บ ผมว่าเหมือนเลย แต่คุณศันเขาบอกไม่เหมือน”

“เหมือนสิครับ เหมือนมาก คนวาดตาถึง เลือกผู้หญิงได้สวย ท่าทางจะรักมาก”

ศันสนีย์สะอึก “แค่ดูรูปก็รู้เลยเหรอคะ”

หฤษฎ์จ้องตาศันสนีย์ “รู้สิครับ คุณศันสนีย์แน่ใจเหรอครับ ว่าไม่ได้ไปนั่งเป็นแบบให้ศิลปินที่ไหนวาด”

ศันสนีย์รู้สึกว่าสายตาหฤษฎ์คาดคั้น เจาะจงเอาเรื่อง แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มชื่นชมเมื่อหันไปหาธวัชชัย

“ผมว่าคุณธวัชชัยน่าจะซื้อเก็บไว้”

“เขาไม่ขายนี่ครับ”

“ศันว่าเรารีบไปกันเถอะค่ะ คุณธวัชชัย เดี๋ยวจะประชุมกับลูกค้าช้านะคะ”

“จริงสิ ไปครับ” สามคนเดินไปผ่านร้านได้ไม่กี่ก้าว หฤษฎ์ขอตัวแยกไปทำธุระ

โศรยากลับมาก็เตรียมทำอาหาร มีเตยชวนคุยอยู่ข้างๆ ศันสนีย์ขับรถมาเตยออกไปเปิดประตู เวลาเดียวกันโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น โศรยาไปรับแต่ปลายสายกลับเงียบไม่พูดจาด้วย ศันสนีย์เข้ามาก็ถามว่าใครโทรมา โศรยาบอกว่าคนกดเบอร์ผิด ศันสนีย์จึงพูดดักคอว่าหริณโทรมาหรือเปล่า

“ทำไมคะ? หริณจะโทรมาได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก”

“ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ไม่รู้เป็นอะไร พักนี้ชื่อนายหริณมันตามหลอกหลอนฉันจัง ป่านนี้ไปนั่งวาดรูปขายอยู่ตลาดนัดไหนแล้วก็ไม่รู้ เจอมั่งมั้ย”

“พี่ศันคะ เราไม่มีวันเจอหริณอีกแล้วละค่ะ เพราะว่า”

เตยวิ่งเข้ามาขัดขึ้นกลางคันทันที บอกว่า มีของมาส่งแต่เธอยกไม่ไหว

ที่สนามบ้านมีภาพวาดกรอบใหญ่หนักอึ้ง หุ้มกระดาษห่อคลุมไว้ วางพิงอยู่ที่เก้าอี้สนาม เตยรายงานว่ามีคนสั่งซื้อให้ศันสนีย์ เธอจึงเดินไปดูนามบัตรที่ติดอยู่

“หฤษฎ์ รังสิมันต์!” โศรยาสะดุ้งเฮือก

ศันสนีย์ฉีกกระดาษที่หุ้มแคว่ก! เห็นภาพเหมือนตัวเอง “นี่มันภาพวาดของหริณ”

“ก็ ใช่! ฉันถึงได้บอกไง ว่าพักนี้ชื่อนี้มันหลอกมันหลอนฉันจัง”

“แล้ว หฤษฎ์”

“ก็มหาเศรษฐีที่โดนขโมยขึ้นบ้านเป็นข่าวออกทีวีวันก่อนไง นั่นล่ะ ฉันเจอมาแล้วสองหน นี่ยังไงกันเนี่ย ถึงส่งรูปฉันมาให้”

“พี่ศันคะ เขาอาจจะรู้จักกับคนวาด รู้จักหริณ”

“บ้า ไม่มีทาง ถ้ารู้จักเขาก็ต้องบอกฉันแล้วสิ ลายเซ็นก็ออกจะหรา แต่เขาไปทำยังไงนะ เจ้าของแกลลอรี่ถึงได้ยอมขายให้เขา”

“แล้วพี่ศันจะรับไว้เหรอคะ พี่ศันรู้มั้ยคะ ว่ามันหมายความว่าอะไร เขาคงกำลังจะ”

“จะจีบฉันน่ะสิ ฉันไม่ใช่เด็กอมมือหรอกน่า ไม่ได้การ ฉันต้องโทรไปขอบคุณซะหน่อย”

ศันสนีย์เดินเข้าบ้าน โศรยาท้วงจะพูดอะไรก็ไม่ฟัง โศรยามองตามหมดหวังจะพูดอะไรได้

หฤษฎ์จอดรถอยู่ใกล้บ้านศันสนีย์ เขายิ้มและรับโทรศัพท์จากศันสนีย์ ที่โทรมาขอบคุณตามแผน หฤษฎ์ยังบอกว่าอยากเข้าไปคุยกับเธอที่บ้าน แม้จะประหลาดใจว่าหฤษฎ์รู้จักบ้านเธอได้อย่างไร แต่ก็ตอบรับยินดีที่ชายหนุ่มมาจริงๆ ศันสนีย์ออกมาต้อนรับพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างแจ่มใส

โศรยาแอบมองและฟังด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นใจ เธอไม่เข้าใจว่าหฤษฎ์มาหาศันสนีย์ทำไม ยิ่งเตยวิพากษ์วิจารณ์ท่าทางสนิทสนมของทั้งสองยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจ เธอรอกระทั่งหฤษฎ์กลับไป จึงเข้าไปพูดกับพี่สาว

“พี่ศันคะ เมื่อกี้ โศได้ยินว่า ผู้ชายคนนั้นเขาจะมารับพี่ศันไปที่บ้าน”

“ใช่ แกจะทำไม?!”

“พี่ศันอย่าไปนะคะ อย่าเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาเด็ดขาดเลย” โศรยาอึกอัก แล้วเสียงอ่อนอยากจะเตือนจากใจจริง “เพราะเขาเป็น”

ศันสนีย์ไม่พอใจ รีบขัดทันที “เป็นผู้ชาย! โสด! เก่ง! และร่ำรวย ฉันไม่ได้รู้จักคุณหฤษฎ์แค่ในภาพข่าวทีวีเหมือนอย่างแกนะฉันไปเยี่ยมชมธุรกิจของเขามาแล้ว แถมเขายังมีเกาะส่วนตัวที่รอให้ฉันไปถ่ายแฟชั่นปกหนังสืออีก”

“แต่ แต่อยู่ๆ เขาเข้ามาหาพี่ศันถึงบ้าน เอาของกำนัลมาให้ นั่นน่ะเป็นภาพวาดฝีมือหริณนะคะ พี่ศันก็จำได้”

เตยที่เดินหอบภาพวาดช้าๆ รีรออยากฟังพี่น้องคุยกัน แต่โดนศันสนีย์หันไปตวาด ชี้ให้เปลี่ยนทิศ

“ท้วงนัก รำคาญ งั้นแกเอาไปไว้ห้องเก็บของเลย นังเตย ไป”

เตยสะดุ้ง เดินเลี่ยงไป ศันสนีย์หันขวับมาหาโศรยา “ใช่! หริณวาด ฉันรู้ แล้วทำไม?! แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าระหว่างคุณธวัชชัย กับคุณหฤษฎ์ ใครใจถึงกว่ากัน”

“แล้วพี่ไม่คิดว่านาย ว่าคุณหฤษฎ์นั่น เขามีจุดประสงค์ไม่ดีกับพี่เหรอคะ”

“ผู้ชาย เข้าหาผู้หญิง ก็คิดแบบเดียวกันทั้งโลกนั่นแหละ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนคุมเกมส์อยู่ ฉันหรือเขา!”

“พี่ศันคะ พี่ศันยังไม่รู้จักเขาดี”

“งั้นแกรู้จักละสิ รู้แค่ไหน ไหนบอกมาสิ” โศรยาจะพูดเรื่องที่หฤษฎ์เป็นพี่หริณ แต่ไม่ทัน “แกเป็นอะไรกับเขา ถึงทำท่ารู้ดี กีดกันฉันนัก ฮ้า เป็นอะไร?”

โศรยาสะดุ้ง “โศไม่ได้ ไม่ได้เป็น”

“งั้นก็จบ อย่ามาสะเออะก้าวก่ายเรื่องระหว่างชั้นกับผู้ชายคนไหน นอกซะจากว่าแกจะเป็นเมียเขานั่นแหละ ฉันถึงจะฟัง”

ศันสนีย์มองโศรยาอย่างไม่พอใจ โศรยาอยากจะอธิบายก็เจอเข้าอีกดอกให้สะอึก

“อ้อ แต่ถ้าฉันอยากได้ผู้ชายคนนั้นจริงๆ ละก็ ต่อให้เป็นเมีย ฉันก็กำจัดให้พ้นทางได้ ไม่ยากหรอก เพราะฉันทำมาแล้ว” ศันสนีย์เดินเฉียดเบียดโศรยาตรงขึ้นบันไดไป

“พี่ศัน” โศรยาหน้าละห้อย กัดปากตัวเองเพราะพูดไม่ออก

..............................

จำเลยรัก ตอนที่ 18

โศรยาตัดสินใจโทรไปหาหฤษฎ์ พอได้เสียงหฤษฎ์ โศรยาก็นิ่งไปอีก ชำเลืองมองรอบๆ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน พอเห็นว่าปลอดคนก็รีบกรอกเสียงร้อนรนลงไป

“อย่าลืมสัญญานะ สัญญาที่ว่าจะไม่ทำอะไรพี่ศันสนีย์น่ะ”

หฤษฎ์เมื่อรู้ว่าโศรยาโทรมาทำไม เขาเฉไฉไปคุยเรื่องที่อยากคุย

“คุณคงอยู่สุขสบายดีแล้วสินะครับ โศรยา วันหลังผมไปหาคุณที่บ้านอีกนะ เออ แล้ววันนี้คุณไปหลบอยู่ตรงไหน ผมไม่เห็นคุณเลย”

“ได้โปรดปล่อยพวกเราเถอะนะ หริณคงไม่สบายใจถ้ารู้ว่านายยังป้วนเปี้ยนไม่ประสงค์ดีกับพี่สาวฉัน”

“ผมทำอะไร ? ผมแค่เอารูปผู้หญิงที่เขารัก ไปให้เจ้าตัว หริณน่าจะพอใจ นอกเสียจากว่าพี่สาวคุณจะไม่ใส่ใจ เอามันไปทิ้งซะนั่นแหละ หริณก็คงจะเสียใจซ้ำซาก คุณช่วยบอกเขาให้เก็บดีๆ ล่ะ ว่างๆ ผมจะแวะไปหานะ”

“อย่านะ!”

“ขอผมเป็นคนตัดสินใจแล้วกัน”

“เอ๊ะ นายนี่!” โศรยาพูดต่อไม่ทัน เพราะหฤษฎ์วางสายแล้ว เธอโมโห หน้าบึ้งวางโทรศัพท์

เสียงศันสนีย์ดังมาจากบันไดขั้นบน ให้เธอขึ้นไปช่วยแต่งตัว ระหว่างแต่งตัวศันสนีย์เหลือบเห็นสร้อยมุกที่ข้อมือโศรยาสวยสะดุดตาก็คว้าหมับมาดู

“สวยนี่! เอามาจากไหนน่ะ ผู้ชายให้เหรอ?”

โศรยาอึกอัก “ไม่ค่ะ ของที่ระลึกน่ะค่ะ”

“แพงรึเปล่า”

“ไม่ค่ะ มัน ไม่มีราคาค่างวดอะไร”

“นั่นสินะ ถ้ามันแพง เธอจะซื้อได้เรอะ แต่วันหลัง อาจจะยืมไปใส่เล่นบ้างนะ สวยดี”

โศรยาตอบรับเสียงเบามาก ศันสนีย์คว้ากระเป๋าใบเล็กที่เตรียมไว้ขึ้นมาถือ แล้วเดินจะออกนอกห้องพลางสั่งให้โศรยาเก็บห้อง เพราะเธอจะไปงานเลี้ยง โศรยารีบถามว่าไปกับใคร

ศันสนีย์ไม่สบอารมณ์ “นี่ ยายโศ แกมาทำหน้าที่แทนคุณพ่อคุณแม่ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ?!”

เตยพรวดเข้ามาบอกว่าคนที่ศันสนีย์รอมาถึงแล้ว ศันสนีย์กระหยิ่มยิ้มหันไปมองโศรยาก่อนจะเดินออกไป

ในงานราตรี ศันสนีย์เต้นรำอย่างมีความสุข ขณะที่วิเศษเข้ามาพูดข่มขู่ธวัชชัยให้ซื้อที่ดินบนเกาะ ทำให้ธวัชชัยหงุดหงิด แล้วยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อมีข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น เขาลองเปิดรับก็ได้ยินเสียงชนิดาต่อว่าต่อขาน แล้วบอกว่าถ้าวันนี้เขาไม่มาหาเธอที่สะพาน จะเสียใจไปตลอดชีวิต ศันสนีย์เห็นสีหน้าของธวัชชัยไม่ดีก็เข้าไปพูดจาปลอบ

ธวัชชัยกับศันสนีย์พากันไปตามหาชนิดาที่สะพานแห่งหนึ่ง แล้วก็พบว่าเธอกำลังจะกระโดดลงไป ธวัชชัยพูดขอร้องให้เธอลงมา ศันสนีย์รำคาญก้าวออกไปจากผู้คนรอบข้างแล้วท้าทายให้ชนิดากระโดด กลุ่มไทยมุงเริ่มพากันตำหนิศันสนีย์ เธออายแต่ก็ยังตะโกนยั่วยุว่า

“เขาไม่กล้าหรอกค่ะ คนอย่างเขาทำอะไรซึ่งๆ หน้าไม่เป็นหรอก”

“แล้วแกล่ะ แย่งคุณธวัชชัยไปซึ่งๆ หน้า เอาเลย อยากได้ก็เอาไปเลย ฉันยกให้ ฉันจะไปรอคุณชาติหน้า ลาก่อนค่ะ คุณธวัชชัย”

ชนิดายิ้มเหี้ยมมองศันสนีย์อย่างอาฆาต ก้าวขาขึ้นไปอีก ศันสนีย์ร้องหวีดสุดเสียง ชนิดาตกใจชะงัก ธวัชชัยพุ่งเข้าชาร์จ คว้าแขน อีกมือตวัดโอบรอบเอว ดึงตัวลงมา คนวี๊ดว้าย

คืนนั้นศันสนีย์ปล่อยให้ธวัชชัยพาชนิดาไปปลอบใจ พอวันรุ่งขึ้นเธอก็ต่อว่าต่อขานเขาในออฟฟิศเรื่องชนิดาเรียกร้องความสนใจ แต่ธวัชชัยบอกว่าเขาไม่ได้หวังหวนคืนไปหาชนิดา แต่เขาทำเพราะชีวิตคนคนหนึ่งมีค่ายังไม่ควรตาย

นิมิตรกับคำรพเห็นบรรยากาศแล้วก็รีบชวนเปลี่ยนเรื่องคุยถึงการเดินทางไปถ่ายแบบที่เกาะ ทำให้ศันสนีย์ยิ้มออกมาได้ ขณะนั้นศันสนีย์ก็เห็นหฤษฎ์เดินมาที่เคาน์เตอร์ เธอรีบออกไปต้อนรับ หลังคุยเรื่องงานเสร็จ หฤษฎ์ชวนศันสนีย์ไปเที่ยวชมงานแสดงศิลปะ พร้อมขออนุญาตจากธวัชชัย แต่ศันสนีย์รีบออกตัวว่าเธอไปคนเดียวได้ เพราะธวัชชัยยังมีงานที่ต้องดูแล ธวัชชัยเข้าใจว่าศันสนีย์หึงชนิดาไม่หาย ขณะที่หฤษฎ์ก็สังเกตกิริยาของทั้งสองว่ามีความลึกซึ้งกันเพียงใด

ในงานแสดงสินค้าศิลปะ ทั้งคู่เดินชมแต่ศันสนีย์ไม่ค่อยสนใจสินค้าเท่าไหร่ เธอชวนเขาคุยเรื่องภาพที่เขาซื้อให้มากกว่า แล้วเธอก็เข้าใจไปเองว่าหฤษฎ์สนใจในตัวเธอ หฤษฎ์ยังให้เธอช่วยเหลือสินค้าชิ้นหนึ่งไปตั้งที่บ้าน ศันสนีย์อึ้งเพราะดูไม่เป็น ชี้ไปมั่วๆ หฤษฎ์ก็สั่งซื้อแล้วขับรถนำทางไปที่บ้าน หลังคนงานยกตั้งเรียบร้อย ศันสนีย์เดินวนหยิบป้ายราคามาดูเห็นเป็นหลักแสนก็บ่นที่เขาไม่ต่อสักคำ

“ก็คุณบอกว่าสวย”

“แต่ศันเลือกโดยไม่ทราบเลยนะคะ ว่าจะเอามาตั้งที่ไหน เข้ากับบ้านคุณรึเปล่า”

“ผมถึงชวนคุณศันมาที่บ้านด้วยไงครับ เผื่อเห็นว่าไม่เหมาะกับห้องนี้ เราก็จะได้ย้ายไปห้องอื่น”

“คุณหฤษฎ์!” ศันสนีย์อุทานมีจริต มองไปรอบๆ ออกอาการเขิน แต่ก็พอใจที่หฤษฎ์ให้ความสำคัญ

หฤษฎ์พาศันสนีย์เดินชมบ้าน เธอก็พูดชื่นชมไม่ขาดปาก

“บ้านสวยจังค่ะ ดูแลรักษาดีมากเลย ไม่น่าเชื่อว่ามีแต่คนงานเฝ้า”

“รอเจ้าของมาอยู่ครับ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่”

“ก็คงเมื่อคุณหฤษฎ์แต่งงานมังคะ หรือว่าจะพาเจ้าสาวไปอยู่เกาะ?”

“ผมก็คงต้องรอถามเขาครับ กำลังหาเจ้าสาวในอนาคต”

หฤษฎ์มองศันสนีย์ สองคนส่งสายตาอ่อยใส่กันด้วยต่างวัตถุประสงค์ หฤษฎ์แค่ลองใจ ขณะที่ศันสนีย์เตรียมเหยียบเรือสองแคม

จากนั้นหฤษฎ์ก็ขับรถพาศันสนีย์มาส่งที่บ้าน โศรยาจำต้องนำน้ำดื่มมาเสิร์ฟแทนเตย ศันสนีย์แนะนำว่า

“ขอบใจจ้ะ น้องสาวค่ะ ที่ศันเล่าว่าหายไปจากบ้านไงคะ เพิ่งกลับมาไม่กี่วันนี่เอง เที่ยวซะจนเราห่วง”

“ชื่ออะไรนะครับ” โศรยาสะดุ้ง ไม่นึกว่าหฤษฎ์จะตีหน้าซื่อ มาไม้นี้

“โศรยาค่ะ”

“ที่บอกไว้ว่าจะกลับบ้านนอกไม่กี่วันนี่ จะไปก็ไปได้นะจ๊ะ เพราะพี่ก็จะไม่อยู่บ้านเหมือนกัน จะไปถ่ายปกนิตยสารที่เกาะของคุณหฤษฎ์”

หฤษฎ์รีบเอ่ยชวน “ไปด้วยกันมั้ยครับ”

ศันสนีย์ทำเป็นใจดีบ้าง “นั่นสิ ไปมั้ย ไปช่วยพี่ ยกของหิ้วกระเป๋า จัดเสื้อผ้า”

โศรยารีบปฏิเสธ “ไม่ค่ะ คือ โศไม่มีความสามารถ”

หฤษฎ์ดักคออีก “กลัวน้ำมั้งครับ”

โศรยามองหน้าหฤษฎ์ไม่พอใจแว่บหนึ่ง หฤษฎ์เปรยทำไม่รู้ไม่ชี้ “พูดถึงน้ำ ผม ขอใช้ห้องน้ำหน่อยได้มั้ยครับ”

“เชิญค่ะ ทางโน้นเลยค่ะ”

หฤษฎ์ลุกเดินไป โศรยาจะลุกไปอีกทาง แต่ศันสนีย์ท้วงถามว่าเธอจะกลับบ้านวันไหน เพราะเธอไม่ต้องการให้โศรยาตามไปที่เกาะด้วย ขณะนั้นธวัชชัยโทรมาหาศันสนีย์ หฤษฎ์แกล้งทำน้ำกระเซ็นให้เสื้อเปียก โศรยาหยิบผ้าขนหนูมาส่งให้เขาเช็ด เขาถือโอกาสถามเสียงเบาๆ ว่า

“คิดถึงผมมั้ย”

“ชื่อฉัน นายยังไม่รู้จัก ฉันจะคิดถึงนายได้ยังไง”

“แล้วไม่ดีเหรอ ที่ผมแกล้งไม่รู้จักคุณน่ะ”

“นายคิดจะอ่อยเหยื่อทำอะไรพี่ศันสนีย์? ฉันขอร้องแล้วไง ว่าให้ปล่อยเธอเถอะ ไหนๆ หริณก็ตายไปแล้ว อโหสิไม่ได้เหรอ”

“ผมยังไม่ทันทำอะไร คุณเดาใจผมส่งเดช”

“ถ้าคุณประสงค์ดี ทำไมไม่แนะนำตัวว่าเป็นพี่ชายหริณ”

“ผมไม่ได้แนะนำแต่แรก แล้วก็เลยไม่รู้จะเริ่มยังไง ถ้าคุณอยากแนะนำแทน ก็บอกเขาไปเลย”

“ได้! ฉันจะเล่าให้พี่ศันฟัง ว่านายเป็นคนจับตัวฉันไป และที่จริงนายตั้งใจจะจับตัวพี่ศันสนีย์ไปแก้แค้น!”

“งั้นคุณจะบอกเขามั้ย ว่าที่เกาะน่ะ เราเป็นอะไรกัน” โศรยาอึ้ง เบี่ยงตัวสลัดออกเดินออกไป

หฤษฎ์ขอตัวกลับ ศันสนีย์ถามโศรยาว่าคุยอะไรกับหฤษฎ์ พร้อมย้ำว่าห้ามคิดอะไรกับหฤษฎ์เด็ดขาด

“แล้ว พี่ศันคิดอะไรคะ พี่ศันเอง ก็มีคุณธวัชชัยอยู่ทั้งคนแล้ว”

“ย้อน?! ย้อน?!” ศันสนีย์หยิกโศรยา “แกสอนฉันเหรอ”

“เปล่าค่ะ พี่รู้จักคุณหฤษฎ์นั่นดีแล้วเหรอคะ แน่ใจเหรอ ว่าเข้าเข้ามาหาพี่อย่างจริงใจ”

“เขาจะจริงใจหรือไม่จริงใจก็เป็นเรื่องของฉัน ฉันดูเองเป็น แกอย่ายุ่ง!”

ค่ำคืนนั้นโศรยาโทรนัดให้นุกูลมารับเธอกลับไปหาแม่ เช้าวันต่อมาธวัชชัยก็เอารถตู้มารับศันสนีย์ที่บ้าน โศรยาตัดสินใจเข้าไปพูดฝากให้ธวัชชัยดูแลศันสนีย์ เธอหวังให้เขาป้องกันภัยจากหฤษฎ์ ธวัชชัยยิ้มรับคำนึกเอ็นดูว่าเธอเป็นน้องสาวที่รักและห่วงใยพี่สาวมากเหลือเกิน

นุกูลมารับโศรยา พอถึงบ้านก็โผเข้ากอดสอางค์ด้วยความคิดถึง

“แม่ก็คิดถึงลูก กำลังคิดว่าถ้าไม่มา แม่จะไปตามละนะ”

“แม่จะไปตามที่ไหนคะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“ไม่ต้องตามหรอกค่ะ เป็นตายยังไงโศก็ต้องกลับมาหาแม่ให้ได้”

“พูดยังกับใครเขากักตัวไว้” โศรยาชะงักหน้าเจื่อน “เรามันไปเที่ยวเองแท้ๆ ไปไป เข้าบ้านพักผ่อนก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่า ว่าเรียนจบแล้วพากันไปเที่ยวไหน สนุกโลดโผนกันยังไงบ้าง ถึงไม่โทรหาแม่เลย”

โศรยาแก้เก้อ หลบตาแม่ “เดี๋ยวก่อน กอดแม่ก่อน”

นุกูลถือกระเป๋าโศรยามาวางไว้ที่เก้าอี้มองสองแม่ลูกปลื้มใจ “กอดกันจัง คนไม่มีแม่อย่างเรา อิจฉานะ”

“อย่าเลย นุกูล ตอนเราไม่อยู่ มาขโมยกอดแม่เราไปกี่ทีแล้วก็ไม่รู้”

“เอ้า เอ้า กอดเข้าไป เห็นรึเปล่า ว่าตาลุกเป็นไฟแล้ว”

สองแม่ลูกหัวเราะ โศรยาหยิบมะดันใกล้มือโยนใส่นุกูล สอางค์นึกได้ว่าทำกับข้าวอยู่ จึงรีบวิ่งเข้าครัวไป


.......................

จำเลยรัก ตอนที่ 19

สอางค์กราบหมอน กำลังจะนอน เสียงเคาะประตู สอางค์เดินไปเปิด โศรยายืนยิ้มกอดหมอนผ้าห่มอยู่

“ขอนอนด้วยคนสิคะ แม่”

“เข้ามาสิ ลูก”

สอางค์ยิ้มรับลูกสาว โศรยาเดินเอาหมอน ผ้าห่มไปจัดวาง นั่งรอแม่บนเตียง สอางค์เข้ามาลูบหัว

“แม่ขา แม่คิดถึงพ่อไหมคะ”

“เอ๊ ทำไมอยู่ๆ ถามขึ้นมาล่ะ ลูก”

“ก็ อยากรู้น่ะค่ะ แม่อยู่คนเดียว เหงาบ้างไหมคะ”

“ก็ เหงาบ้างเหมือนกันจ้ะ แต่แม่ก็มีหนูไง ลูก”

“แม่ขา ตอนที่พ่อกับแม่จะแต่งงานกัน พ่อเขาบอกรักแม่ยังไงเหรอคะ”

“บอกยังไงเหรอ พ่อเขาไม่พูดเยอะ แต่เขาทำให้แม่เห็นมากกว่า”

“ยังไงคะ”

“ก็ หมั่นมาหา มาดูแล ทำให้แม่รู้ว่าแม่สำคัญที่สุดสำหรับพ่อเขา แล้วก็คอยมากันท่าคนอื่น”

“คนอื่นนี่ รวมคุณลุงศุภฤกษ์ด้วยหรือเปล่าคะ”

“ทำไมถามยังงั้น ลูก นี่ไปฟังคุณป้าพูดมามากล่ะสิ”

“ก็คุณป้าพูดอยู่เรื่อย”

“คุณลุงรักคุณป้าหนูตั้งแต่ต้น กับแม่ เรามีแต่ความเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้แก่กัน”

“แล้วทำไมคุณป้า”

“คุณป้าของหนูเธอเป็นคนร้อน ความร้อนมากไป บางทีก็ทำให้เรามองความจริงง่ายๆ ไม่เห็น” โศรยาแอบนึกถึงหฤษฏ์ “แล้วนึกยังไงวันนี้ถึงมาสัมภาษณ์แม่เรื่องนี้ ฮึ ไปแอบมีความรักกับใครมาหรือเปล่าจ๊ะ”

“ปะ เปล่าค่ะ แม่ อย่างหนูจะไปมีความรักที่ไหนได้ หนูคงไม่โชคดีเจอคนที่รักหนูอย่างที่พ่อรักแม่หรอกค่ะ” โศรยาตัดบท หันไปกอดแม่หลับตา

สอางค์ยิ้มลูบหัวลูกสาว “แต่แม่เชื่อว่าลูกของแม่จะต้องเจอคนดี”

รุ่งเช้าสอางค์กับโศรยาไปใส่บาตรกลับมาก็เห็นนุกูลนอนรออยู่ใต้ถุนบ้าน โศรยาเดินเอาของมาวางกระแทกใกล้ๆ นุกูล นุกูลสะดุ้งโหยง

“ดูสิคะ แม่ ไปทำบุญมาไม่ทันไร มีตัวอะไรมารอขอส่วนบุญแล้ว”

“บ้า ใครรอ ไหน มีอะไรเหลือมั่งล่ะ หิวนะเนี่ย หิว”

“มีเต็มเลยลูก เดี๋ยวทานด้วยกัน”

“ทานอยู่แล้วครับ ไล่ยังไงก็ไม่ไป”

โศรยาแกล้งเบ้หน้าใส่ นุกูลก็แหย่กลับ สอางค์ขำสองคนที่ไม่เคยโต สอางค์หันไปจะหยิบถาดขึ้นบ้าน เด็กสองคนเห็นก็กระโดดเข้ามาจะช่วย แต่โศรยาเกิดหน้ามืดกะทันหัน ทรุดวูบลงไป สอางค์ตกใจ นุกูลประคองทันทีมานั่งที่แคร่

“หน้าซีดเชียว โศ หนูเป็นไงบ้าง ลูก”

“ไม่เป็นไรค่ะ แม่ มันวูบไปเฉยๆ สงสัยลุกเร็วไปหน่อย”

“งั้นก็ไม่ต้องซ่า นั่งพักอยู่นี่แหละ เดี๋ยวเราช่วยน้าสอางค์จัดของเอง เข้าใจ”

โศรยาพยักหน้า หมดแรงจะเถียง สอางค์มองลูกสาวเป็นห่วง

โศรยาปักธูปลงในกระถางธูปหน้ารูปพ่อ กว้างออกเห็นมีดอกไม้ พวงมาลัยจัดอยู่สวย สอางค์นั่งเยื้องไปข้างหลังลูกสาว

“พ่อขา โศเรียนจบแล้วนะคะ”

“ลูกเก่งนะคะ คุณ ถ้าพ่อเขายังอยู่ เขาต้องดีใจแล้วก็ภูมิใจในตัวหนูมากแน่ๆ”

โศรยาหันมากอดแม่ “แม่ขา เราสามารถขออโหสิกรรมแทนคนอื่นได้มั๊ยคะ”

“ยังไงนะลูก”

“ก็ เช่นถ้าเรารู้ว่าญาติพี่น้องเราทำให้คนอื่นเสียใจจนตาย เราก็ ทำบุญกรวดน้ำไปให้คนตายแล้วบอกว่าทำแทนพี่น้องเรา”

“กรรมเป็นเรื่องของบุคคล ชดใช้แทนกันไม่ได้หรอกลูก แต่หนูลองไปถามหลวงพ่อดูก็ได้นี่ลูก ทำไมจ๊ะ หนูจะทำแทนใคร”

โศรยาอ้ำอึ้ง แต่ก็ตัดสินใจบอกแม่ “แม่จำเพื่อนโศที่ชื่อหริณได้มั๊ยคะ”

“หริณ อ๋อ คนที่ชอบวาดรูปใช่มั๊ยลูก เออ เขาเป็นยังไงบ้างจ๊ะ เงียบไปเลย”

“เขา ตายแล้วค่ะ แม่”

“คุณพระช่วย เมื่อไหร่ลูก แล้วเค้าตายยังไง โธ่ พ่อคุณ ยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ”

“เขา ยิงตัวตายค่ะ เขาเสียใจที่พี่ศันเลิกกับเขา”

“โธ่เอ๊ย อารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ พ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน”

“พ่อแม่เขาเสียหมดแล้วค่ะ หริณเขาเหลือแต่ พี่ชายคนเดียว”

“โถ คงใจสลายนะ เหลืออยู่ตัวคนเดียว” โศรยาเงียบเมื่อพูดถึงหฤษฎ์ “แล้วนี่ หนูศันเขารู้มั๊ย เขาว่ายังไงบ้างลูก”

“คุณพี่ยังไม่ทราบหรอกค่ะ โศว่าจะบอก แต่ก็ไม่กล้า เพราะถ้าเล่าเรื่องหนึ่ง ก็จะต้องเล่าเรื่องอื่นต่ออีกยาว”

“เรื่องอะไรลูก”

โศรยานิ่งไป ไม่รู้จะพูดยังไง “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่เกี่ยวกับเราหรอกค่ะ”

“ไม่เกี่ยวแล้วทำไมหนูถึงต้องเก็บมาเป็นทุกข์ล่ะลูก” โศรยาไม่กล้าสบตาแม่ สอางค์รู้ทันลูกสาว

“เรื่องไม่เป็นเรื่องที่ว่าเนี่ย มันเกี่ยวกับที่หนูหายตัวไปหรือเปล่า” โศรยาตาเหลือก

“แม่ไม่รู้ว่าหนูกำลังปิดบังอะไรอยู่ แต่แม่เชื่อว่าลูกของแม่มีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แม่จะไม่ถาม แต่เมื่อไหร่ที่หนูสบายใจ และพร้อมที่จะพูดจะเล่า แม่อยู่กับหนูเสมอนะจ๊ะ หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกนะลูก”

โศรยาน้ำตาไหล ก้มลงกราบแม่ “แม่ขา โศกราบขอบคุณแม่ ไม่มีใครเข้าใจโศเท่าแม่อีกแล้ว”

สองแม่ลูกกอดกันอยู่หน้าเถ้ากระดูกพ่อ

ธวัชชัยและคณะเดินทางมาถึงเกาะ กวินได้รับคำสั่งจากหฤษฎ์ให้จัดการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง หฤษฎ์เดินทางตามาถึงศันสนีย์ดีใจอย่างออกนอกหน้า การถ่ายแบบเริ่มดำเนินไปเรียบร้อยหลายชุดหลายสถานที่ ไม่ว่าทีมงานต้องการสถานที่แบบไหน หฤษฎ์ก็หาให้ได้ แถมศันสนีย์ก็โพสต์ท่าราวกับนางแบบอาชีพ

มีสถานที่แห่งเดียวที่หฤษฎ์ไม่ต้องการให้คณะของธวัชชัยเข้าใกล้ คือที่เก็บกระดูกของหริณ เขากำชับนายใบ้ให้ดูแลห้ามใครเข้าใกล้ โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ อย่างศันสนีย์

หลังการถ่ายแบบเสร็จสิ้น ทีมงานลงเล่นน้ำทะเล มีเพียงศันสนีย์ที่กลัวผิวเสีย เธอเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ พอถึงเรือนใหญ่ ศันสนีย์เดินขึ้นไปแล้วรู้สึกเหมือนมีใครแอบมอง แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใคร เธอเดินต่อไปอีกหน่อยก็ได้ยินเสียงของหล่น ก็สะดุ้งหันไปถามก็ไม่มีคำตอบ พอเดินต่อก็มีลมพัดฝุ่นปลิวเข้าตา ศันสนีย์ส่องกระจกดู บังเอิญมือปัดของบนโต๊ะตก เธอก้มเก็บพอเงยขึ้นก็เห็นหญิงหน้าตาน่ากลัว เธอตกใจร้องกรี๊ด

บุญทายในสภาพหญิงวิกลจริตกระโจนเข้าใส่ศันสนีย์ นายใบ้ได้ยินก็วิ่งขึ้นมาเห็นทั้งคู่ตบตีกันอยู่ พอดูชัดๆ ว่าเป็นใครนายใบ้รีบเข้าไปจับตัวบุญทายออกมา

ธวัชชัยกับหฤษฎ์ที่ได้ยินเสียงแล้วรีบวิ่งมา บุญทายเห็นหฤษฎ์ก็ดีใจ แต่หฤษฎ์เลยเข้าไปประคองศันสนีย์ บุญทายสะบัดจะวิ่งตามแต่นายใบ้ดึงไว้ บุญทายกัดมือ นายใบ้เลยตบบุญทายกระเด็นไปกระแทกกำแพงสลบ

ศันสนีย์เงยหน้าเห็นหฤษฎ์กับธวัชชัย เธอโผเข้ากอดหฤษฎ์และร้องให้เข้าช่วย ธวัชชัยตะลึงตาค้าง หฤษฎ์อุ้มศันสนีย์ไปวางบนเตียง แล้วแกะมือเธอออกส่งให้ธวัชชัย จากนั้นเขาก็ออกมาหน้าเรือนพยายามสงบสติอารมณ์ ใบ้ประคองบุญทายที่สลบอยู่

“แกปล่อยมันเข้าไปทำร้ายแขกของฉันได้ยังไง ใบ้”

หฤษฎ์โกรธ เดินเข้ามาเหมือนจะจับบุญทายไป ใบ้กอดบุญทายไว้ ยกมือขึ้นไหว้ขอหฤษฎ์อย่าทำอะไรบุญทายเลย สองคนจ้องตากัน ใบ้ขอร้อง น้ำตาไหล เข้ามาจับเท้าหฤษฎ์ เหมือนจะบอกว่าให้ทำตัวเองแทน หฤษฎ์เวทนา ดึงเท้าออก

“ได้ แกรับผิดชอบก็แล้วกัน อย่าให้ฉันเห็นหน้ามันอีก จะจับส่งตำรวจหรือจะส่งโรงพยาบาลบ้า แกเลือกเอา เดี๋ยวฉันจะส่งกวินมาจัดการ เข้าใจมั๊ย”

ใบ้ยกมือไหว้หฤษฎ์ท่วมหัว หฤษฎ์เดินออกไป ใบ้หันมากอดบุญทายที่ไม่มีสติเหมือนจะสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย

จากนั้นหฤษฎ์ก็เข้ามาขอโทษธวัชชัยกับศันสนีย์ที่เกิดเหตุร้ายขึ้น ธวัชชัยถามว่าบุญทายเป็นใคร

“บ้าครับ บุญทายบ้ามาก ผมไม่รู้ว่าเขากลับมาแถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเลยไม่ทันได้ระวังให้ดี ผมเสียใจจริงๆ ที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหฤษฎ์หรอกครับ อย่าโทษตัวเองเลย ผมเองซะอีกที่ไม่ควรปล่อยให้คุณศันอยู่คนเดียว”

“คุณศันเป็นยังไงบ้างครับ”

“เจ็บไม่เท่าตกใจครับ งั้นผมขอตัวกลับไปดูเธอก่อน”

“เชิญครับ เดี๋ยวเรือมา ผมจะเข้าไปเรียก”



ที่บ้านสวนโศรยา สอางค์ นุกูลนั่งล้อมวงทานข้าวกันอยู่ โศรยานั่งหน้าหงอย ไม่ค่อยทาน จนนุกูลทักขึ้น

“เป็นอะไรรึเปล่า โศ ไม่ค่อยทานเลย กับข้าวบ้านสวนไม่ถูกปากหรือไง”

“พูดมากเดี๋ยวเราไล่กลับบ้านเลย”

“ไล่ไปดิ ไล่ไปก็เหนื่อยเปล่า ไล่ไงก็ไม่ไป”

“โอ๊ย สองคนนี้นี่ ยังไงนะ ทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กแล้วไม่เบื่อมั่งหรือยังไงนะ”

โศรยากับนุกูลยังไม่ยอมแพ้ แต่ก็เกรงใจสอางค์ ได้แต่พยักเพยิดสู้กันไป

“แต่ก็จริงของนุกูลนะ หนูเป็นอะไรรึเปล่าลูก”

“ไม่ทราบสิคะ แม่ ใจมันหวิวๆ เป็นห่วง”

“ห่วงใครจ๊ะ”

นุกูลแทรกขึ้นมา “ห่วงคุณพี่”

โศรยาหันมาจะปรามเพื่อน นุกูลชิงพูดก่อน “ก็จริงไหมล่ะ ใจเธอมีแต่คุณพี่ คุณพี่ ห่วงตัวเองบ้างเห๊อะ ทางโน้นเขาไม่เห็นจะสนใจตัวเลย”

“ห่วงเขาเรื่องอะไรลูก”

“ไม่ทราบสิคะ แค่ห่วงเฉยๆ”

“เอ๊ แม่ว่าแม่ไม่ได้ยกหมูทอดกระเทียมออกมานะเนี่ย”

“จัดให้ครับ ของโปรดคุณโศรยา” นุกูลลุกไป

สอางค์ยื่นมือมาจับลูกสาว “โทรไปหาคุณพี่เขาก็ได้นี่ลูก จะได้สบายใจ”

“ค่ะ แม่”

นุกูลยกจานหมูทอดออกมา ควันกรุ่นหอมฉุย “มาแล้วคร้าบ หมูทอดกระเทียม อร่อยที่สุดในโลก”

นุกูลวางจานหน้าโศรยา ได้กลิ่นก็ฉุนกึก เอามือปิดจมูก “เป็นอะไรลูก”

“เหม็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ แม่”

“เหม็นอะไรที่ไหน มีแต่หอมกลิ่นกระเทียม”

ได้ยินคำว่ากระเทียมเท่านั้น โศรยาออกตัวสี่คูณร้อยไปห้องน้ำ โอ๊กอ๊ากดังมา นุกูลหันมามองหน้ากับสอางค์

เมื่อมาถึงตัวเมือง ธวัชชัยก็ตัดสินใจพาศันสนีย์กลับกรุงเทพฯ ทันที เขามาส่งเธอที่บ้าน ศุภฤกษ์กับสายสมรออกมารับลูกสาว สายสมรเห็นสภาพลูกสาวก็ลมจะจับ

“ยายศัน ตายแล้ว เป็นอะไรไปลูก โอ๊ย ทำไมเป็นยังงี้ ไหนว่าไปถ่ายแบบ ทำไมสภาพเป็นยังงี้ล่ะ คุณธวัชชัย”

“คุณธวัชชัย นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณเล่าให้อาฟังเดี๋ยวนี้” ศุภฤกษ์ถาม

“เรื่องมันยุ่งน่ะครับ ผมกราบขอโทษที่ดูแลคุณศันไม่ดี พรุ่งนี้ผมจะมารับไปหาหมอแต่เช้านะครับ”

“ขอโทษแล้วมันจะหายไหม อะไรกัน ปล่อยไปกับคุณทีไร กลับมาสภาพอย่างนี้ทุกที น้าพูดจริงๆ นะว่าน้าไม่ชอบ ถ้าลูกสาวน้าคนเดียว คุณดูแลไม่ได้ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมารับไปอีก”

ธวัชชัยหน้าเสีย ศันสนีย์ตัดบทว่า “ไม่ใช่ความผิดคุณธวัชชัยหรอกค่ะ คุณแม่ ศันประมาทเอง อย่าไปว่าเธอเลยค่ะ เดี๋ยวศันเล่าให้คุณพ่อ คุณแม่ฟังเองดีกว่านะคะ แต่ตอนนี้ขอขึ้นข้างบนก่อนได้มั๊ยคะ ศันยืนจะไม่ไหวอยู่แล้ว”

“พรุ่งนี้ผมมารับนะครับ คุณศัน”

“ค่ะ” ศุภฤกษ์ประคองลูกสาวออกไป

สายสมรเดินตาม บ่นไล่หลังไป ตั้งใจให้ธวัชชัยได้ยิน “โธ่ ยายศันเอ๊ย สงสัยดวงมันจะไม่สมพงษ์กันล่ะมั๊ง”

ธวัชชัยหน้าจ๋อยสนิท รู้ตัวว่าถูกแดกดัน หมุนตัวกลับมาเจอเตยยืนสอดรู้สอดเห็นอยู่

“ดูคุณศันด้วยนะเตย มีอะไรโทรเข้ามือถือฉันได้ตลอด ดึกยังไงก็โทรได้ เข้าใจมั๊ย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมารับคุณศันไปหาหมอ”

“ค่ะ” พอลับหลังธวัชชัย เตยรีบยกกระเป๋าขึ้นไปทันที

และเมื่อศันสนีย์เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง สายสมรบอกว่าจะต้องเรียกค่าเสียหาย ศันสนีย์เองก็บอกว่าเธอจะต้องเรียกให้หายเจ็บทีเดียว

เตยโทรศัพท์มาส่งข่าวให้โศรยาทราบ ทำให้โศรยาเป็นห่วงศันสนีย์มาก เธอขอแม่ว่าจะเข้ากรุงเทพฯ มาดูแลศันสนีย์

วันรุ่งขึ้นหฤษฎ์ก็มารับศันสนีย์แต่เช้าไปหาหมอ ธวัชชัยคิดไม่ถึงว่าหฤษฎ์จะไวมาชิงตัวหญิงสาวไปก่อน แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้รีบตามไปที่โรงพยาบาล ศันสนีย์ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล

หฤษฏ์พยุงศันสนีย์จากรถเข็นขึ้นเตียง พยาบาลเข็นรถออกไป สวนกับธวัชชัยที่หน้าประตู ศันสนีย์กำลังยิ้มหวานอยู่กับหฤษฏ์ หันไปเห็นธวัชชัยก็หน้าหุบ

“คุณศันไปเอกซเรย์แล้วเหรอครับ” ธวัชชัยถาม

“ค่ะ คุณหฤษฏ์จัดการเรียบร้อยหมดเลยค่ะ นัดหมอให้ แล้วก็ไปนอนเข้าอุโมงค์เอกซเรย์หัวจรดเท้าเลย ตื่นเต๊น ตื่นเต้นค่ะ”

“ผมนึกว่าคุณศันจะคอยผม”

“ก็คุณธวัชชัยน่ะ ช้า ศันเจ็บขนาดนี้ จะรอได้ยังไงไหวค่ะ ตายไปก่อนจะทำยังไง” ธวัชชัยหน้าเจื่อน

หฤษฎ์ตัดบทว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมต้องรับผิดชอบ คุณศันไปเจ็บตัวอยู่ที่บ้านของผม แต่ตอนนี้คุณธวัชชัยมาแล้ว ผมก็ส่งต่อคนไข้เลยแล้วกันครับ เหลือแค่รอฟังผลตรวจทั้งหมดอีกที”

“แล้วเมื่อไหร่จะมาเยี่ยมศันอีกคะ” ศันสนีย์อ้อน

“ต้องมาอยู่แล้วครับ ผมคงอยู่ที่กรุงเทพจนกว่าคุณศันจะหายดี ผมถึงจะสบายใจ” หฤษฎ์หันมาพูดกับธวัชชัย “คุณหมอบอกว่า ถ้าเพลียก็ให้นอนพักอยู่สักสองสามวันก็ได้ครับ ผมขอตัวก่อน”

“ขอบคุณคุณหฤษฏ์ครับ แล้วเจอกันนะครับ”

ธวัชชัยเดินมาส่งที่หน้าประตู ศันสนีย์มองตาม พอลับหลังหฤษฏ์ ธวัชชัยหันมา ศันสนีย์รีบหาว

“คุณศันเป็นยังไงบ้างครับ ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“ก็เจ็บหมดแหละค่ะ แต่ตอนนี้ ศันง๊วง ง่วง สงสัยยานอนหลับที่หมอให้จะออกฤทธิ์”

“งั้นคุณศันนอนพักนะครับ ผมอยู่เฝ้าคุณศันเอง”

ศันสนีย์พลิกตัวมาแบบเริ่มเบื่อคนนี้แล้ว ธวัชชัยลูบหัวแล้วเอามือศันสนีย์มากุมไว้

หฤษฏ์เดินออกมากดรอลิฟท์ ใจนึกถึงพี่น้องที่ช่างต่างกัน สักพักลิฟท์เปิดออก โศรยากระโจนออกมาจากลิฟท์ ชนหฤษฎ์เข้าอย่างจัง สองคนหันมามองหน้ากัน พอเห็นว่าเป็นใครก็อึ้ง หลังจากไม่ได้เจอกันนานก็กลับมาอยู่ในอ้อมกอดกันอีกครั้ง

“โศรยา”

ก่อนจะรู้สึกตัว ลิฟท์อีกตัวก็เปิดออก นุกูลเดินออกมา เห็นหลังโศรยาแว่บๆ ไม่ทันเห็นว่าอยู่กับใคร

“โอ๊ย คุณนายจะรีบไปถึง … อ้าวโศ”

โศรยาผละออกมาจากอกหฤษฎ์ หฤษฎ์หันไปเห็นนุกูลก็ขวาง นุกูลเข้ามาจับแขนโศรยา “ตัวเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ปะ เปล่า ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”

โศรยารีบเดินไป นุกูลเดินตาม หฤษฏ์หมุนตัวกลับไปมองไม่วางตา โศรยากลั้นใจแอบหันมามอง ก็เห็นหฤษฎ์จ้องอยู่ ตาสบตา โศรยารีบหันกลับ สะท้านในอก

หฤษฎ์มองตามจนโศรยาเลี้ยวเข้าห้องหายไป สีหน้าเจ็บปวด

โศรยาเข้าไปเฝ้าศันสนีย์ พอฟังศันสนีย์เล่าเรื่องที่เกิดทำให้รู้ว่าบุญทายเป็นคนทำร้าย โศรยาออกอาการตกใจไม่น้อย

“บุญทายเหรอคะ?!!”

“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย รู้จักหรือไง”

โศรยารีบกลบเกลื่อน “เปล่าค่ะ เอ่อ คนหรือผีคะ”

“บ้าเหรอ คนสิ ฉันไม่ได้ไปผจญภัยเกาะผีสิงมานะ คนนี่แหละ คนบ้า สติเสีย มันบ้าว่าพี่จะไปแย่งผัวมัน มันนึกว่าพี่จะไปมีอะไรกับไอ้คนใบ้นั่นหรือไง อี๋ แค่นึกก็ขยะแขยงแล้ว”

“โศบอกแล้วว่าให้คุณพี่อยู่ห่างๆ นาย หฤษฎ์อะไรนั่นไว้”

“ห่างทำไมยะ เขาเป็นคนมาช่วยพี่ไว้นะ เป็นฮีโร่เข้ามาทันพอดีเลย ตอนที่เขากอดพี่เอาไว้นะ มันอบอุ่น บอกไม่ถูกเลย”

“คุณพี่”

“นี่ อย่ามาขัดอารมณ์พี่ได้มั๊ย ช่วงนี้พี่อารมณ์ดี ไม่อยากหงุดหงิด ไหนล่ะ คุณธวัชชัยที่แสนดีของเธอน่ะ แค่ไปซื้อน้ำหวานแก้วเดียวเนี่ย ยังช้าเลย”

“คุณพี่ดื่มน้ำเปล่าก่อนมั๊ยคะ”

“ไม่เอา เออ แล้วนี่ แฟนเธอเขาไปไหนสะแล้วล่ะ”

“ไปธุระต่อแล้วค่ะ”

“แหม เดี๋ยวนี้ยอมรับเต็มปากเลยนะ”

“ไม่รับหรอกค่ะ นุกูลเป็นเพื่อนโศ แต่พูดไปคุณพี่ก็ไม่ฟังโศอยู่ดี”

ศันสนีย์คิกคัก อารมณ์ดีมีเป้าหมายใหม่ ธวัชชัยเปิดประตูเข้ามา ศันสนีย์หุบยิ้ม

“น้ำหวานได้แล้วครับ คุณศัน”

“เกือบลืมไปแล้วค่ะ คุณน่ะ ช้าตลอด มาช่วยศันก็ช้า ไปรับศันเมื่อเช้าก็ไม่ทัน”

ธวัชชัยจ๋อยอีก ศันสนีย์รับน้ำไปดูดๆ โศรยามองอย่างเห็นใจ ธวัชชัยฝืนๆ ยิ้ม


..............................


จำเลยรัก ตอนที่ 20

ธวัชชัยลากลับ โศรยาเดินออกมาส่งแล้วพูดปลอบให้ธวัชชัยเอาใจศันสนีย์หน่อย เพราะเธอหงุดหงิดเนื่องจากไม่ค่อยสบาย ธวัชชัยเข้าใจว่าศันสนีย์ยังงอนเขาอยู่ที่ปล่อยให้เธอเจ็บตัว

“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ โศว่าถ้าจะมีคนผิดก็น่าจะเป็นเจ้าของบ้านมากกว่า คนอะไร ไม่รู้จักมาดูแล”

“คุณหฤษฏ์เขาอยู่กับผมนั่นแหละครับ อย่างนั้น วันนี้ผมฝากคุณโศดูแลเธอด้วยนะครับ”

“ค่ะ โศจะดูแลให้คุณธวัชชัยค่ะ”

ลิฟท์มาพอดี ธวัชชัยเข้าลิฟท์ไป โศรยายังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลิฟท์อีกตัวเปิดออก หฤษฎ์ยืนอยู่ในนั้น โศรยาตะลึง พอตั้งสติได้ก็หันหลังเดินหนี หฤษฎ์เดินตามมาติดๆ

“ทำไมต้องเดินหนีผมด้วย?!”

โศรยาหันกลับมาประจันหน้า “นายปล่อยให้บุญทายมาทำร้ายคุณพี่ นายทำยังงี้ทำไม”

“ผมไม่ได้ปล่อย บุญทายเสียสติกลับมาอาละวาด คุณพี่คุณเจอแจ๊คพ็อทพอดี แต่ไม่ต้องห่วง ผมจัดการกับบุญทายแล้ว”

“ถ้ายังงั้นก็เหลือแต่นาย อย่าทำร้ายพี่ศันอีก เข้าใจมั๊ย”

โศรยาชี้หน้าหฤษฎ์ว่าเอาจริง สร้อยข้อมือมุกแทบทิ่มหน้าหฤษฎ์ เขามองสร้อยมองคนใส่แล้วยิ้ม จับมือโศรยาไว้

“หึงเหรอ”

“ฉันเนี่ยนะ หึงนาย ไม่มีวัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ทำไมจะต้องปล่อย คุณกลัวใครมาเห็นเข้าหรือไง กลัวเขาจะเข้าใจผิดเหรอ”

“นายพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ปล่อยฉันนะ”

หฤษฎ์จับแน่นขึ้น “คุณไม่หึง แต่ผมหึง รู้ไว้ซะด้วย ผมไม่ชอบเห็นคุณอยู่กับคนอื่น”

“นายไม่มีสิทธ์มาสั่งฉันอีกแล้ว นายไม่ใช่เจ้าชีวิตฉันอีกแล้ว”

หฤษฎ์จ้องหน้าโศรยา ไม่มีใครหลบตา พยาบาลเข็นรถอาหารมาพอดี หฤษฎ์ปล่อย โศรยาหันหลังกลับวิ่งเข้าไปในห้อง หฤษฎ์มองตาม พยาบาลจะเปิดประตูตามเข้าไป หฤษฎ์ท้วงไว้ว่าเขาจะเอาเข้าไปเอง

และพอหฤษฎ์เข็นรถอาหารเข้าไป โศรยาได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกเหม็น เธอรีบวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ จนศันสนีย์บ่นขึ้น

“แล้วอย่างนี้ ศันจะทานลงไหมคะเนี่ย ยายโศนี่ อะไร ทำท่ายังกับคนท้อง” หฤษฎ์ได้ยินก็ตกใจ หันไปมองทางห้องน้ำ

โศรยาอ้วกจนหมดท้องก็เปิดน้ำบ้วนปาก มองหน้าตัวเองในกระจก โศรยามีสีหน้าตกใจ เอามือจับหน้าท้องตัวเอง ประสาทเสีย

เช้าวันใหม่ โศรยานั่งเฝ้าศันสนีย์อยู่ ศันสนีย์เห็นสร้อยมุกที่ข้อมือก็แซวว่า

“ใส่ไม่ถอดเลยนะ สร้อยมุกเส้นนี้” โศรยาสะดุ้ง มือเลื่อนมากุมไว้ “แหม หวงจริงนะ กะไอ้แค่สร้อยมุกกระจอกๆ ไม่เห็นจะมีค่าอะไรเลย”

“โศ”

“เอาเถอะๆ ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงหวงนัก”

“คุณพี่ทราบ”

“ฉันว่าฉันเดาไม่ผิดหรอก แฟนเธอให้มาใช่ม๊ยล่ะ แหม ไม่ต้องมาปิดหรอก พี่เป็นผู้หญิงด้วยกัน พี่เข้าใจ เอาน่า พี่สัญญาว่าพี่จะไม่บอกใครเด็ดขาดเลย แต่มีข้อแม้นะ เธอต้องบอกพี่ว่าที่เธอหายตัวไปน่ะ หายไปไหนกับใคร”

โศรยาช็อกตาตั้ง ตั้งรับไม่ทัน “ไม่ต้องอายพี่หรอกน่า เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ถือเรื่องพวกนี้ เธอหนีไปอยู่กับแฟนเธอมาใช่ไหมล่ะ แหม ร้ายนักนะ เห็นหงิมๆ อย่างนี้ เอาเข้าจริงก็ไม่เบาเหมือนกัน ว่าแต่เขาเป็นใคร พี่รู้จักมั๊ย หริณเหรอ”

โศรยาน้ำตารื้น “เอ้า แค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วย โอ๊ย น่ารำคาญจริงเลย หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไม ฉันถามแค่นี้ไม่ได้หรือไง”

“คุณพี่ขา โศไม่ได้”

“เอาเถอะๆ ฉันไม่ถามก็ได้ จริงๆ พี่ก็เห็นใจเธอนะ โง่ๆ ไม่ทันคนอย่างเธอ ก็คงถูกผู้ชายมันหลอก แรกๆ ก็ยังงี้แหละ อีกหน่อยเธอก็จะทันคนเหมือนพี่ เสียดายพี่ไม่มีเวลาเทรนเธอนะ โศ ไม่งั้น อีตาผู้ชายคนนี้ไม่มีวันมาทำให้น้องพี่ต้องเสียน้ำตายังงี้หรอก”

โศรยาพยายามหยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตา “ยังรักเขาอยู่เหรอ ยังรักเขาแล้วหนีกลับมาทำไม เราหนีก็แปลว่าเรายอมแพ้ นี่ พี่จะบอกให้นะ ผู้ชายน่ะ ไม่ยากหรอกที่จะทำให้เขาหลงรักเรา ดูคุณหฤษฎ์สิ แรกๆ ก็ทำเป็นหยิ่ง หลังๆ เครซี่พี่จะตาย”

“แล้วคุณธวัชชัยล่ะคะ”

“โอ๊ย พี่จำไม่ได้แล้ว เก่าจัง ต้องคุณหฤษฏ์นี่ถึงจะเหมาะสม ทั้งหล่อ ทั้งรวย โสดสนิท อะไรที่ ไม่ดีเราก็ตัดทิ้งไป”

โศรยาอึ้ง “พี่หมายถึงเราด้วยนะ โศ อะไรที่มันร้ายๆ ก็ปล่อยมันทิ้งไปสะ อย่าไปเก็บไว้ รกสมองเปล่าๆ เธอกลับมาก็ดี อีตานุกูลอะไรนั่นก็ดูเหมาะกับเธอนะ เวลาพี่เห็นเธอสองคนอยู่ด้วยกันก็ ดูบ้านๆ น่ารักดีออก”

ศันสนีย์หมดความสนใจจะคุยกะทันหัน เปิดหนังสืออ่าน โศรยาไม่รู้จะทำยังไงกับพี่สาวดี

ขณะที่ศันสนีย์หลับ โศรยาตัดสินใจลงไปตรวจร่างกาย หมอตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติ นอกจากอ่อนเพลียและพักผ่อนน้อย หมอให้ไปรอรับยาบำรุง หฤษฎ์เดินมาเห็นโศรยารอรับยาก็เข้ามาถามว่า

“คุณเป็นอะไร”

“ฉันเป็นอะไร ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ไม่เป็นไรแล้วทำไมต้องหาหมอ โศรยา อย่ามาปิดบังผมนะ”

“ปิดบังอะไรคุณ ฉันไม่มีอะไรต้องปิดบัง ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณทั้งนั้น ไปไกลๆ เลยนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

“เห็นก็เห็น ผมไม่แคร์ เมียผม ผมก็ต้องดูแล”

“อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ นายไม่มีสิทธิ์มาพูดจาพล่อยๆ กับฉันยังงี้”

หฤษฎ์เห็นหน้าโศรยาเอาจริงก็อ่อนลง เป็นห่วงจริงๆ “โศรยา ผมขอร้อง เราพูดกันดีๆ ได้ไหม ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ คุณเป็นอะไร เมื่อวันก่อน ผมเห็นคุณคลื่นไส้ คุณเป็นอะไรครับ”

“ทำไม นึกว่าฉันท้องกับนายเหรอ” หฤษฎ์อึ้ง “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ท้อง ฉันแค่คลื่นไส้ที่เห็นหน้านายเท่านั้นแหละ”

“โศรยา อย่าโกหกผมนะ ถ้าคุณท้อง ผมยินดีรับผิดชอบ คุณไม่มีสิทธิ์มาปิดบังผม”

โศรยาจ้องหน้าหฤษฎ์อย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้ท้อง”

พยาบาลเดินมาส่งยาให้โศรยาอย่างไม่รู้เรื่อง “คุณโศรยาคะ ยาบำรุงค่ะ”

โศรยาตาเหลือก หฤษฎ์เหลือกกว่า พยาบาลยังคงพูดต่อ “คุณหมอบอกว่าต้องทานให้ครบนะคะ แล้วช่วงนี้คุณต้องพักผ่อนให้มากที่สุด อย่าเครียด แล้วพอยาหมด ต้องกลับมาตรวจอีกทีนะคะ”

โศรยารีบรับยาแล้วเดินหนี เธอพุ่งออกจากลิฟท์มา หฤษฎ์กระโจนมาจากบันได วิ่งตามมา

“หยุดนะ โศรยา เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด ฉันบอกนายไปหมดแล้ว”

“ไม่จริง คุณโกหก ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วย”

“ฉันไม่ได้โกหก โอ๊ย นี่ ถ้านายไม่เชื่อฉันนะ นายลงไปถามคุณหมอข้างล่างก็ได้”

“ผมไม่ถามใครทั้งนั้น ผมถามเมียผมนี่แหละ ทำไมคุณใจร้ายนัก ใจคอคุณจะตัดผมไปได้ลงคอเลยเหรอ”

“แล้วที่นายทำกับฉัน มันไม่ยิ่งใจร้ายกว่าเหรอ ตอนนั้นฉันขอร้องอะไร นายไม่เคยฟังฉันเลย ตอนนี้พอฉันทำบ้าง นายไม่มีสิทธิ์มาว่าอะไรฉันทั้งนั้น”

“โศรยา ผมขอโทษ คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้ ผมขอโทษ ผมเสียใจ” โศรยาจะใจอ่อน “ผมพูดจริงๆ ผมยินดีรับผิดชอบ ถ้าคุณท้อง ผมก็ยินดี”

โศรยาปรี๊ดแตก “ถ้าฉันท้องเหรอ แล้วถ้าฉันไม่ได้ท้องล่ะ นายจะเสียใจมั๊ย”

“เดี๋ยวโศรยา คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้น”

“หยุดพูดได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังอะไรอีก ถ้าฉันท้อง ฉันก็ดูแลลูกของชั้นได้ ไม่ต้องให้ใครฝืนใจมาช่วย แต่ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าฉันไม่ได้ท้อง เพราะฉะนั้น นายไม่ต้องห่วงว่านายจะต้องลำบากใจมารับผิดชอบ”

โศรยาจะออก หฤษฎ์ดึงไว้ “เดี๋ยว โศรยา คุณฟังผมก่อนได้มั๊ย ผมไม่ได้ฝืนใจทั้งนั้น ผมรักคุณนะ”

โศรยาอึ้ง หฤษฎ์ก็ตกใจที่พูดออกไป สองคนมองกันนิ่งอยู่

ประตูลิฟท์เปิดออก เสียงสายสมรเร่งศุภฤกษ์ดังมาก่อน โศรยากระโดดผละออกจากหฤษฎ์

“เร็วสิคุณ เดี๋ยวลูกรอ อ้าว แม่โศ คุณหฤษฎ์ ทำไมมาอยู่ตรงนี้คะ”

“เอ่อ คุณหฤษฎ์มาเยี่ยมคุณพี่ค่ะ แต่คุณพี่ยังหลับอยู่ เลยกลัวเธอจะตื่น” โศรยาตอบ

“เหรอคะ คงใกล้ตื่นแล้วมั๊ง เข้ามาก่อนสิคะ” สายสมรเห็นถุงยาในมือหลานสาว “อ๊าว แม่โศ เป็นอะไร”

“เอ่อ โศไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ เลยลงไปขอยามาทาน”

“ดีแล้ว ลุงว่าจะทักอยู่ว่าเดี๋ยวนี้เราดูซูบๆ ไป” ศุภฤกษ์ว่า โศรยาไม่กล้ามอง รู้ว่าหฤษฎ์มองอยู่

“เอ้า งั้นเข้าไปข้างในกันไหมคะ เดี๋ยวยายศันตื่นมาไม่เจอใครจะงอแงอีก”

“เอ่อ ผมคงต้องขอตัวครับ ต้องไปทำธุระต่อ ลาเลยนะครับ” หฤษฎ์ขอตัวไหว้แล้วเดินออก สวนกับธวัชชัยพอดี ทั้งสองคนมองกัน ก้มหัวให้นิดหน่อย หฤษฎ์รีบเดินออก

ธวัชชัยไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน “สวัสดีครับ”

สายสมรรับไหว้แกนๆ แล้วเดินเข้าไปเลย ศุภฤกษ์เริ่มจะเห็นบางอย่างแปลกไป โดยเฉพาะโศรยา

ศันสนีย์เห็นทุกคนมาพร้อมหน้าขาดแต่หฤษฎ์ก็ถามถึง พอรู้ว่าเขามาตอนเธอหลับก็ไม่พอใจและไม่อยากพูดกับธวัชชัย แถมขอพักงานจนกว่าจะหายดี สายสมรเห็นด้วย แต่ศุภฤกษ์เห็นใจและเข้าใจธวัชชัย เขาชวนธวัชชัยไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน พลางถามว่าเบื่อลูกสาวเขาหรือยัง

“ไม่เบื่อครับ จะเบื่อเรื่องอะไร” ธวัชชัยตอบ

“อาเลี้ยงของอามา ทำไมอาจะไม่รู้ ยายศันน่ะ บทจะเอาแต่ใจขึ้นมา ใครก็เอาไม่อยู่ อารู้ว่าแกไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่จะอยู่ด้วยได้ง่ายๆ”

“แต่เธอน่ารักนะครับ ผมรับรองกับคุณอาได้เลยว่าผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด”

“ได้ยินอย่างนี้ อาก็สบายใจ ดี ได้คุยกันจริงๆ จังๆ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน”

ธวัชชัยรวบรวมความกล้าถามออกไป “คุณอาครับ คือ ผมรักคุณศันจริงๆ คุณอาจะขัดข้องไหมครับถ้าผมจะขออนุญาตคุณอาว่า ผมจะขอเธอแต่งงาน”

ศุภฤกษ์หันมามองอย่างจริงจัง “ผมขออนุญาตอย่างไม่เป็นทางการก่อน อยากเรียนให้คุณอาทราบว่าผมจริงใจกับเธอจริงๆ แล้วผมจะจัดการทุกอย่างอย่างถูกต้องและสมเกียรติแน่นอนครับ”

“ถ้าลูกสองคนตกลงใจกัน อาก็ไม่มีปัญหาหรอก” ธวัชชัยดีใจไหว้ขอบคุณ

ขณะเดียวกันในห้องพัก สายสมรก็เชียร์ให้ศันสนีย์สลัดธวัชชัยแล้วหันไปจับหฤษฎ์ ศันสนีย์ยอมรับว่ายากทั้งสองทาง จึงขอจับปลาสองมือเผื่อเลือก โศรยาฟังแล้วไม่สบายใจ ทั้งที่คำพูดของหฤษฎ์ที่บอกเธอว่า “ผมรักคุณนะ” ก็ยังก้องอยู่ในหู

เช้าอีกวันหมอบอกให้ศันสนีย์กลับบ้านได้ หฤษฎ์ไปจัดการค่าใช้จ่าย โศรยาก็เลี่ยงออกไปโทรบอกธวัชชัย แต่เผอิญเขายุ่งกับงานจึงไม่สามารถมารับได้ทันที

ศันสนีย์อยากแต่งตัวให้สวยตอนออกจากโรงพยาบาล แต่เธอไม่มีเครื่องประดับ

“เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณพี่” โศรยาบอกปัด

ศันสนีย์ก็ยังไม่โอเคอยู่ดี เหลือบไปเห็นสร้อยมุกของโศรยา “เออ สร้อยมุกเธอ เอามาให้พี่ยืมก่อน”

โศรยาตกใจ ลังเล ทำอะไรไม่ถูก ศันสนีย์ขัดใจ “อะไรกัน แค่นี้ต้องหวงด้วยเหรอ พี่ไม่เอาของเธอไปหรอกน่า ขอยืมใส่เฉยๆ เอามา”

โศรยาอึกอัก “นี่ แกไม่มีสิทธิ์มาหวงของกับฉันนะ ฉันช่วยชีวิตแกมานะ ยายโศ แค่นี้ แกให้ฉันไม่ได้เหรอ”

โศรยาถึงทางตัน จำใจถอดให้ไป “โศให้คุณพี่ได้ทุกอย่างค่ะ”

“ดี” ศันสนีย์เอาสร้อยมุกมาใส่ มองสวยดี เห็นโศรยาหน้าจ๋อยก็เลยกึ่งปลอบกึ่งย้อน “เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณน้อง”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น “คุณหฤษฎ์มั๊ง ไปเปิดทีสิ”

ศันสนีย์รีบวิ่งกลับมานั่งทำป่วยอยู่บนเตียง โศรยามาเปิดประตู เป็นนุกูลยืนอยู่

“อ๊าว เธอนี่เอง นึกว่าใคร” ศันสนีย์ทักอย่างไม่สบอารมณ์

นุกูลจำใจคุยด้วย “คุณศันหายดีแล้วเหรอครับ”

“ก็โอเค กลับบ้านได้ มารับยายโศเหรอ”

“พอดีผมมาทำธุระที่กรุงเทพเลยแวะมา”

“แหม หวานกันจังนะ เมื่อกี้ก็เพิ่งโทรคุยกัน แล้วยังรีบมารับกันอีก”

นุกูลงงๆ ว่าคุยกันเมื่อไหร่ โศรยาหลบตาไปอีกทางก็เห็นหฤษฎ์ยืนอยู่หน้าประตู สายตาบอกว่าได้ยินประโยคสุดท้ายของศันสนีย์ชัดเจน โศรยาตัวแข็งไป

“อ๊าว คุณหฤษฎ์ มาเงียบๆ”

หฤษฏ์เดินเข้ามา โศรยาก้มหน้า ศันสนีย์ลุกมาหา

“สงสัยเราต้องกลับกันสองคนสะแล้วล่ะคะ ยายโศน่ะ เขามีคนมารับสะแล้ว”

พูดจบก็คล้องแขนหฤษฏ์หมับ หฤษฏ์มองตามก็เห็นสร้อยมุกที่ข้อมือศันสนีย์ หฤษฏ์หันมามองข้อมือว่างเปล่าของโศรยา โศรยารู้ตัวว่าโดนโกรธก็เลื่อนมือมาปิดข้อมือโล่งๆ ไว้ นุกูลสังเกตเห็นว่าเพื่อนทำท่าแปลกๆ

นุกูลจะพาโศรยากลับบ้านสวน แต่เธอขอว่าให้รออีกสองสามวัน เพราะเป็นห่วงศันสนีย์

“ทำไมล่ะ พี่ศันของเธอ เขาก็มีคนดูแลตามแจแล้วนี่”

“ก็นั่นแหละที่เราห่วง เราไม่ไว้ใจนายหฤษฎ์”

“แล้วเธออยู่จะไปช่วยอะไรเขาได้ ปล่อยให้แฟนเก่าแฟนใหม่เขาตีกันเองเถอะ คุณพี่ตัวน่ะ เก่งกล้าสามารถไม่น่าห่วงหรอก”

โศรยายังไม่วางใจ นุกูลตบบ่าให้สบายใจ “ตามใจตัวเองก็แล้วกัน ถ้าอยากกลับก็โทรบอกเรา ช่วงนี้เรายังว่างขับให้ได้อยู่ อีกหน่อย เราไม่ว่างแล้วอย่ามาง้อแล้วกัน”

โศรยาหันมาดึงนุกูลไว้ “ไม่ว่าง แล้วจะไปไหน”

“ไม่บอก”

โศรยาตีแขนนุกูล “ไม่บอกได้ไง เดี๋ยวนี้ทำเป็นมีความลับกับเราเหรอ”

ท่าทางสองคนเหมือนหยอกล้อกัน หางตาโศรยาหันไปเห็นรถหฤษฎ์ขับพาศันสนีย์ออกไป นุกูลมองตาม เห็นหฤษฎ์มองมาทางโศรยา

“แฟนใหม่พี่ตัวนี่ ใช่คนที่เดินชนตัวหน้าลิฟท์หรือเปล่า”

โศรยาสะดุ้ง “มะ ไม่รู้สิ จำไม่ได้ ถามทำไม”

นุกูลยักไหล่ “เปล่า แต่เราว่าเขามองตัวแปลกๆ รู้จักกันมาก่อนเหรอ”

“จะรู้จักได้ไงล่ะ เราไม่เห็นชอบขี้หน้าเขาเลย ไปเถอะ” โศรยาเดินนำไปขึ้นรถ

ด้านหฤษฎ์เห็นนุกูลกับโศรยาคุยกันก็รู้สึกไม่พอใจแต่ต้องเก็บเงียบไว้ เขาพาศันสนีย์แวะร้านอาหาร แล้วชวนคุยเรื่องสร้อยมุก โดยจะขอซื้อต่อราคาหนึ่งแสน เธออยากได้เงินแต่ทำเป็นบ่ายเบี่ยง เขาจึงพาเธอไปร้านซื้อสร้อยมุกราคาแพงให้เธอเส้นหนึ่ง

คืนนั้นศันสนีย์กลับไปนอนชื่นชม และบอกโศรยาว่าสร้อยมุกของเธอขายไปแล้ว โศรยาตะลึงใจหาย

“ตั้งแสนหนึ่ง แถมพี่ได้มาอีกเส้น ไม่ขายก็โง่แล้ว”

“แต่มันเป็นของโศนะคะ คุณพี่”

“โอ๊ย สร้อยกระจอก จะไปเสียดายทำไม คนให้มันก็ทิ้งเธอไปแล้วด้วย จะเก็บไว้ทำไมให้ช้ำใจ ฮึ นี่ เดี๋ยวพอคุณหฤษฎ์เขาเอาเช็คมาให้นะ พี่จะพาเธอไปชอปปิ้งเส้นใหม่ ดีไหม”

โศรยาหน้าเสีย แต่ก็ไม่กล้าเถียงศันสนีย์ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เตยโผล่เข้ามาบอกว่าธวัชชัยมา

ศันสนีย์ลงมารับดอกไม้ช่อโตมาถือไว้ ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่ก็ยิ้มเอาใจ แต่พอเห็นว่ามีสร้อยข้อมือเพชรคล้องที่ดอกไม้ก็ทำให้เธอปลื้มมาก

“รับขวัญครับ” ธวัชชัยขยับมาหยิบจากช่อดอกไม้จะใส่ให้ที่ข้อมือ แต่ก็เห็นอีกเส้นที่ข้อมืออีกข้าง “ว๊า เส้นเล็กกว่าของคุณศันซะอีก”

ศันสนีย์ยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ศันชอบทั้งสองเส้นนั่นแหละ ขอบคุณนะคะ”

“คุณศันหายโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”

“ศันบอกแล้วไงคะว่าศันไม่โกรธ คุณธวัชชัยไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คืนนี้ศันง่วงแล้วล่ะคะ อยากพักผ่อน”

“งั้นผมกลับก่อน ฝันดีนะครับ”

“ค่ะ” ธวัชชัยออกไป ศันสนีย์ยกข้อมือตัวเองขึ้นมาดู ปลื้มใจในความเสน่ห์แรงของตัวเอง


............................

1 ความคิดเห็น:

talbartgabbert กล่าวว่า...

Caesars Casino Ownership & Management Board - Dr.Maryland
Caesars 익산 출장샵 casino owned by the Eastern Band of Cherokee Indians 천안 출장샵 was the flagship of the casino. 세종특별자치 출장안마 The 안산 출장샵 company started construction in 2003. The 김제 출장샵 property opened

Powered By Blogger